ป.ป.ส.ตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่มีชื่อร่วมจับกุมผู้ต้องหาถูกแก๊ง ตชด.ยัดยาบ้า พบประวัติ ร.ต.อ.ฉาวเคยก่อเหตุมาแล้วจนถูกย้ายระหว่างการสอบสวน ด้านอธิบดีดีเอสไอ ระบุ หากผู้เสียหายเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมรับเป็นคดีพิเศษ ปปง.พร้อมตรวจเส้นทางเงิน
วันนี้ (28 ม.ค.) นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.มีชื่อเข้าร่วมจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกแก๊งตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) รีดค่าไถ่ และยัดยาเสพติด ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลบื้องต้น พบว่า การจับกุม ผู้ต้องหาหลายๆ คดีของชุดปฏิบัติการที่มี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวณิชย์ ช่วยราชการ ผบ.หมวด 426 กก.ตชด.42 จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วยราชการ ตชด.41 จังหวัดชุมพร จะมีชื่อของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ปรากฏในบันทึกการจับกุมทุกครั้ง ตนจึงมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้ได้รับรายงานเบื้องต้น จากสำนักงาน ป.ป.ส.เขต 8 ว่า ขณะที่มีการจับกุม เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ที่ถูกอ้างชื่อในบันทึกการจับกุม ปฏิบัติราชการอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้เดินทางออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้ เจ้าตัวยังได้ชี้แจงว่า ทำงานเป็นชุดประสานงานกับทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ จึงอาจถูกนำชื่อไปใส่ในบันทึกการจับกุม และยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยัดข้อหาเพื่อรีดค่าไถ่ อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่ปักใจเชื่อ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใส จึงตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
นายกิตติ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่ได้รับพบว่า ร.ต.อ.ณัฏฐ์ เคยปฏิบัติราชการที่ ตชด.42 แต่ถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมยัดข้อหารีดค่าไถ่ ในระหว่างการสอบสวน จึงถูกย้ายมาช่วยราชการที่ตชด.41 จนกระทั่งเกิดเหตุอุ้มเศรษฐินี โดยที่ผ่านมา กลุ่ม ตชด.เครือข่ายของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จะปฏิบัติการรีดค่าไถ่ย่านสมุทรปราการ ชลบุรี เพราะมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ซึ่ง ป.ป.ส.จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม ตชด.ที่ร่วมกันกระทำความผิดแก๊งนี้ หากพบหลักฐานจะประสานขอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สิน
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รองเลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า หาก ป.ป.ส.ประสานให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินเกี่ยวกับคดีนี้ ปปง.ก็มีขั้นตอนดำเนินการ โดย ปปง.พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบให้
ด้าน นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากผู้เสียหายคิดว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคดีนี้เป็นคดีที่ผู้กระทำผิดเป็นตำรวจ สามารถเข้าร้องทุกข์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสถ่วงดุลได้ ตามกฎหมายใหม่ที่มีการเสนอขอให้แก้ไข หากเป็นคดีที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาเสียเองจะถือเป็นอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอทันที เช่นเดียวกับหากคนของดีเอสไอ ตกเป็นผู้ต้องหา ก็จะให้ตำรวจสอบสวน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ ในขณะที่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ผู้เสียหายสามารถร้องขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอได้ตลอดเวลา