xs
xsm
sm
md
lg

สวน(สัตว์)ดุสิตโพลล์ ตอน ปิดบึงน้ำรูปขวานเลยดีไหม?

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

เรื่องนี้มันเริ่มจากชายชราผมขาวคนหนึ่ง เดินอย่างอิดโรยข้ามถนนจากตึกใหญ่ที่ทำงาน เข้ามานั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนสัตว์ใกล้ๆกับกรงนกอีกาและอีแร้ง ในมือของเขาหอบกระดาษตั้งใหญ่ แผ่นกระดาษใบบนสุดนั้น เขียนคำว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่... ตัวหนังสือใหญ่ขนาดเทียบเท่าได้กับผลส้มเลยทีเดียว

ขณะที่ชายชรากำลังนั่งทอดอาลัยอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงดังมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา ใช่แล้วครับ เป็นเสียงจากมือถือของเขาเอง เขาหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าตาลีตาเหลือก ก่อนรับสายด้วยอาการมือสั่น แล้วก็ได้ยินแต่คำว่าครับๆๆๆ

ก่อนจะวางสาย เขาเดินไปยังบึงน้ำรูปร่างคล้ายๆขวานกลางสวนสัตว์ด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ป้ำเป๋อจนลืมหยิบเอากองกระดาษตั้งที่ถือมาด้วย อึดใจต่อมาเขาหยิบหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งขึ้นมา แล้วโยนมันลงไปในบึงน้ำ เสียงดัง จ๋อม แป๊บเดียวเสียงนั้นก็เงียบหายไป ชายชราหันรีหันขวาง ไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี จะซ้ายก็น่ากลัว จะขวาก็อันตราย สุดท้ายเขามองหาป้ายทางออกแล้วก็เดินไปทางนั้น มันก็เป็นที่มาของคำว่า โยนหินถามทางละครับ

พฤติกรรมทั้งหมดของชายชราคนนี้อยู่ในสายตาอีแร้งฝูงหนึ่ง ที่จ้องจะลงมาจิกกัดกระดาษกองนั้นโดยคิดว่าเป็นอาหารอันโอชะ พวกมันก็ไม่รอช้าที่จะลงมารุมทึ้งกระดาษกองนั้น โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่อาหาร อนิจจายิ่งนัก และนี่คือที่มาของคำว่ารุมทึ้งนั้นเองละครับท่านผู้อ่าน

เกริ่นนำมาซะยืดยาว หลังจากชายชราเดินออกจากสวนสัตว์ไปแล้ว พอตกกลางคืนเหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ได้ประชุมกัน โดยเริ่มกันที่เรื่องของกองเศษกระดาษที่เหล่าอีแร้งรุมจิก ว่างานนี้ใครรับผิดชอบต้องมาเก็บกวาด เพราะเมื่อกระดาษขาดวิ่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมดแล้วก็ลอยตกไปอยู่ในบึงที่เป็นแหล่งน้ำของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย กระดาษเปื้อนหมึกเน่าเปื่อยลงไปในบึง น้ำเน่าเหม็นสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว

งานนี้มีแม่นกแสกตัวหนึ่งลงความเห็นว่า อันตัวเรานั้นอยู่ใกล้กรงนกแร้ง เห็นพฤติกรรมรุมทึ้งจิกกัดดึงกระชากกระดาษจนขาดวิ่น เรารับไม่ได้ แต่ก็ค้องปิดตาสักข้างหนึ่ง การอออกไปร่วมวง เพื่อไม่ให้พวกแร้งคิดว่าเราเป็นศัตรู ไม่เห็นด้วย แล้วก็ทำเฉยเลยตามเลย น่าจะดีเสียกว่า

เมื่อหัวหน้าฝูงนกแร้งได้ฟังก็บอกว่า แม่นกแสกเอ้ยท่านเป็นมิตรแท้ของเราจริงๆ เลย ต่อไปนี้เรากับท่านจะเป็นมิตรแท้ต่อกันตราบนานเท่านั้น

เมื่อฟังดังนั้นแล้วแม่นกแสกก็ดีใจ ประกาศตัวว่าตนนั้นเห็นด้วยกับเหล่าอีแร้ง

สัตว์ชราอย่างท่านผู้เฒ่าเต่า ผู้อาศัยอยู่ในบึงน้ำนี้มานานแสนนาน ก็ได้ขอออกความเห็นบ้างว่า บึงน้ำนี้เป็นของทุกคน ทุกคนต้องกินน้ำแต่เมื่อน้ำมันสกปรกขึ้นมา พวกเราอาจจะอดน้ำตายกันเสียหมด คำพูดของท่านผู้เฒ่าผู้อาวุโสเต่า ที่อยู่มานานทำให้หลายคนได้คิด

คนหนึ่งที่เห็นด้วยกับผู้เฒ่าเต่าก็คือจรเข้ ผู้มีอายุยืนยาวไม่แพ้กัน อยู่บึงนี้มานานตั้งแต่อ้อนแต่ออก อาศัยเป็นที่หลับนอนและหาอาหาร จรเข้บอกว่าความผิดพวกอีกแร้งมัน ใยเราต้องมารับผิดชอบ ทำไมไม่ให้พวกแร้งมันรับผิดชอบละท่านทั้งหลาย

ทันใดนั้นเองแรดสาวผู้ฉาวโฉ่ ก็ร้องไห้ออกมาว่าถ้าเรายังเป็นผู้นำสัตว์เหมือนเมื่อก่อนละก็ เราจะใช้อำนาจที่มีอย่างเต็มที่เพื่อแก้ปัญหา แต่ตอนนี้เราไม่มีอำนาจอะไรอีกแล้ว ทุกท่านแก้กันเองก็แล้วกัน

เนื่องจากตอนนี้มีช้างตัวหนึ่งรวบอำนาจทุกคนมาไว้กับตัว ทั้งที่ช้างตัวนี้ทำอะไรไม่เป็นเลย ดีแต่ใช้ความใหญ่โตของร่างกายข่มขวัญทุกคน อีกทั้งช้างจ่าฝูงก็มีลูกน้องอีกเพียบเลยด้วย จึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับฝูงช้างที่ขึ้นมากุมอำนาจปกครองสัตว์ทั้งหลายได้

ขณะเดียวกันฝูงแร้งก็ได้ไปทำข้อตกลงกับเหล่าแพะทั้งหลายว่า ท่านช่วยเราทำความสะอาดบีงน้ำนี้ที แล้วพวกเราจะไม่ลืมบุญคุณเลย

การประชุมของสัตว์ทั้งหลายยืดเยิ้อกินเวลายาวนานมาก จนถึงช่วงค่ำก่อนสัตว์ทั้งหลายจะนัดกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพื่อประชุมกันอีกหน เพราะคืนนี้เราจะไม่มีน้ำกินเราต้องถนอมเสียงกันเอาไว้คุยต่อในวันรุ่งขึ้น

ขณะที่ทุกคนกำลังหลับใหล เหล่าแพะก็ค่อยๆย่องมาช่วยกันทำความสะอาดบึงน้ำ แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้สายตาของเหล่าค้างคาวที่มีความสามารถมองเห็นยามกลางคืน ค้างคาวทุกตัวได้เห็นแพะทำความสะอาดบึงน้ำนั้นจนเกลี้ยงไม่หลือเศษกระดาษอีกเลย

เมื่อเวลาของการประชุมครั้งที่สองมาถึง จ่าฝูงของค้างคาวก็รีบเอ่ยปากขึ้นมาว่า เมื่อคืนนี้ข้าเห็นเหล่าแพะทั้งหลายทำความสะอาดบึงน้ำกันกลางดึก ข้าซึ้งใจยิ่งนักที่ฝูงแพะเสียสละเวลานอนมาทำความสะอาดบึงน้ำ แต่ข้ามีปัญหาคาใจอยู่ว่า ทำไมพวกท่านต้องทำเรื่องนี้แทนเหล่าอีแร้งด้วยเล่า แล้วนี่ก็เป็นที่มาของคำว่าแพะรับบาปละครับพี่น้อง แพะต้องมาทำสิ่งเหล่านี้แทนอีแร้ง

จ่าฝูงของแพะจึงรีบออกมาตอบแบบซื่อๆว่า ก็ข้าเป็นห่วงว่าพวกอีแร้งจะไม่ทำนะสิ เพราะเมื่อพวกมันกระโดดลงไปในน้ำแล้วละก็ พวกมันคงตายแน่ๆ

ในที่ประชุมนี้ได้มีตัวแทนของนางพญาผึ้งผู้ปกครองผึ้งทั้งหมดของสวนสัตว์นี้มาร่วมหารืออยู่ด้วย และได้เสนอความคิดว่าเราในนามตัวแทนแห่งนางพญาผึ้ง และผึ้งทุกตัวที่อยู่ที่นี่ ขอเสนอให้มีการปฏิรูปบึงน้ำแห่งนี้เสีย เพื่อให้พวกเราอยู่กันได้อย่างสันติและยาวนาน ระเบียบต่างๆต้องได้รับการปรับปรุงและแก้ไข เพื่อความเสมอภาคของสัตว์ทุกตัวไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่

ส่วนตัวแทนของกบ ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบเต็มๆเพราะอาศัยอยู่ในบึงน้ำมากกว่าบนบก ก็ได้ส่งตัวแทนมาบอกว่า เหล่ากบนั้นกลัวเหลือเกิน การอยู่ในบึงน้ำนี้ร่วมกับตัวเหี้ย เจ้าตัวร้ายลิ้นสองแฉกนี้จ้องแต่จะจับเรากินอยู่เรื่อย ถ้าการปิดบึงน้ำแห่งนี้ สัตว์ทุกตัวเห็นด้วยและอยู่กันได้แบบเป็นสุขและสันติ เหล่ากบก็เห็นด้วย

ขณะนั้นเองก็มีหงษ์เจ้าสำอางตัวหนึ่งร่อนลงกลางบึงแล้วตะโกนขึ้นว่า จะทำอะไรก็ทำขอแค่ข้ามีกินหรือมีส่วนแบ่งในการกินก็พอ ข้าขอเท่านี้แหละ

การถกเถียงของสัตว์ทั้งหลายยังคงไม่จบสิ้น แต่เวลาของนิทานเรื่องนี้คงต้องจบลงตรงที่ว่า ไม่ว่าจะปิดบึงน้ำนี้หรือไม่ ไม่ว่าสัตว์พวกใดจะมาเป็นผู้นำ บึงน้ำนี้ก็คงจะไม่สงบลงง่ายๆ ชายแก่ที่หาป้ายทางออกจะหาทางออกได้หรือไม่ สัตว์ทั้งหลายจะปรองดองกันได้หรือเปล่า โปรดติดตามกันในตอนต่อๆไป

คำเตือน บทความนี้เป็นเพียงนิทานก่อนตายเอ้ยก่อนนอนเท่านั้น กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะมันจะรกสมองของท่านเปล่าๆ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น