DRT โชว์ผลงานไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิ 168.20 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องแม้เผชิญปัจจัยลบ COVID-19 ถล่มตลาด แจงรายได้จากการขายและการบริการ 1,233.51 ล้านบาท ชะลอตัว ยันยังรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยสูงกว่า 90% แม้มาตรการล็อกดาวน์คุมโมเดิร์นเทรดปิดบริการ แต่ยังมีช่องทางจำหน่ายสินค้าและตัวผลิตภัณฑ์หลากหลาย ช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี ลุ้นไตรมาส 2/63 รัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์ ให้ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่เปิดบริการอีกครั้ง
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 (ม.ค.-มี.ค.63) บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานได้168.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น1.56% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 165.62 ล้านบาท แม้มีปัจจัยลบจาก COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้รายได้จากการขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,233.51 ล้านบาท ลดลง 7.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากการขายและการบริการ 1,329.18 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มาจากการบริหารต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยอยู่ในระดับต่ำ โดยสามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าเฉลี่ยมากกว่า 90% ของกำลังการผลิตรวม และบริหาร Product Mix หรือสัดส่วนการขายสินค้าได้ดีช่วยสนับสนุนอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ตามแผนงาน ประกอบกับ DRT มีจุดแข็งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย โดยร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยและตลาดส่งออก ที่มีสัดส่วนรวมกัน 70% ของรายได้ทั้งหมด ยังทำยอดขายไตรมาสแรกที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ
“แม้ไตรมาสแรกปีนี้มีวิกฤต COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง แต่เรายังสามารถผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิได้ เนื่องจากจุดแข็งของ DRT ที่มีการผลิตด้วยต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำ การบริหารสัดส่วนการขายสินค้าแต่ละประเภทได้ดีช่วยสนับสนุนการทำกำไรขั้นต้นได้ตามเป้า” นายสาธิต กล่าว
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ต้องติดตามสถานการณ์กำลังซื้อและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด หากภาครัฐควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดี และเริ่มผ่อนคลายการล็อกดาวน์ธุรกิจบางประเภททยอยกลับมาเปิดดำเนินการได้บางส่วน โดยเฉพาะการเปิดบริการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ จะส่งผลดีต่อยอดขายจากช่องทางจำหน่ายดังกล่าวฟื้นตัว ซึ่ง DRT ได้เตรียมสต็อกสินค้าไว้รองรับอย่างเพียงพอ
ขณะที่ช่องทางขายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยและตลาดส่งออกในไตรมาสนี้ ยังมีแนวโน้มทำยอดขายอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง จากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการปรับปรุงและซ่อมแซ่มบ้าน รวมถึงดีมานด์จากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มฟื้นตัว ยกเว้นช่องทางลูกค้าโครงการที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน.