xs
xsm
sm
md
lg

ส่งท้ายปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: พระบาท นามเมือง

อีกไม่ถึง 3 วัน ปี 2559 ก็กำลังจะผ่านพ้นไป และเป็นปีใหม่ 2560 ที่จะผันเปลี่ยนเข้ามาตามวัฏจักรแห่งเวลา

สำหรับคนไทยทั้งประเทศ ปี 2559 คงเป็นปีสำคัญที่เราจะต้องจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ ด้วยว่าเป็นปีมหาอาลัย จากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นศูนย์รวมดวงใจชาวไทยทั้งชาติเสด็จสวรรคต ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15.52 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช

เป็นเหตุการณ์ “ผลัดแผ่นดิน” ครั้งประวัติศาสตร์ในรอบเกือบศตวรรษของชาติไทย และบัดนี้เราก็ได้มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นทรงราชย์เป็นรัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชวงศ์จักรีเป็นขวัญและกำลังใจ และเป็นที่เคารพสักการะของปวงประชาสืบต่อไป

นอกจากเหตุการณ์สำคัญดังกล่าวแล้ว ในทางการเมืองก็มีหมุดหมายใหม่ที่แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านทางประชาธิปไตยของไทย หลังจากที่ปกครองในระบอบ “คสช.” มาเป็นเวลาร่วม 2 ปีกว่า

เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่ ได้ผ่านการลงประชามติของประชาชนไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม

ผลการลงประชามติอย่างท่วมท้นของประชาชนทั้งประเทศผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ บ่งบอกว่าทุกคนพร้อมแล้วต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ขึ้น แต่ก็จะต้องเป็นรัฐสภาและรัฐบาลที่มีความผูกพันต่อการ “ปฏิรูป” ต่างๆตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวอยู่ในระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงลงพระปรมาภิไธยเพื่อจะใช้บังคับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรสืบต่อไป ซึ่งเมื่อรัฐธรรมนูญจะมีผลใช้บังคับในราวๆ ปีหน้า ก็จะดำเนินต่อไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมปในช่วงปลายปี

สำหรับตัวเก็งว่าใครจะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตอนนี้คอการเมืองก็คงเห็นใบหน้ากันลางๆ แล้ว ว่าน่าจะเป็น “คนเดิม”

“คนเดิม” ที่ความนิยมยังคงมาแรงไม่ลดไม่ตก จากการสำรวจของโพลหลายสำนัก แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารยึดอำนาจ ซึ่งแม้จะถูกมองว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ ไม่เป็นประชาธิปไตย

แต่กลับกลายเป็นว่า รัฐบาล “รัฐประหาร” ได้รับการยอมรับจากประชาชนยิ่งกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่อ้างว่าเป็น “ประชาธิปไตย” เสียอีก

นั่นแสดงให้เห็นว่าสำหรับประชาชนแล้ว “ที่มา” ไม่สำคัญเท่า “ผลงาน” หรือ “ประสิทธิภาพ” ดังนั้น ประชาธิปไตยที่แก้ปัญหาไม่ได้หรือมีแต่ความขัดแย้งวุ่นวายจนเป็นปัญหาเสียเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร ซึ่งก็สอดคล้องกับ “กระแสโลก” ตอนนี้ที่ฝ่าย “ขวาจัด” กำลังมาแรงเฟื่องฟูในหลายประเทศเช่นกัน ซึ่งก็สะท้อนว่าสภาพที่เบื่อหน่ายพวก “ประชาธิปไตย” หรือ “สิทธิมนุษยชน” แบบล้นเกิน ก็เป็นกระแสหลักไปทั้งโลก ไม่ว่าจะตะวันตก ตะวันออก

ปรากฏการณ์ Brexit และชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาก็ “ตอบโจทย์” กระแส “ขวาหัน” ระดับโลกนี้ได้เช่นกันว่า หลังจากที่ถูกครอบงำโดยวาทกรรมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นกระแสหลัก ตอนนี้ด้วยความสุดโต่งของฝ่ายนั้น ทำให้กระแสของโลกพลิกกลับมาเป็นกระแสแบบ “อนุรักษนิยม” และ “ชาตินิยม” มากขึ้น

ประกอบกับสงครามก่อการร้ายที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วโลก โดยที่ผู้ก่อการร้ายนั้นสามารถกระทำการได้โดยไม่เลือกสถานที่ เวลา และวิธีการ ไม่มีที่ใดปลอดภัยจากการก่อการร้ายอีกต่อไปแล้ว และรวมถึงไม่มีใครที่จะไม่อาจตกเป็นเหยื่อได้ด้วย เพราะอย่างที่ได้เล่าไปแล้วว่าแม้แต่ตัวทูตรัสเซียประจำตุรกี ก็ถูกยิงอย่างอุกอาจได้ต่อหน้าต่อตาประชาชนและสื่อจำนวนมาก

การก่อการร้าย และปัญหาผู้อพยพในยุโรปและไปก่ออาชญากรรมในประเทศผู้รับที่เป็นเหมือน “ม้าอารี” หรือ “ชาวนาผู้เอ็นดูงูเห่า” นั่นเอง ที่ให้กระแสความนิยมของผู้นำรัฐบาลที่สนับสนุนให้รับผู้อพยพเข้าประเทศนั้นลดลงเรื่อยๆ

ส่วนฝ่ายที่แข็งกร้าวไม่ยินดีทั้งต่อผู้อพยพและผู้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย กลับได้รับความนิยมจากประชาชนไปมากกว่าสะท้อนผ่านการเลือกตั้งทั้งใหญ่ทั้งเล็กในหลายประเทศดังได้กล่าวไป

อาจพอเห็นภาพได้ว่า โลกในยุคปี 2560 เราต้องติดตามโดมิโนการ “สวิงขวา” ของแกนนำทางการเมืองโลกต่อไปในปีหน้านี้ ที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝรั่งเศสว่าฝ่าย “ขวาจัด - ชาตินิยม” จะมายืนยันกระแสการย้ายมาทางขวาของการเมืองโลกหรือไม่

ปรากฏการณ์ส่งท้ายอีกอย่างของปี 2559 ที่ต้องพูดไว้ เพราะจะมีผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปในปี 2560 ด้วยแน่ๆ ก็คือการลาจากของ “สื่อเก่า” ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์หรือสื่อสิ่งพิมพ์

จากการปิดตัวลงของนิตยสารและหนังสือพิมพ์ระดับตำนานหลายฉบับที่ไล่เรียงชื่อกันก็ไม่หวาดไม่ไหว แถมยังมีแนวโน้มว่าเลือดจะยังไหลไม่หยุดต่อไป รวมถึงการเปลี่ยนมือของเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ระดับยักษ์หลายเจ้า เช่นที่อมรินทร์ขายกิจการให้กลุ่ม “ช้าง” หรือล่าสุด สำนักพิมพ์อินดี้ขวัญใจคนหนุ่มสาววัยทำงาน และค้นหาตัวอย่างอย่าง “อะเดย์” ก็เพิ่งมีข่าวว่าขายหุ้นส่วนใหญ่ไปให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ส่วนสื่อโทรทัศน์ก็ยังเจ็บตัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในสงครามทีวีดิจิตอลที่เปิดแผลเลือดโชกกันไปถ้วนหน้า ยกเว้นไว้ก็แต่เจ้าเก่าหรือรายใหญ่ที่มีจุดขายชัดเจน ถึงกับต้องมีการเจรจาต่อรองขอผ่อนจ่ายค่าใบอนุญาตสัมปทานกัน

กระทั่งในวงการบันเทิงภายในบ้าน บริษัทผลิตแผ่น CD/DVD เจ้ายักษ์ก็เริ่มออกอาการหนัก สินค้าตัวที่เก็งว่าน่าจะขายดีแน่ๆ ก็ยังทำยอดไม่เข้าเป้า เนื่องจากว่าได้รับผลกระทบหลายประการทั้งจากความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการละเมิดลิขสิทธิ์ จนทำให้อยู่ยากเข้าไป

ในปีต่อไป เราคงจะได้เห็นการล้มหายตายจากของสื่อแบบเดิม และทิศทางของสื่อใหม่ที่ไม่รู้จะโตหรือพัฒนาไปทางไหนอีกด้วย

กล่าวโดยสรุปแล้ว เราจะเห็นว่าปี 2559 หรือ 2016 ที่กำลังจะผ่านไปนั้น เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านและการแสดงสัญญาณสำคัญในทุกๆ ด้าน ทั้งการเมืองไทย การเมืองโลก และการสื่อสารมวลชน

ปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ก็เป็นปีสำคัญแห่งการเริ่มต้นของประเทศไทย ที่ถือเป็นการเริ่มปีใหม่ครั้งแรกในรัชกาลใหม่ รวมถึงกำลังจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ ส่งต่อให้มีการเลือกตั้งอีกครั้ง และเริ่มการปฏิรูปภายใต้รูปแบบการปกครองประชาธิปไตยเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง

รวมถึงการเมืองโลกก็จะได้เห็นการย้ายข้างเต็มตัวของกระแสโลกและการมี “ผู้นำโลก” คนใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง

และก็จะเป็นปีที่เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านรูปแบบของสื่อสารมวลชนทุกรูปแบบอย่างชัดเจนขึ้น

ปี 2560 หรือ 2017 ก็จะเป็นปีสำคัญอีกปีหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของไทยและของโลก

สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้กันมายาวนานตลอดปี มีความสุข สบายใจ ประสบความสำเร็จสมหวังทุกประการ มีความปลอดภัย สุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรงเพื่อที่จะได้ร่วมจับตาและสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย และโลกนี้ในปีหน้าด้วยกันทุกท่านทุกคน.
กำลังโหลดความคิดเห็น