จังหวัดพังงา เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคใต้ฝั่งอันดามัน เต็มไปด้วยความสวยงามของท้องทะเลและเสน่ห์แห่งขุนเขา แต่ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่อยากไปเที่ยวแถบทะเลทางฝั่งอันดามันสักเท่าไร เพราะเป็นช่วงเข้าหน้ามรสุมพอดี แม้ทะเลในช่วงหน้าฝนแบบนี้จะไม่เหมาะแก่การท่องเที่ยว แต่จังหวัดพังงาในช่วง “กรีนซีซัน” (Green Season) ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจนอกเหนือจากท้องทะเล ที่ต้องไปสัมผัสสักครั้งกับความเขียวขจีแห่งขุนเขาที่เป็นเสน่ห์อีกด้านหนึ่งในจังหวัดพังงา “ตะลอนเที่ยว” คราวนี้จึงขอไปเยือนจังหวัดพังงา ช่วงหน้าฝนแบบนี้ก็สามารถเที่ยวได้
โดยเราไปเที่ยวที่แรกคือ “วัดสุวรรณคูหา” หรือที่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกว่า “วัดถ้ำ” เป็นวัดสำคัญของจังหวัดพังงา ตั้งอยู่ที่อำเภอตะกั่วทุ่ง เป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และทางโบราณคดี ซึ่งที่ตั้งภายในวัดลักษณะเป็นภูเขาจึงมีถ้ำมากมาย ได้แก่ ถ้ำมืด ถ้ำแจ้ง มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในถ้ำยังมีองค์พระพุทธไสยาสน์ หรือ องค์พระนอนสีเหลืองอร่าม ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำไว้ให้สักการบูชา และพระพุทธรูปต่างๆ ที่ประดิษฐานอยู่หลายองค์ ภายในถ้ำยังมีพระปรมาภิไธยย่อของพระเจ้าแผ่นดิน และพระราชวงศ์หลายพระองค์ให้ได้ชมกัน นอกจากนั้นบริเวณหน้าถ้ำยังกลายเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงที่ลงมาคอยอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนที่วัดแห่งนี้
จุดต่อไปที่เราไปต่อคือตำบลสองแพรก อำเภอเมือง ซึ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ล่องแก่ง มักเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน ผจญภัย เป็นอย่างมาก โดยเราจะไปล่องกันที่ “ล่องแก่งโตนปริวรรต” หรือเรียกอีกอย่างว่า ล่องแก่งสองแพรก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดพังงา ที่นี่จะมีทั้งแก่งเล็กใหญ่เป็นจำนวนมากโดยจะให้ล่องไปท่ามกลางสายน้ำที่ไหลไปตามคลอง ยิ่งหน้าฝนแบบนี้น้ำจะยิ่งไหลแรงเป็นคลื่นระลอก ให้อารมณ์สนุกสุดมันในบรรยากาศร่มรื่นที่มีป่าไม้ใหญ่สองข้างทาง เมื่อล่องแก่งเสร็จแล้วจึงขอขึ้นไปดูแหล่งต้นน้ำที่ “น้ำตกโตนปริวรรต” ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต เป็นน้ำตกที่ไม่ค่อยสูงนักเบื้องล่างจะเป็นแอ่งน้ำใส ยิ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้น้ำจะเยอะ ดูงดงามและยังให้ความรู้สึกถึงความชุ่มชื้นของใบไม้ต้นหญ้าที่เขียวขจี รู้สึกเย็นใจไม่น้อย
จากนั้นเราจึงออกเดินทางไปยังท่าเรือบ้านน้ำเค็ม เพื่อเดินทางไปยัง “เกาะคอเขา” ตั้งอยู่ในเขตตำบลเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า ลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็ก อยู่บริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า มีป่าไม้โกงกางทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกของเกาะจะหันหน้าออกสู่ทะเลอันดามัน ซึ่งแต่ก่อนตำบลเกาะคอเขาเป็นถึงกิ่งอำเภอ นอกจากนั้นยังเคยเป็นเมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา การเดินทางไปเกาะคอเขานั้นจะใช้เรือข้ามฟากโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่อถึงเกาะแล้วจึงออกเดินทางไปสำรวจที่ “แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึก” ซึ่งในบริเวณนี้จะมีซากอาคารโบราณสถานที่เคยแสดงถึงอารยธรรมที่มีบนเกาะ นอกจากนั้นในบริเวณนี้ยังได้พบฐานเทวรูป เศษทองคำ และผงทรายทองจำนวนมาก ในปัจจุบันโบราณสถานดังกล่าวถูกทำลายไปแล้ว คงเหลือแต่เพียงซากของฐานก่ออิฐเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนเทวรูป และหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆ ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์จึงไม่มีร่องรอยหลงเหลือให้ดูมากนัก จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติบนเกาะคอเขา ชมพืชพรรณที่หาดูยากอย่างเช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่เป็นพืชกินสัตว์ประเภทหนึ่ง ดอกบัวบา บัวชนิดจิ๋วที่อยู่ในบึงน้ำ นอกจากนั้นยังไปสัมผัสกับความเขียวขจีที่ “ทุ่งสนามบิน” โดยคนเถ้าคนแก่ของที่นี่บอกว่า ที่แห่งนี้เคยเป็นสนามบินเก่าของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปัจจุบันกลายเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีควายเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจะเป็นควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้นำมาปล่อยหากินตามธรรมชาติ และที่นี่ยังมีนกมากมายหลายสายพันธุ์บินกินน้ำกินท่าโฉบไปมา ราวกับให้บรรยากาศคล้ายเป็นซาฟารีย่อมๆ ในทุ่งสนามบินแห่งนี้
ได้สัมผัสธรรมชาติจนชุ่มปอดแล้วจึงออกเดินทางไปล่องแพเย็นๆ ชื่นใจ ที่ “ล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่” อำเภอท้ายเหมือง โดยใช้ระยะเวลาในการล่องประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในการล่องแพจะได้พบกับธรรมชาติ แม่น้ำใสๆ ในบรรยากาศชิลๆ ตลอดสองข้างทางของการล่องแพ จะมีภูเขาโอบล้อมสวยงาม พืชพรรณป่าไม้ดูร่มรื่น มีจุดล่องแพให้น่าหวาดเสียวเล็กน้อยพอกระชุ่มกระชวยหัวใจ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมผจญภัยท่องเที่ยวพักผ่อนที่น่าประทับใจมากอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา
จากนั้นเราจึงเดินทางไปยังหาดท้ายเหมืองที่เป็นที่ตั้งของ “ศูนย์วิจัยพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา” ที่นี่ถือเป็นศูนย์ศึกษา ค้นคว้า วิจัย รวมถึงพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเลี้ยงเต่าทะเล หอยมือเสือ ปลาการ์ตูน รวมถึงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทย โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยพาเดินชมศูนย์เพาะเลี้ยงในบ่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเต่าทะเลหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเต่าตนุ เต่ากระ ที่ทางศูนย์ฯ เพาะเลี้ยงไว้ มีทั้งลูกเต่าตัวเล็กๆ ไปจนถึงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์เต่า ที่มีอายุมาก นอกจากนั้นที่นี่ยังมีโครงการวิจัยเพาะเลี้ยงหอยชักตีน ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในขั้นการทดลอง ซึ่งหอยชักตีนถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญอย่างมากในภาคใต้
มาพังงาครั้งนี้นอกจากจะได้เที่ยวเต็มอิ่มกับธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์อีกด้านหนึ่งของจังหวัดพังงาแล้ว ยังได้เรียนรู้แหล่งอารยธรรม และความรู้การอนุรักษ์สัตว์น้ำในท้องทะเลไทย ที่ทำให้จังหวัดพังงามีมนต์เสน่ห์ขุนเขาแห่งนี้ หน้าฝนก็สามารถเที่ยวได้ หากใครที่อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศเที่ยวหน้าฝนแบบนี้..อย่าลืมคิดถึงพังงา
นักท่องเที่ยวที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร. 0-7648-1900-2 หรือเฟซบุ๊ก www.facebook.com/wonderfulphangnga
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com