จอมงัดแงะเงินในตู้น้ำหยอดเหรียญถึงคราวดับ เจ้าของบ้านยังไม่ทันนอนดันเข้าไปงัดตู้หวังกวาดเงินเหรียญ ทว่าถูกยิงเลยรีบเผ่นอ้าว แต่มากลายเป็นศพในรุ่งเช้าอยู่ในพงหญ้าตรงข้ามบ้านที่เข้าไปงัด เจ้าของบ้านปฏิเสธเสียงแข็ง ยิงขึ้นฟ้าไม่รู้ตายได้อย่างไร
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. พ.ต.ต.ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกยิงเสียชีวิต บริเวณพงหญ้าข้างถนนนิมิตใหม่ ช่วงระหว่างปากซอยนิมิตใหม่ 22-24 ก่อนถึงทางเข้าไลท์อินน์ รีสอร์ท แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพนายนรากร แสงทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณสะโพกหลังด้านขวาทะลุใต้ราวนมขวา 1 นัด นอนคว่ำหน้าบริเวณศีรษะซุกเข้าไปในพงหญ้าข้างต้นกล้วย สวมเสื้อกล้ามสีขาว ทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวลายพรางทหาร ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ไม่สวมรองเท้า ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายมีหนังสติ๊ก 1 อัน
จากการสอบสวน น.ส.เสาวลักษณ์ กนกะปิณฑะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ซอยนิมิตใหม่ 17 ถ.นิมิตใหม่ แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งด้านหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ เลขที่ 3/12 ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตนกำลังปิดร้านขายของชำ เพื่อจะเข้านอนตามปกติ ขณะนั้นตนได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังงัดแงะที่บริเวณตู้น้ำแบบหยอดเหรียญที่ตั้งอยู่ด้านหน้าร้านขายของชำ จึงได้ชะโงกออกไปดูและพบคนร้ายกำลังงัดตู้น้ำอยู่ โดยมีคนร้ายอีก 1 คนนั่งรออยู่ที่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมืดมาก ตนจึงได้ไปเรียกนายทองน้อย กนกะปิณฑะ อายุ 55 ปี และนางสุภาวรรณ กนกะปิณฑะ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นบิดาและมารดามาดู
น.ส.เสาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อบิดาของตนเห็นคนร้ายกำลังงัดตู้น้ำจึงได้วิ่งเข้าไปเอาอาวุธปืนออกมา ก่อนที่จะยิงขู่ขึ้นฟ้าจำนวน 5 นัด จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนตกใจและหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายยังได้ทำรถจักรยานยนต์ล้มขณะจะหลบหนีด้วย จึงทำให้ พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ของคนร้ายตกหล่นอยู่ พร้อมกับไขควงอีกจำนวน 2 อัน จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พอช่วงเช้าก็มาพบว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งชื่อคนตายก็ตรงกับ พ.ร.บ.ที่คนร้ายทำตกไว้ขณะหลบหนี
ด้าน นายทองน้อย กล่าวว่า ตนรู้สึกประหลาดใจที่มีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ตรงข้ามบ้าน ขอยืนยันว่าไม่ได้ยิงปืนใส่คนร้ายเลย แค่ยิงขู่ขึ้นฟ้าเท่านั้น ซึ่งภรรยายังบอกให้ยิงปืนเข้าไปที่ยางรถจักรยานยนต์ของคนร้าย แต่ตนตัดสินใจไม่ยิง ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิตบริเวณตรงข้ามบ้านได้อย่างไร ส่วนปืนที่ตนใช้ยิงขู่คนร้ายนั้น เป็นปืนลูกโม่ .38 ซึ่งมีไว้ป้องกันตัว เนื่องจากที่ผ่านมาภรรยาเคยถูกคนร้ายมาจี้ชิงทรัพย์และได้เงินไป 3,000 บาท อีกทั้งที่บ้านยังถูกคนร้ายขโมยของบ่อยครั้งมาก
พ.ต.ต.ประดิษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือคนร้ายที่บริเวณตู้น้ำ เพื่อเปรียบเทียบกับลายมือผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังได้เชิญนายทองน้อยไปให้ปากคำอย่างละเอียด ซึ่งนายทองน้อยยังให้การว่าได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าไป 5 นัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของนายทองน้อยต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบขนาดของกระสุนปืนที่ผู้ตายถูกยิง เพื่อเปรียบเทียบกับขนาดกระสุนที่นายทองน้อยยิงว่าตรงกันหรือไม่
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. พ.ต.ต.ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกยิงเสียชีวิต บริเวณพงหญ้าข้างถนนนิมิตใหม่ ช่วงระหว่างปากซอยนิมิตใหม่ 22-24 ก่อนถึงทางเข้าไลท์อินน์ รีสอร์ท แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพนายนรากร แสงทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณสะโพกหลังด้านขวาทะลุใต้ราวนมขวา 1 นัด นอนคว่ำหน้าบริเวณศีรษะซุกเข้าไปในพงหญ้าข้างต้นกล้วย สวมเสื้อกล้ามสีขาว ทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวลายพรางทหาร ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ไม่สวมรองเท้า ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายมีหนังสติ๊ก 1 อัน
จากการสอบสวน น.ส.เสาวลักษณ์ กนกะปิณฑะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 ซอยนิมิตใหม่ 17 ถ.นิมิตใหม่ แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งด้านหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ เลขที่ 3/12 ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตนกำลังปิดร้านขายของชำ เพื่อจะเข้านอนตามปกติ ขณะนั้นตนได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังงัดแงะที่บริเวณตู้น้ำแบบหยอดเหรียญที่ตั้งอยู่ด้านหน้าร้านขายของชำ จึงได้ชะโงกออกไปดูและพบคนร้ายกำลังงัดตู้น้ำอยู่ โดยมีคนร้ายอีก 1 คนนั่งรออยู่ที่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมืดมาก ตนจึงได้ไปเรียกนายทองน้อย กนกะปิณฑะ อายุ 55 ปี และนางสุภาวรรณ กนกะปิณฑะ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นบิดาและมารดามาดู
น.ส.เสาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อบิดาของตนเห็นคนร้ายกำลังงัดตู้น้ำจึงได้วิ่งเข้าไปเอาอาวุธปืนออกมา ก่อนที่จะยิงขู่ขึ้นฟ้าจำนวน 5 นัด จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนตกใจและหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายยังได้ทำรถจักรยานยนต์ล้มขณะจะหลบหนีด้วย จึงทำให้ พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ของคนร้ายตกหล่นอยู่ พร้อมกับไขควงอีกจำนวน 2 อัน จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พอช่วงเช้าก็มาพบว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งชื่อคนตายก็ตรงกับ พ.ร.บ.ที่คนร้ายทำตกไว้ขณะหลบหนี
ด้าน นายทองน้อย กล่าวว่า ตนรู้สึกประหลาดใจที่มีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ตรงข้ามบ้าน ขอยืนยันว่าไม่ได้ยิงปืนใส่คนร้ายเลย แค่ยิงขู่ขึ้นฟ้าเท่านั้น ซึ่งภรรยายังบอกให้ยิงปืนเข้าไปที่ยางรถจักรยานยนต์ของคนร้าย แต่ตนตัดสินใจไม่ยิง ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิตบริเวณตรงข้ามบ้านได้อย่างไร ส่วนปืนที่ตนใช้ยิงขู่คนร้ายนั้น เป็นปืนลูกโม่ .38 ซึ่งมีไว้ป้องกันตัว เนื่องจากที่ผ่านมาภรรยาเคยถูกคนร้ายมาจี้ชิงทรัพย์และได้เงินไป 3,000 บาท อีกทั้งที่บ้านยังถูกคนร้ายขโมยของบ่อยครั้งมาก
พ.ต.ต.ประดิษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือคนร้ายที่บริเวณตู้น้ำ เพื่อเปรียบเทียบกับลายมือผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังได้เชิญนายทองน้อยไปให้ปากคำอย่างละเอียด ซึ่งนายทองน้อยยังให้การว่าได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าไป 5 นัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของนายทองน้อยต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบขนาดของกระสุนปืนที่ผู้ตายถูกยิง เพื่อเปรียบเทียบกับขนาดกระสุนที่นายทองน้อยยิงว่าตรงกันหรือไม่