“เงินมันก็ส่วนนึงนะครับ แต่ทีเสียเยอะกว่าจริงๆ คือความรู้สึก บอกตรงๆ ว่าเสียความรู้สึกมากๆ ครับ"
"ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด จะไปดูในจังหวัดที่จัดแสดงจังหวัดหนึ่งเอาจริงๆ แล้ว ค่ารถ ค่าที่พัก แพงกว่าค่าบัตรอีกหลายเท่า แต่ผมเอาเงินไปดูพี่ๆ ด้วยความรัก ความชื่นชอบนะครับ ทำไมพี่ๆ ทำแบบนี้กับผม”
มีข้อความเสียความรู้สึกทำนองนี้จำนวนมากในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เมื่อเกิดปรากฏการณ์การยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศของวงร็อกที่น่าจะมีแฟนคลับเยอะที่สุดอันดับต้นๆของประเทศไทย อย่างวงบอดี้สแลม สังกัดจินี่เร็คคอร์ด ในเครือแกรมมี่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเพลงบ้านเรา
บอดี้สแลมวงร็อกที่มีเพลงฮิตมากมายบนชาร์ตเพลงต่างๆของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเพลง ความเชื่อปลายทาง งมงาย ขอบฟ้าคราม และล่าสุดกับเรือเล็กควรออกจากฝั่ง
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เดี๋ยวนี้นักร้องหรือศิลปินที่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถวัดได้จากยอดขายเทปหรือซีดี เมื่อก่อนถ้ายอดขายเทปได้สักล้านตลับก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ยุคนี้วัดกันที่การจัดคอนเสิร์ตและขายตั๋วได้มากๆ ถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ จึงมีการจัดคอนเสิร์ตกันบ่อยมากทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
คอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อว่า ดัม-มะ-ชา-ติ ของบอดี้สแลม เริ่มแรกผู้จัดโปรโมทว่าเป็นคอนเสิร์ตสเกลใหญ่ที่สุดเท่าที่เมืองไทยเคยมี ด้วยการนำโปรดักชั่นขนาดเดียวกับที่จัดในกรุงเทพฯ ออกทัวร์ต่างจังหวัดไปทั่วประเทศ กว่า 30 รอบ
ตอนแรกเปิดจองบัตรเข้าชมราคาราคาสูงสุด 1,500 บาท แต่ภายหลังก็มีการลดราคาตั๋วลงเหลือ 399 บาท ทำให้แฟนเพลงบางส่วนที่ซื้อตั๋วไปแล้วนั้นเกิดอาการไม่พอใจ ทีมงานแจ้งว่าจะชดเชยให้ด้วยการแจกโฟโต้บุ๊ก แต่ดูแล้วมาตรการเยียวยาที่ว่าไม่เกิดผล แฟนเพลงกลุ่มที่ซื้อบัตรไปแล้วไม่พอใจ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ตามมาอีกมาก
หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีการออกมาแถลงยกเลิกคอนเสิร์ต ยุทธนา บุญอ้อม ผู้จัดคอนเสิร์ตได้ออกมากล่าวขอโทษและอธิบายถึงเรื่องที่คอนเสิร์ตนี้ขาดทุน ไม่สามารถจัดได้ ต้องยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด
การจัดคอนเสิร์ตไม่ประสบความสำเร็จในระยะหลังๆ มีประเด็นที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้คอนเสิร์ตของนักร้องร็อกรุ่นใหญ่ที่มีข่าวฉาวโฉ่และแสดงอาการผยองลำพองตัว จบลงอย่างไม่ประสบความสำเร็จ คนโหรงเหรง เห็นเก้าอี้ที่นั่งมากกว่าคนดู จนต้องเอาคนซื้อบัตรถูกมานั่งกับบัตรแพง แฟนเพลงไม่พอใจออกมาโวย แต่เจ้าตัวกลับออกมาบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้สำเร็จและกำลังจะจัดอีก ผมว่าพี่แกหูตาฝ้าฟางจนเห็นภาพซ้อน หรือเกิดภาพหลอนมองว่าคนเยอะแล้วจะจัดอีก
การจัดคอนเสิร์ตในบ้านเราส่วนใหญ่บัตรเข้าชมราคาแพง แม้จะมีแบ่งหลายราคาจากต่ำไปหาสูง หลายครั้งถึงขั้นแพงมาก ยิ่งเป็นนักร้องดังจากต่างประเทศ ที่ต้องขนทีมงานมาด้วย อย่างจัสติน บีเบอร์เมื่อปีที่แล้ว บัตรต่ำสุด 2,500 บาท สูงสุดถึง 6,000 บาท
ก่อนหน้านี้ คนดูคอนเสิร์ตก็บ่นกันเรื่อยมาว่า บัตรดูคอนเสิร์ตส่วนใหญ่ราคาแพง ฝ่ายผู้จัดก็มักจะบอกว่า สิ่งแรกที่ต้องคิดคำนวณไปถึงต้นทุนและกำไรคือ ค่าตัวของศิลปินแต่ละคน ศิลปินไทยบางคนมีค่าตัวตั้งแต่หลักแสนต้นๆ ไปจนถึงหลักล้านกันเลยทีเดียว นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของสถานที่ ค่าโปรดักชั่น ค่ารื้อถอน ค่าโปรโมท ฯลฯ
สำหรับคอนเสิร์ตบอดี้สแลมครั้งนี้ บัตรราคาสูงสุด 1,500 บาท มองไปในเชิงเศรษฐศาสตร์ ทีมงานคาดการณ์ผิดพลาด โดยเฉพาะเรื่องของราคาบัตรที่นับว่าแพงพอสมควร ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจบ้านเราแย่ลงเรื่อยๆ ล่าสุดจีดีพีต่ำมากเหลือประมาณ 1 เปอร์เซนต์ เท่านั้น คนส่วนมากต้องประหยัด คิดแล้วคิดอีกในเรื่องการใช้จ่าย การที่จะจัดคอนเสิร์ตสเกลใหญ่ เป็นเรื่องเสี่ยงทีเดียว
คอนเสิร์ตประเภทวงร็อก ส่วนมากกลุ่มคนฟังมักจะเป็นวัยรุ่น กำลังซื้อไม่มาก ต้องขอเงินพ่อแม่ไปดู ไม่สามารถซื้อบัตรเองได้
แม้ว่าคอนเสิร์ตบอดี้สแลมจะมีวงดนตรีที่รู้จักกันว่า มีฝีมือเคยสร้างงานคุณภาพ พวกเขาเป็นวงที่เล่นสดได้มันมากเรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวจริงๆสมชื่อวง คนที่เคยดูหรือได้ซื้อดีวีดีคอนเสิร์ตบอดี้สแลมมาดู คงจำกันได้ แต่ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองก็ไปไม่รอดเหมือนกัน
บรรดาแฟนเพลงบอดี้สแลม ที่ซื้อบัตรราคาแพงไว้ก่อน แล้วมีการลดราคาลงมาทีหลัง ซื้อบัตรแพงแล้ว ยังต้องมาเสียความรู้สึก เสียความรู้สึกนั้นมากกว่าเสียเงินอีก ผู้จัดคอนเสิร์ตทั้งหลายคงต้องประเมิน คำนึงถึงความรู้สึกคนดูอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะกระแสจากคนซื้อบัตรในโซเชียลเน็ตเวิร์กแรงและเร็วเอามากๆ
ไม่ว่าจะเรือเล็กหรือเรือใหญ่ เมื่อออกจากฝั่งไปแล้ว หากขาดการวางแผนการเดินทางที่ดี ขาดการเตรียมความพร้อมที่ดีเพื่อรับมือกับสิ่งไม่คาดฝัน ก็ไปไม่ถึงจุดหมายและอาจจะล่มได้ทั้งนั้น ถ้าผยองหลงตัวเองประมาทก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดูอย่างไททานิคสิครับ เรือที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุด หรูที่สุดในยุคนั้น เทคโนโลยีก้าวหน้าสุดหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป สุดท้ายก็จมลงสู่ก้นทะเลตั้งแต่ครั้งแรกที่ออกจากฝั่ง