พฤติกรรมของสงฆ์ในปัจจุบัน ทำให้เรารับรู้ถึงความไร้ประสิทธิภาพขององค์กรที่เรียกว่า มหาเถรสมาคม ในการปกครองกันเอง
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ให้มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองพระ ในทางโลกก็เปรียบเหมือนรัฐบาลพระ
มหาเถรสมาคมประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราชซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งมีจำนวนไม่เกินสิบสองรูปเป็นกรรมการ”
สมเด็จพระราชาคณะนั้นมีอายุตั้งแต่ 74 ปีถึง 99 ปี ส่วนใหญ่ก็อายุ 80 อัพทั้งนั้น ส่วนพระราชาคณะซึ่งเป็นกรรมการหนุ่มที่สุดก็ 60 ปี แต่ส่วนใหญ่ก็ 70 อัพทั้งนั้น
พ.ร.บ.สงฆ์บัญญัติว่า มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
(๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
(๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
(๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
คนแก่ที่วัยนี้แต่ยังกระฉับกระเฉงและสมองปราดเปรื่องนั้นอาจมีจะมีอยู่ แต่มากไหมผมว่าไม่น่าจะมากนะ แล้วลองคิดว่า ถ้าองค์กรไหนผู้บริหารส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณนี้ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ถ้ารัฐบาลประกอบด้วยคนอายุประมาณนี้จะเป็นอย่างไร ทำไมต้องมีเกษียณอายุ ศาล องค์กรอิสระเขาก็ให้แค่ 70
แต่เอาเถอะการให้ผู้สูงอายุมาบริหารก็ไม่เป็นไรหรอกถ้ายังกระฉับกระเฉงและปราดเปรื่อง แต่การเป็นโดยตำแหน่ง โดยไม่ได้มองถึงประสิทธิภาพทางร่างกายซึ่งย่อมเสื่อมสลายในทางโลกนั้นน่าจะเป็นอะไรที่ไม่สอดคล้องกับความจริง
บางคนอาจจะบอกว่า อย่างนี้จะเอาพระหนุ่มมาปกครองพระแก่ได้อย่างไร ถ้าพูดอย่างนี้ก็คงไม่ถูกเพราะพระที่ไม่ได้เป็นมหาเถรแต่แก่กว่าพระมหาเถรก็ยังมีอยู่ ถ้าเอาอย่างนั้นใครแก่ก็ต้องเป็นมหาเถรให้หมดสิ ก็อาจมีคนบอกอีกว่าก็ต้องดูที่ชั้นยศไง เหมือนทหารตำรวจจะให้จ่า นายร้อยมาเป็นผู้บัญชาการได้ยังไง คำตอบคือ ทหารตำรวจ60ปีเขาก็ให้เกษียณแล้ว เหตุผลของการเกษียณก็คือเข้าสู่วัยชราที่ควรจะต้องพักผ่อนแล้ว ไม่ใช่ให้อยู่กันจนแปดสิบเก้าสิบปี แต่ไม่ได้หมายความว่าพระต้องเกษียณนะ
มหาเถรจำเป็นต้องมีมั้ยหรือมีองค์กรปกครองเจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ก็พอแล้ว
แล้วถามจริง ๆ เถอะว่ายศของพระนะต้องมีมั้ย
โบราณก็บอกว่ายศช้างขุนนางพระดูจะแปลว่าไม่มีความหมายอะไร แต่มันก็สร้างกิเลสให้พอกพูนได้ ใครว่าพระละกิเลสแล้วความจริงก็แสวงหายศฐาบรรดาศักดิ์กันทั้งนั้น
ยศพระก็คล้ายราชทินนามในอดีตของทางโลกที่ยกเลิกไปแล้ว ในทางราชการชั้นยศก็เหลือแต่ในวงการทหารตำรวจที่ต้องการบังคับบัญชาสำหรับทหารอาจเป็นเรื่องจำเป็นในการทำศึกสงคราม แม้แต่ตำรวจในปัจจุบันก็ถูกคำถามเหมือนกันว่า ต้องมียศมั้ย แล้วพระจะไปมีทำไม
ยศนั้นเป็นสิ่งกำหนดขึ้นตามหลักการของกฎหมาย แต่ตามหลักพระธรรมวินัยกำหนดให้พระเคารพกันที่พรรษาไม่ใช่ชั้นยศ แม้จะยศสูงกว่าแต่ถ้าพบพระที่พรรษาแก่กว่าพระที่ยศสูงกว่าก็ต้องแสดงความเคารพ
กฎหมายนั้นเป็นกฎหมู่ที่กำหนดร่วมกันว่าจะใช้เป็นตัวกำหนดบรรทัดฐานของสังคม สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ โทษที่มีความผิดในยุคหนึ่งอาจไม่มีความผิดในยุคต่อมา กฎหมายก็แก้ไขไปตามสภาพของกาลเวลา แต่พระธรรมวินัยเป็นสัจธรรมที่เที่ยงแท้แน่นอน
อีกอย่างที่เป็นคำถามก็คือ พระภิกษุสงฆ์ที่สะสมเงินทองทั้งๆที่พระพุทธเจ้าทรงมีนโยบาย มิให้ภิกษุสะสมทรัพย์สินเงินทอง แม้จะได้มาโดยชอบธรรม อย่างนี้คงไม่ต้องพูดว่าสะสมรถโบราณนั้นควรหรือไม่ควร นอกจากนั้นเรามักได้ยินข่าวอยู่เสมอว่า พระบางรูปเมื่อเสียชีวิตก็พบเงินอยู่ในกุฎิหลายล้านบาท ไม่นานมานี้มีพระภิกษุที่ชราแล้วโดยสารรถไฟมาแล้วถูกรถบรรทุกพุ่งชนพระภิกษุรูปนั้นเสียชีวิตพบเงินในย่ามเกือบล้านบาท รวมถึงเจ้าอาวาสวัดหนึ่งเสียชีวิตพบว่ามีเงินและทรัพย์สินเกือบ 5 พันล้านจนเกิดศึกระหว่างเครือญาติของพระกับวัด
คำถามก็คือ เมื่อพระพุทธเจ้าห้ามมิให้พระสะสมเงินทอง เราควรจะเอาเงินถวายพระหรือไม่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งมีวัตรปฏิบัติตักบาตรทุกเช้าเล่าให้ฟังว่า มีพระรูปหนึ่งหลังจากคุณสนธินำอาหารคาวหวานใส่บาตรแล้ว พระรูปนั้นก็ยังไม่เดินไป แต่เปิดฝาบาตรค้างไว้ คุณสนธิก็สงสัย แต่พอมองลงไปในบาตรก็พบว่ามีธนบัตรอยู่ในก้นบาตร ในความหมายก็คือ อยากให้คุณสนธิเอาเงินใส่ในบาตรนั่นเอง
ดังนั้นการเอาเงินถวายพระนี่เป็นการส่งเสริมให้พระทำผิดวินัยนี่เอง ไม่ต้องพูดถึงอุบายของลัทธิธรรมกายที่หลอกลวงว่า ใครยิ่งทำบุญมากยิ่งได้บุญมากและได้ขึ้นสวรรค์ชั้นที่สูงยิ่งขึ้น อันนี้น่าจะเข้าข่ายมารศาสนาแล้ว รวมทั้งหลวงพี่แป๊ะที่ถูกอ้างว่าเอาเงิน 4 ล้านมาซื้อเบนซ์ถวายสมเด็จช่วงด้วยแล้วก็ยิ่งทั้งคำถามว่าเอาเงินสะสมมาจากไหน แล้วการมีเงินมันก็ทำให้กิเลสยิ่งพอกพูนนี่เอง
สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของมหาเถรทั้งนั้น แต่พอไปศึกษาประวัติของพระผู้ใหญ่มหาเถรทั้งหลายกลับพบว่า ส่วนใหญ่ก็ล้วนได้รับการถวายเงินจากธรรมกายทั้งสิ้น ธรรมกายถึงลอยนวลอยู่ได้ แล้วคิดดูสิว่าพระเถระจะปกครองพระเพื่อรักษาพระธรรมวินัยกันอย่างไร