สามีคนใช้ ก่อเหตุยิงตัวตายในห้องนอนลูกชายเจ้าของบ้าน ภรรยายังงง ไม่ทราบสาเหตุ และไม่รู้ไม่นำปืนมาจากไหน
วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ร.ต.ท.วันวิเศษ จันทร์วัฒนะ พนักงานสอบสวน (สบ 1) ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุมีชายยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 67/61 ซอยสุขุมวิท 64 ซอยย่อยพงษ์เวชอนุสรณ์ 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีเนื้อที่ประมาณ 150 ตร.ว.บนห้องนอนชั้น 2 อยู่ติดบันไดทางขึ้น เจ้าหน้าที่พบศพ นายทองแดง ณ บัณฑิต อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.พลับพลา กิ่งอ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดหน้าตู้เสื้อผ้าไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย เมื่อเจ้าหน้าที่พลิกศพขึ้นมา พบที่มือขวาผู้ตายกำอาวุธปืน .38 ลูกโม่ไว้ และเมื่อตรวจสอบอาวุธปืน พบกระสุนในลูกโม่ 4 นัด และปลอกกระสุน 1 ปลอด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ตำรวจสอบปากคำ นางสมจิตร ณ บัณฑิต อายุ 41 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า ตนเป็นคนใช้ทำงานที่บ้านหลังดังกล่าวมา 14 ปี โดยสามีทำงานเป็นคนงาน ยกของอยู่ที่โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ นภิษอินเตอร์ไพร์ท ที่หน้าปากซอย โดยมีลูกกับผู้ตาย 2 คน โดยปกติ ในตอนเช้าสามีจะออกจากบ้านไปทำงาน และเย็นจะกลับมานอนที่ห้องพักชั้นล่างของบ้าน แต่ก่อนเกิดเหตุ สามีได้ลางาน เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะ กระทั่งเวลาประมาณเที่ยง สามีบอกให้ตนไปซื้อกับข้าวมาให้ จึงออกไปซื้อหาบริเวณหน้าปากซอย และเมื่อกลับมาก็พบว่า สามีขึ้นไปยิงตัวตายอยู่ในห้องนอนชั้นบนของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนของบุตรชายเจ้าของบ้านแล้ว ทั้งนี้ ไม่ทราบว่า สามีไปนำปืนกระบอกดังกล่าวมาจากไหน และไม่รู้ว่า เครียดเรื่องอะไร จึงยิงตังเองตายดังกล่าว เพราะที่ผ่านๆ มา เมื่อเวลาสามีเห็นข่าวคนยิงตัวตายจากโทรทัศน์ ก็มักจะด่าว่าผู้นั้นว่าโง่เสมอ แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา สามีป่วย โดยมีอาการทางประสาท หลังจากที่ได้ลองเสพยาบ้ากับเพื่อนไป 2-3 ครั้ง โดยมีอาการกลัวตำรวจจะมาจับ หรือมีอาการกลัวคนจะตามมาฆ่า แต่อาการดังกล่าวก็หายขาดไปนาน กระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้โดยไม่ทราบสาเหตุในที่สุด
หลังตำรวจชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้นเสร็จ ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำศพส่งสถาบันนิติเวช เพื่อให้แพทย์ผ่าชันสูตรอีกครั้ง รวมทั้งจะเรียกเจ้าของบ้าน และภรรยาผู้ตายมาสอบปากคำหาสาเหตุการฆ่าตัวตายอีกครั้งต่อไป
วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ร.ต.ท.วันวิเศษ จันทร์วัฒนะ พนักงานสอบสวน (สบ 1) ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุมีชายยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 67/61 ซอยสุขุมวิท 64 ซอยย่อยพงษ์เวชอนุสรณ์ 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีเนื้อที่ประมาณ 150 ตร.ว.บนห้องนอนชั้น 2 อยู่ติดบันไดทางขึ้น เจ้าหน้าที่พบศพ นายทองแดง ณ บัณฑิต อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.พลับพลา กิ่งอ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดหน้าตู้เสื้อผ้าไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย เมื่อเจ้าหน้าที่พลิกศพขึ้นมา พบที่มือขวาผู้ตายกำอาวุธปืน .38 ลูกโม่ไว้ และเมื่อตรวจสอบอาวุธปืน พบกระสุนในลูกโม่ 4 นัด และปลอกกระสุน 1 ปลอด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ตำรวจสอบปากคำ นางสมจิตร ณ บัณฑิต อายุ 41 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า ตนเป็นคนใช้ทำงานที่บ้านหลังดังกล่าวมา 14 ปี โดยสามีทำงานเป็นคนงาน ยกของอยู่ที่โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ นภิษอินเตอร์ไพร์ท ที่หน้าปากซอย โดยมีลูกกับผู้ตาย 2 คน โดยปกติ ในตอนเช้าสามีจะออกจากบ้านไปทำงาน และเย็นจะกลับมานอนที่ห้องพักชั้นล่างของบ้าน แต่ก่อนเกิดเหตุ สามีได้ลางาน เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะ กระทั่งเวลาประมาณเที่ยง สามีบอกให้ตนไปซื้อกับข้าวมาให้ จึงออกไปซื้อหาบริเวณหน้าปากซอย และเมื่อกลับมาก็พบว่า สามีขึ้นไปยิงตัวตายอยู่ในห้องนอนชั้นบนของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนของบุตรชายเจ้าของบ้านแล้ว ทั้งนี้ ไม่ทราบว่า สามีไปนำปืนกระบอกดังกล่าวมาจากไหน และไม่รู้ว่า เครียดเรื่องอะไร จึงยิงตังเองตายดังกล่าว เพราะที่ผ่านๆ มา เมื่อเวลาสามีเห็นข่าวคนยิงตัวตายจากโทรทัศน์ ก็มักจะด่าว่าผู้นั้นว่าโง่เสมอ แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา สามีป่วย โดยมีอาการทางประสาท หลังจากที่ได้ลองเสพยาบ้ากับเพื่อนไป 2-3 ครั้ง โดยมีอาการกลัวตำรวจจะมาจับ หรือมีอาการกลัวคนจะตามมาฆ่า แต่อาการดังกล่าวก็หายขาดไปนาน กระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้โดยไม่ทราบสาเหตุในที่สุด
หลังตำรวจชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้นเสร็จ ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำศพส่งสถาบันนิติเวช เพื่อให้แพทย์ผ่าชันสูตรอีกครั้ง รวมทั้งจะเรียกเจ้าของบ้าน และภรรยาผู้ตายมาสอบปากคำหาสาเหตุการฆ่าตัวตายอีกครั้งต่อไป
