xs
xsm
sm
md
lg

ชง “วานิลลาโค้ก” กินเองที่บ้านดีไหม?

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง



กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในช่วงที่ภาครัฐรณรงค์ให้ประชาชน “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” หลายคนใช้เวลาว่างทำกิจกรรม ซึ่งพบว่าที่นิยมเป็นไวรัลมีเพียงไม่กี่อย่าง

ถ้าไม่เป็นเชฟตามรอยซีรีย์ “อิแทวอน คลาส” ในเน็ตฟลิกซ์ ก็เป็นแดนเซอร์เต้นเพลง “เจน-นุ่น-โบว์” ในแอปฯ ติ๊กต๋อก ล่าสุดแห่แหนประชันกันทำเมนู “หมูกรอบ” ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน

แต่สำหรับผู้เขียน ช่วงที่ต้องทำงานอยู่กับบ้าน ยังพอมีเวลาได้คิดโน่นคิดนี่ หนึ่งในนั้นก็คือ พยายามหาคำตอบในใจว่า เราจะทำ “วานิลลาโค้ก” ซึ่งเป็นน้ำอัดลมที่ชอบ ชงกินเองที่บ้าน โดยผสมโค้กธรรมดาแทนได้ไหม?

“วานิลลาโค้ก” เป็นน้ำอัดลมรสโคล่าผสมวานิลลา วางจำหน่ายในปี 2545 เริ่มจากอเมริกาเหนือ ก่อนที่จะขยายไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง

ส่วนประเทศไทย วานิลลาโค้กวางตลาดเมื่อต้นปี 2546 ตามหลังเชอรี่โค้ก น้ำอัดลมรสโคล่าผสมเชอรี่ ที่เลิกวางตลาดเมื่อช่วงปี 2540 เพราะกลุ่มลูกค้ามีจำนวนน้อย แต่ผ่านไปราว 1 ปีก็เลิกจำหน่ายเช่นกัน

หมายเหตุ : ภาพซ้ายจาก PANTIP.COM
ทุกวันนี้ถ้าใครคิดถึงวานิลลาโค้ก และเชอรี่โค้ก ทางเดียวที่จะได้สัมผัสรสชาติแปลกใหม่ มีขายเฉพาะแผนกกรูเมต์ มาร์เก็ต ในศูนย์การค้ากลุ่มเดอะมอลล์ ซึ่งนำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ขายในราคากระป๋องละ 45 บาท

หรือไม่เช่นนั้น ตอนที่ไปขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ จ.สงขลา มีอยู่ร้านหนึ่งขาย “โคคา-โคล่า วานิลลา” นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย จำไม่ได้ว่ากระป๋องละเท่าไหร่ แต่อยู่ราวๆ 25-30 บาทต่อกระป๋อง

วันหนึ่งผู้เขียนสั่ง โคคา-โคล่า วานิลลา มาเลเซีย 320 มิลลิลิตร ผ่านช้อปปิ้งออนไลน์เจ้าหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านค้าในจังหวัดพัมลุง ขายยกโหลในราคา 220 บาท (ตกกระป๋องละ 18.33 บาท) ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่ง

ปรากฎว่ากระป๋องบวมไป 3 กระป๋อง แม้สินค้าจะห่อบับเบิลอย่างดีก็ตาม เมื่อแกะห่อพบว่าเป็นสินค้าที่ผลิตนานแล้ว แต่จะหมดอายุในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่รสชาติก็ออกแนวจืดๆ ไม่หวานจัดเหมือนของไทย มีรสชาติวานิลลาอยู่บ้าง

สังเกตจากข้างกระป๋องพบว่า โคคา-โคล่า วานิลลา มาเลเซีย ผลิตจากโรงงานในสวนอุตสาหกรรมเอนสเตะก์ รัฐเนกรีเซมบีลัน อยู่ไม่ไกลจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เท่าไหร่นัก แต่ได้ส่งไปจำหน่ายที่ประเทศสิงคโปร์ และบรูไน

ข้อมูลโภชนาการระบุว่า โคคา-โคล่า วานิลลา มาเลเซีย ให้พลังงาน 144 กิโลแคลอรี่ น้ำตาล 35.8 กรัม มากกว่ารสชาติออริจินอลของไทยเล็กน้อย แต่เมื่อจิบชิมดื่มแล้ว กลับมีความรู้สึกว่ารสชาติจืดกว่าโค้กของไทย


เมื่อปีที่แล้ว (2562) ได้มีโอกาสไปเยือนเกาะปีนัง มาเลเซีย ที่นั่นจะมีน้ำอัดลมและเครื่องดื่มจำหน่ายตามร้านค้า และสะดวกซื้อ ซึ่งมีหลากหลายให้เลือก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของน้ำอัดลมเลยก็ว่าได้

ฝั่งของโคคา โคล่า มาเลเซีย จะมีเครื่องดื่มโคล่าอยู่ 5 ประเภท นอกจากจะมีแบบคลาสสิก, ซีโร่ ชูการ์ และโคคา-โคล่า ไลท์ แบบบ้านเราแล้ว ยังมีโคคา-โคล่า สตีเวีย ผสมสารสกัดจากหญ้าหวาน และโคคา-โคล่า วานิลลา

นอกจากโคคา-โคล่าที่ขายไม่เหมือนบ้านเราแล้ว ยังมีชเวปส์ บิทเทอร์ เลมอน, เอแอนด์ดับบลิว (A&W) ครีมโซดา, มีนิท เมท รีเฟรช รสส้มและรสแอปเปิ้ล ที่ไม่มีขายในเมืองไทยแล้ว ยังมีแฟนต้า ลิ้นจี่ ที่บ้านเราเลิกขายไปนานแล้วอีกต่างหาก

ส่วนค่ายเป๊ปซี่ มีเพียงรสชาติธรรมดา (Regular) เพียงอย่างเดียว รสชาติอื่นไปอยู่ในตระกูลเป๊ปซี่ แบล็ค (Pepsi Black) น้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล แบบบ้านเราที่มีเป๊ปซี่ แมกซ์ เทสต์ ต่างกันตรงที่บ้านเรามีรสราสเบอร์รี่ ซึ่งที่มาเลเซียไม่มี


แต่ที่มาเลเซียจะมีเป๊ปซี่ แบล็ค, เป๊ปซี่ แบล็ค วานิลลา, เป๊ปซี่ แบล็ค จิงเจอร์ (รสขิง) ซึ่งเป็นรสชาติแรกในมาเลเซีย จากที่เคยดื่มก็แปลกดี ล่าสุดยังมีเป๊ปซี่ แบล็ค ไลม์ (รสมะนาว) วางตลาดอีกด้วย แต่บ้านเรายังอยู่ในกลุ่มรสชาติธรรมดา

ถ้าเป็นมิรินด้ากับเซเว่นอัพก็มีเหมือนบ้านเรา แต่แบรนด์แปลกๆ มีให้ลองอีกเยอะ เช่น “มัค ซาซาพาริลล่า” ซึ่งก็คือน้ำซาสี่ในบ้านเรา, “คิกคาปู้” น้ำอัดลมกลิ่นซีตรัส, “เมาท์เท่น ดิว” ที่บ้านเราเลิกผลิตไปแล้ว แต่ที่มาเลเซียมีให้เลือกถึง 3 รสชาติ

คงต้องรอให้มีโอกาสไปเยือนมาเลเซียอีกรอบ น่าจะได้เปิดหูเปิดตากับเครื่องดื่มรสชาติใหม่ๆ ที่บ้านเราไม่มีขาย หรือเคยขายแล้วเลิก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่บริโภคมีจำนวนน้อย ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเท่าที่ควร

กลับมาที่คำถามในใจว่า จะทำวานิลลาโค้กกินเองดีไหม เราทดลองอยู่ 2 วิธี

วิธีแรก เราใช้ วัตถุแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ กลิ่นวานิลลา ที่ใช้เพื่อแต่งกลิ่นในอาหาร เช่น เครื่องดื่ม ลูกกวาด ขนมหวาน ไอศกรีม มีขายตามห้างค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ขวดละ 18 บาท


เราผสมกลิ่นวานิลลาลงไปประมาณครึ่งฝา กับโค้กออริจินอล กระป๋องเล็ก 180 มิลลิลิตร ซึ่งเพื่อนที่ทำขนมเตือนว่าให้ค่อยๆ หยอด เพราะตอนทำขนมก็ใส่เพียงไม่กี่หยด ถ้าใส่เยอะขนมจะมีกลิ่นฉุนมากกว่ากลิ่นวานิลลา

ผลปรากฎว่า กลิ่นวานิลลาขึ้นจมูกจริง แต่รสชาติวานิลลาน้อยมากแทบจะไม่มี เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ากลิ่นวานิลลา จะให้มีรสวานิลลาติดมาด้วยก็คงจะใช่ที่ เพราะฉะนั้นผลการทดลองจึงล้มเหลว

อีกวิธีหนึ่ง คือการใช้น้ำเชื่อมเข้มข้นกลิ่นวานิลลา ซึ่งพบว่าหาซื้อยากเพราะมีขายเพียงแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างค้าปลีกบางแห่งเท่านั้น แถมราคาขายไม่เท่ากัน บางห้างฯ ขายขวดละ 80-90 บาท แต่บางแห่งลดราคาเหลือไม่ถึง 70 บาท


เราผสมน้ำเชื่อมเข้มข้นกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) ลงไปในโค้กซีโร่ กระป๋องเล็ก 180 มิลลิลิตร เนื่องจากหากผสมกับโค้กออริจินอล เกรงว่าจะได้รับน้ำตาลมากเกินไป

ผลปรากฎว่ามีรสชาติวานิลลา แต่หวานเกินจนเลี่ยนกันไปข้าง เพราะโค้กซีโร่ปกติจะมีความหวานจากสารให้ความหวาน เอซีซัลเฟม โพแทสเซียม และซูคราโลสอยู่แล้ว แต่วันนั้นทำเอาเราปวดหัวเพราะเลี่ยนความหวานจนมึน

นึกในใจ น้ำเชื่อมเข้มข้นกลิ่นวานิลลา ที่ระบุว่าให้ใส่ 1-3 ช้อนชา เขาเอาไว้ผสมกับกาแฟหรือเครื่องดื่ม การที่เราดัดแปลงไปผสมกับน้ำอัดลมที่มีความหวานอยู่แล้ว ยิ่งทำให้รสชาติความหวานของน้ำอัดลมผิดเพี้ยนเข้าไปอีก

โดยสรุปก็คือ ถ้าคิดจะทำวานิลลาโค้กกินเอง ว่ากันโดยศัพท์วัยรุ่นก็คือ “อย่าหาทำ” แต่ก็มีคนแนะนำว่า ถ้าจะผสมน้ำเชื่อมเข้มข้นวานิลลา ให้ผสมเพียงแค่ครึ่งช้อนชา (2.5 มิลลิลิตร) ก็พอแล้ว

แต่หากต้องการสัมผัสกับโค้กรสชาติวานิลลา นอกจากหาซื้อตามซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างกรูเมต์ มาร์เก็ตแล้ว อีกวิธีหนึ่งคือการทำ “โฟสต์วานิลลา” โดยนำไอศกรีมวานิลลา 3-4 ลูก ใส่ลงในแก้ว นำโค้กออริจินอลเทตามลงไป

จากนั้นคนให้เข้ากัน ก็จะได้เครื่องดื่มผสมไอศกรีมเย็นสดชื่น ซึ่งว่ากันว่า โค้กกับไอศกรีมวานิลลาจะเข้ากันอย่างลงตัวที่สุด


อันที่จริงในประเทศไทย ยังไม่มีโคคา-โคล่า ออเรนจ์ วานิลลา หรือโค้กรสส้มวานิลลา ออกวางจำหน่าย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่โค้กออกรสชาติใหม่ วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว (2562) รวมทั้งไดเอ็ทโค้กรวมกันถึง 7 รสชาติ

ขึ้นอยู่กับ โคคา-โคล่า ประเทศไทย จะตัดสินใจนำมาทดลองตลาดในบ้านเราหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาทั้งเชอรี่โค้ก, วานิลลาโค้ก และล่าสุด โค้กพลัสคอฟฟี่ ที่ตอนนี้เริ่มหาซื้อยาก คงจะพอบอกได้ว่า ผลตอบรับโค้กรสชาติใหม่เหล่านี้เป็นอย่างไร

เราอาจจะได้เห็นวานิลลาโค้กเวลาไปเยือนบางประเทศ หรือไม่ก็รอให้มีร้านค้านำมาขายในราคาที่แพงกว่า 3-4 เท่า

ถึงกระนั้น เมื่อน้ำอัดลมมีผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน จึงควรเลือกดื่มแต่พอดี สัปดาห์ละ 1-2 กระป๋อง ให้รู้สึกหายอยากก็น่าจะเพียงพอแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น