นายปราโมทย์ พรหมรักษ์ ชาวสุราษฎร์ธานี อาชีพขับรถบรรทุก พร้อมภรรยาและบุตรชาย เข้าแจ้งความกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.เชาวลิต ฆังคะรัตน์ สังกัดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมพวก ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กรณียัดข้อหายาเสพติด สร้างหลักฐานเท็จให้ผู้อื่นได้รับโทษ
นายปราโมทย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 ร.ต.ท.เชาวลิต กับพวก นำกำลังเข้าค้นบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น แต่เมื่อไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งหมดจึงเข้าทำร้ายร่างกายตน ภรรยา และลูก ก่อนจะนำตัวไปกักขังที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง และบังคับให้เซ็นรับข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 50 เม็ด เมื่อตนปฏิเสธก็ถูกข่มขู่จะนำตัวภรรยาไปที่อื่น ตนเกรงภรรยาจะได้รับอันตรายจึงยอมเซ็นรับข้อหา และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล และหลังเกิดเหตุต้องพาครอบครัวหนีออกจากพื้นที่ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนรับเรื่องและจะตรวจสอบว่ากลุ่มของ ร.ต.ท.เชาวลิต เกี่ยวข้องแก๊ง ตชด.นอกรีตหรือไม่ พร้อมส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาภายใน 30 วัน
นายปราโมทย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 ร.ต.ท.เชาวลิต กับพวก นำกำลังเข้าค้นบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น แต่เมื่อไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งหมดจึงเข้าทำร้ายร่างกายตน ภรรยา และลูก ก่อนจะนำตัวไปกักขังที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง และบังคับให้เซ็นรับข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 50 เม็ด เมื่อตนปฏิเสธก็ถูกข่มขู่จะนำตัวภรรยาไปที่อื่น ตนเกรงภรรยาจะได้รับอันตรายจึงยอมเซ็นรับข้อหา และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล และหลังเกิดเหตุต้องพาครอบครัวหนีออกจากพื้นที่ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนรับเรื่องและจะตรวจสอบว่ากลุ่มของ ร.ต.ท.เชาวลิต เกี่ยวข้องแก๊ง ตชด.นอกรีตหรือไม่ พร้อมส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาภายใน 30 วัน