เฟซบุ้ก เสธ.น้ำเงิน 2 เป็นผลสืบเนื่องมาจากปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ระหว่างการชุมนุมประท้วงนกหวีดแม้จะปกปิดชื่อเสียงแท้จริงว่าใครหน่วยไหนลงมือทำแต่ที่สุดแล้วระยะเวลากับผลงานที่ปรากฏมันก็เฉลยด้วยตัวมันเองว่าที่แท้ก็แค่หน่วยงานโฆษณาให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เป็นสำคัญ เพจของเสธ.น้ำเงินไม่ได้มีเพื่อสนับสนุนแนวความคิดใดๆ อะไรเลย ผสมโรงไล่ตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพื่อโค่นล้มหนุนพวกขึ้นแทน ไอ้ที่ชาวบ้านเรียกร้องกันว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอะไรนั่นไม่ปรากฏว่าเสธ.น้ำเงินจะเอ่ยถึง
เสธ.น้ำเงิน 2 พยายามโจมตีคนทุกฝ่ายที่มีปัญหากับรัฐบาลด้วยวิธีสกปรก จับแพะชนแกะลากอะไรไม่รู้มาผสมกันให้กลายเป็นนิยายเรื่องใหม่และก็น่าแปลกใจที่ยังมีมวลชนบางกลุ่มเชื่อสนิทไปตามนั้นเช่นบอกทำนองให้คนเชื่อว่ากลุ่มที่ต่อสู้เรื่องปฏิรูปการพลังงานไปจับมือกับทักษิณและฝ่ายต่างๆ โค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์
ที่จริงกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องพลังงานไม่ได้มีกลุ่มเดียวหรอกนะแต่ทว่ากลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีความเป็นมายาวนานที่สุดคือกลุ่มของคุณรสนา ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวสารมา (ไม่ต้องถึงกับเป็นนักข่าวหรอกเอาแค่คนธรรมดาที่พออ่านข่าวบ้าง) น่าจะรู้ว่าคนกลุ่มนี้มีรากฐานมาจากการเคลื่อนไหวเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค แล้วเริ่มสู้เรื่องพลังงานอย่างชัดเจนกรณีแปรรูปปตท. ไปฟ้องศาลปกครองจนชนะไม่ให้ทักษิณแปรรูปกฟผ. พอได้เป็นส.ว.ก็เคลื่อนไหวเรื่องพลังงานต่อในกรรมาธิการ เอกสารข้อมูลต่างๆ ที่เผยแพร่กันอยู่ส่วนใหญ่ก็มาจากกรรมาธิการชุดนี้แหละ
ยาวนานมาถึงขนาดนี้ สู้มาทุกรัฐบาลไม่ว่ายุคขิงแก่ อภิสิทธิ์ หรือ สมชายยิ่งลักษณ์แต่เจ้าเสธ.หน้ามึนคนนี้ก็ยังอุตส่าห์ลากให้กลายเป็นแค่กลุ่มเฉพาะกิจ หรือกระทั่งฝ่ายพันธมิตรที่เขาก็สู้เรื่องคัดค้านแปรรูปปตท.มาก่อนมีการยื่นฟ้องที่ศาลปกครองจนบัดนี้ยังคาอยู่ก็กลายเป็นพวกเฉพาะกิจไปด้วย...ปั้ดโธ่
ปัญหาเรียกร้องเรื่องการพลังงาน มีรากเหง้ามาจากความไม่เชื่อใจ รัฐบาลประยุทธ์ต้องเข้าใจรากเหง้าก่อนว่ามันเป็นวิกฤติศรัทธาเพราะประชาชนเริ่มรู้เห็นความไม่ชอบมาพากลสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพิ่งมาแหกปากตะโกนเอากันวันสองวันตอนที่กำนันเป่านกหวีดซะที่ไหน
การพลังงานของบ้านเรามันเริ่มถูกทำให้บิดเบี้ยวกลายเป็นอาณาจักรที่น่าหวาดระแวงไม่เป็นมิตรกับประชาชนก็ตอนที่แปรรูป เพราะตอนนั้นปตท.กลายเป็นองค์กรพิสดารเป็นเอกชนแต่ถืออำนาจมหาชนของรัฐ ซึ่งหากยังไม่มีการฟ้องร้องศาลปกครองตั้งเรกูเลเตอร์โอนอำนาจมหาชนแล้วโอนท่อก๊าซ(บางส่วน)ออกไป มันคืออนุสาวรีย์ของการทุจริตเชิงนโยบายที่เอื้อให้ผู้ถือหุ้นเอกชนได้กำไรจากสถานะพิเศษของรัฐวิสาหกิจไปมากกว่านี้
ขนาดแยกอำนาจมหาชนออกไปแยกท่อออกมาบางส่วนแล้วการใช้สถานะพิเศษก็ยังอิ่มหมีพีมัน เพราะยังไม่มีการแยกท่อก๊าซออกมาจากบริษัท ปตท. (ตามมติครม.ก่อนแปรรูป) เพิ่งจะมาคิดทำกันยุคนี้ ผ่านไปกี่ปีแล้วคิดดูที่ผู้ถือหุ้นเอกชนได้ประโยชน์จากสถานะพิเศษ
ที่จริงมันมีหลายเรื่องรวมๆ กันปนๆ กันก่อให้เป็นวิกฤตศรัทธาต่อการบริหารจัดการพลังงาน พวกท่านข้าราชการเทคโนแครตนักการเมืองนักการทหารก็แค่ยืนยันว่าโปร่งใส ธรรมาภิบาล ถูกต้องชอบธรรมมีเหตุผลที่สุดแล้ว จะโปร่งใสธรรมาธิบาลได้ยังไงครับแค่รายชื่อผู้ได้รับจัดสรรหุ้นผู้มีอุปการคุณเมื่อปี 2545 จำนวนกี่คน แต่ละคนมีอุปการคุณอย่างไรยังไม่เปิดออกมาให้สังคมทราบเลย กี่ปีมาแล้ว ?
ปมปัญหาเรื่องการพลังงาน มันพันกันอยู่กับยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐ หัวใจหลักของมันคือความชัดเจนโปร่งใสยืนบนประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมจริงๆ ไม่ใช่แค่กลุ่มเศรษฐีกลุ่มเดียว ไม่ใช่เรื่องการเรียกร้องให้ลดราคาลงมาเหลือลิตรละ 20 บาทหรอก อันนั้นมันเป็นดราม่า
ยอมรับนะว่าหลายปีมานี้กระแสเรียกร้องเรื่องพลังงานยกระดับขึ้นมาผ่านโซเชี่ยลมีเดียมีกลุ่มใหม่ๆ คนใหม่ๆ มาเยอะ คนโน้นโพสต์ทีคนนี้ยกแง่มุมนั้นมาที กลายเป็นเข้าใจผิดไปก็มี รวมถึงมีผู้แอบแฝงทำเป็นเรียกร้องแต่โพสต์ข้อมูลโง่ๆ เพื่อให้พวกที่แชร์ต่อถูกมองว่าโง่ก็มี ทำให้ทัศนคติของฝ่ายรัฐมองว่าคนพวกนี้เป็นพวกไม่รู้ เป็นพวกดื้อ พวกไม่เข้าใจ พลังงานต้องเป็นเรื่องของเทคโนแครต ต้องวิศวะเท่านั้นจึงจะคุยกันรู้เรื่อง
ไม่ใช่หรอกครับ ในสังคมที่หลากหลายคนที่ไม่เข้าใจก็มี คนที่เข้าใจผิดโดยสุจริตแต่พร้อมจะปรับเปลี่ยนก็มี คนที่อยากรู้ก็มี และคนที่พอมีพื้นพูดอะไรเกี่ยวกับข้อกฎหมายหลักเกณฑ์ต่างๆ เขาก็พอจะแลกเปลี่ยนถกเถียงได้ก็มี
แต่นี่วิธีการจัดการของภาครัฐเล่นมาแบบเสธ.น้ำเงิน 2 เลย ก็คือ ดูถูกไว้ก่อน ดูถูกยังไม่เท่าไหร่ยังใช้วิธีการ half truth ใช้ความจริงครึ่งเดียวมาถล่มใส่ด้วย
และก็ไม่ใช่แค่ เสธ.น้ำเงิน 2 หรอกนะครับที่ใช้ half truth แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร นายกฯ กับรองนายกฯ เองก็เช่นกัน
การที่พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์สื่อทำนองว่าการให้สัมปทานรอบ 21 นี้ก็แค่ “อนุญาตให้สำรวจ” สื่อถึงคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจให้เข้าใจผิดมองว่าพวกที่คัดค้านไม่รู้อะไรเขาแค่สำรวจยังไม่ ขุดเจาะเพื่อการผลิตเลย
นี่เป็นเทคนิคใต้เข็มขัดแบบนัก IO โฆษณาชวนเชื่อ เสนาบดีผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ควรอย่างยิ่งที่ใช้วิธีการแบบนี้
จริงอยู่ครับที่ขั้นตอนตามพรบ.ปิโตรเลียม 2514 แยกขั้นตอนอนุญาตสำรวจกับขั้นอนุญาตผลิตปิโตรเลียมกันคนละส่วนแต่ทว่าที่แท้มันคือเรื่องราวต่อเนื่องเดียวกัน ไม่มีใครควักกระเป๋าลงทุนสำรวจเฉยๆ เปล่าๆ หรอกมันต่อเนื่องไปถึงสัญญาสัมปทานขุดเจาะผลิตไปในตัว ได้สัมปทานสำรวจที่แท้คือได้สัมปทานผลิตน้ำมันนั่นล่ะถ้าสำรวจพบ
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร คิดว่ามันแค่ “สำรวจ” เท่านั้น ส่วนการอนุญาตผลิตขุดเจาะมาใช้เป็นอีกเรื่องหนึ่งใครอยากได้ต้องมายื่นประมูลสัมปทานแข่งใหม่ แน่จริงก็ประกาศให้เป็นทางการเลยสิครับ เปิดสัมปทานรอบ 21 ให้สิทธิ์แค่สำรวจเท่านั้นไม่มีผลผูกพันในการผลิตขุดเจาะต่อ แล้วสิทธิ์ดังกล่าวนั้นเป็นของรัฐบาลจะให้ใครก็ได้ไปผลิตขุดเจาะไม่ใช่เจ้าเดิม...ท่านทำไม่ได้หรอกเพราะการสำรวจขุดเจาะและการผลิตเป็นเรื่องเดียวต่อเนื่องกันไป
แบบนี้แหละครับเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง...ท่านชี้นิ้วหาว่าประชาชนที่เรียกร้องเรื่องพลังงานรู้ข้อมูลครึ่งกลางๆ ถูกหลอกมา ตัวท่านนั่นแหละที่ทำแบบนี้กับประชาชนเอง !
คนที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐมองว่าประชาชนไม่เข้าใจข้อมูล ถูกหลอกลวง ได้ข้อมูลไม่ครบ แต่ภายใต้รัฐบาลนี้ลิ่วล้อ IO ก็หลอกลวงประชาชนด้วยข้อมูล ส่วนเจ้านายก็พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว แล้วบอกว่าประชาชนไม่รู้อะไร
ประชาชนอย่างเราๆ ถูกโยนขี้ให้แบบนี้ล่ะเป็นประจำ
ปมปัญหาพลังงานของเราเริ่มต้นมาจากการนิยามประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่ไม่มีน้ำมันใช้สักหยดอยากให้มีใครมาลงทุนสำรวจมันจึงเกิดพรบ.ปิโตรเลียม 2514 ขึ้นมา เอื้อให้บริษัทจากต่างประเทศมาลงทุน ห้ามจำกัดการส่งออกจะส่งออกเท่าไหร่ก็ได้ และหากจะขายให้ประเทศไทยให้ตั้งราคาไม่เกินน้ำมันที่นำมาจากต่างประเทศถึงโรงกลั่นในประเทศ ในทางความเป็นจริงบริษัทน้ำมันเขาไม่ขายถูกๆ หรอกเขาก็ขายเต็มเพดานตามที่กฎหมายเปิดไว้นั่นล่ะ
เงื่อนไขแบบนี้เอกชนที่ถือหุ้นในบริษัทน้ำมันยิ้ม เพราะต่อให้ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจแต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นทำกำไรสูงสุด ขุดในประเทศ หากจะขายในประเทศก็จะได้สิทธิตั้งราคานำเข้าอันนี้เป็นสิทธิที่กฎหมายเปิดให้ นัยว่าดึงดูดเอกชน
ประชาชนเรียกร้องให้กำหนดโครงสร้างพลังงานให้ถูกลงเพราะมีภาษีบางตัว/กองทุนบางกองที่ทำให้น้ำมันแพง ท่านก็อ้างว่าประเทศไทยใช้พลังงานเทียบกับจีดีพีเปลืองมาก
โยนขี้ให้ประชาชนรับบาปอีก !
การบริหารพลังงานเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ใหญ่ของประเทศด้วย มาเลเซียเขาอุดหนุนให้พลังงานต่ำแต่มันก็กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจส่วนอื่น ทำให้ต้นทุนของภาคส่วนอื่นได้เปรียบเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน นี่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ 2020 ของมหาเธร์ด้วย เมื่อ 20 กว่าปีก่อนไทยกับมาเลเซียเท่ากันตอนนี้เขาทิ้งห่างเราแล้ว แล้วค่อยมาปรับราคาให้สูงขึ้น
แต่ของประเทศไทยคนของรัฐและปตท.ชี้นิ้วว่าประชาชนใช้พลังงานเปลือง ทั้งๆ ที่ไม่เคยดูนโยบายดีทรอยท์แห่งเอเชียบูมรถยนต์ มีเงินเท่าไหร่สร้างแต่ถนนให้รถวิ่งแถมมีรถคันแรกออกมาอีก ไม่ได้คิดเรื่องลดจำนวนรถเพื่อให้คนอยู่บนถนนผลาญน้ำมันเยอะๆ ไม่เพียงเท่านั้นนโยบายเมืองโตเดี่ยวไม่กระจายอำนาจทำให้บ้านทุกหลังตึกทุกตึกเปลืองพลังงานเปิดแอร์ผลาญทิ้งกันมหาศาล เมืองกระจุกแบบโตเดี่ยวนี่แหละที่ทำให้ประเทศนี้ใช้พลังงานเปลือง
แต่ก็ยังมีเทคโนแครต เสนาบดี เหล่าคนดีๆ โยนบาปให้ประชาชนว่าใช้เปลืองเป็นเหตุเป็นผลว่าอย่าใช้พลังงานราคาถูกเลยประชาชน !
เสธ.น้ำเงิน 2 พยายามโจมตีคนทุกฝ่ายที่มีปัญหากับรัฐบาลด้วยวิธีสกปรก จับแพะชนแกะลากอะไรไม่รู้มาผสมกันให้กลายเป็นนิยายเรื่องใหม่และก็น่าแปลกใจที่ยังมีมวลชนบางกลุ่มเชื่อสนิทไปตามนั้นเช่นบอกทำนองให้คนเชื่อว่ากลุ่มที่ต่อสู้เรื่องปฏิรูปการพลังงานไปจับมือกับทักษิณและฝ่ายต่างๆ โค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์
ที่จริงกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องพลังงานไม่ได้มีกลุ่มเดียวหรอกนะแต่ทว่ากลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีความเป็นมายาวนานที่สุดคือกลุ่มของคุณรสนา ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวสารมา (ไม่ต้องถึงกับเป็นนักข่าวหรอกเอาแค่คนธรรมดาที่พออ่านข่าวบ้าง) น่าจะรู้ว่าคนกลุ่มนี้มีรากฐานมาจากการเคลื่อนไหวเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค แล้วเริ่มสู้เรื่องพลังงานอย่างชัดเจนกรณีแปรรูปปตท. ไปฟ้องศาลปกครองจนชนะไม่ให้ทักษิณแปรรูปกฟผ. พอได้เป็นส.ว.ก็เคลื่อนไหวเรื่องพลังงานต่อในกรรมาธิการ เอกสารข้อมูลต่างๆ ที่เผยแพร่กันอยู่ส่วนใหญ่ก็มาจากกรรมาธิการชุดนี้แหละ
ยาวนานมาถึงขนาดนี้ สู้มาทุกรัฐบาลไม่ว่ายุคขิงแก่ อภิสิทธิ์ หรือ สมชายยิ่งลักษณ์แต่เจ้าเสธ.หน้ามึนคนนี้ก็ยังอุตส่าห์ลากให้กลายเป็นแค่กลุ่มเฉพาะกิจ หรือกระทั่งฝ่ายพันธมิตรที่เขาก็สู้เรื่องคัดค้านแปรรูปปตท.มาก่อนมีการยื่นฟ้องที่ศาลปกครองจนบัดนี้ยังคาอยู่ก็กลายเป็นพวกเฉพาะกิจไปด้วย...ปั้ดโธ่
ปัญหาเรียกร้องเรื่องการพลังงาน มีรากเหง้ามาจากความไม่เชื่อใจ รัฐบาลประยุทธ์ต้องเข้าใจรากเหง้าก่อนว่ามันเป็นวิกฤติศรัทธาเพราะประชาชนเริ่มรู้เห็นความไม่ชอบมาพากลสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพิ่งมาแหกปากตะโกนเอากันวันสองวันตอนที่กำนันเป่านกหวีดซะที่ไหน
การพลังงานของบ้านเรามันเริ่มถูกทำให้บิดเบี้ยวกลายเป็นอาณาจักรที่น่าหวาดระแวงไม่เป็นมิตรกับประชาชนก็ตอนที่แปรรูป เพราะตอนนั้นปตท.กลายเป็นองค์กรพิสดารเป็นเอกชนแต่ถืออำนาจมหาชนของรัฐ ซึ่งหากยังไม่มีการฟ้องร้องศาลปกครองตั้งเรกูเลเตอร์โอนอำนาจมหาชนแล้วโอนท่อก๊าซ(บางส่วน)ออกไป มันคืออนุสาวรีย์ของการทุจริตเชิงนโยบายที่เอื้อให้ผู้ถือหุ้นเอกชนได้กำไรจากสถานะพิเศษของรัฐวิสาหกิจไปมากกว่านี้
ขนาดแยกอำนาจมหาชนออกไปแยกท่อออกมาบางส่วนแล้วการใช้สถานะพิเศษก็ยังอิ่มหมีพีมัน เพราะยังไม่มีการแยกท่อก๊าซออกมาจากบริษัท ปตท. (ตามมติครม.ก่อนแปรรูป) เพิ่งจะมาคิดทำกันยุคนี้ ผ่านไปกี่ปีแล้วคิดดูที่ผู้ถือหุ้นเอกชนได้ประโยชน์จากสถานะพิเศษ
ที่จริงมันมีหลายเรื่องรวมๆ กันปนๆ กันก่อให้เป็นวิกฤตศรัทธาต่อการบริหารจัดการพลังงาน พวกท่านข้าราชการเทคโนแครตนักการเมืองนักการทหารก็แค่ยืนยันว่าโปร่งใส ธรรมาภิบาล ถูกต้องชอบธรรมมีเหตุผลที่สุดแล้ว จะโปร่งใสธรรมาธิบาลได้ยังไงครับแค่รายชื่อผู้ได้รับจัดสรรหุ้นผู้มีอุปการคุณเมื่อปี 2545 จำนวนกี่คน แต่ละคนมีอุปการคุณอย่างไรยังไม่เปิดออกมาให้สังคมทราบเลย กี่ปีมาแล้ว ?
ปมปัญหาเรื่องการพลังงาน มันพันกันอยู่กับยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐ หัวใจหลักของมันคือความชัดเจนโปร่งใสยืนบนประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมจริงๆ ไม่ใช่แค่กลุ่มเศรษฐีกลุ่มเดียว ไม่ใช่เรื่องการเรียกร้องให้ลดราคาลงมาเหลือลิตรละ 20 บาทหรอก อันนั้นมันเป็นดราม่า
ยอมรับนะว่าหลายปีมานี้กระแสเรียกร้องเรื่องพลังงานยกระดับขึ้นมาผ่านโซเชี่ยลมีเดียมีกลุ่มใหม่ๆ คนใหม่ๆ มาเยอะ คนโน้นโพสต์ทีคนนี้ยกแง่มุมนั้นมาที กลายเป็นเข้าใจผิดไปก็มี รวมถึงมีผู้แอบแฝงทำเป็นเรียกร้องแต่โพสต์ข้อมูลโง่ๆ เพื่อให้พวกที่แชร์ต่อถูกมองว่าโง่ก็มี ทำให้ทัศนคติของฝ่ายรัฐมองว่าคนพวกนี้เป็นพวกไม่รู้ เป็นพวกดื้อ พวกไม่เข้าใจ พลังงานต้องเป็นเรื่องของเทคโนแครต ต้องวิศวะเท่านั้นจึงจะคุยกันรู้เรื่อง
ไม่ใช่หรอกครับ ในสังคมที่หลากหลายคนที่ไม่เข้าใจก็มี คนที่เข้าใจผิดโดยสุจริตแต่พร้อมจะปรับเปลี่ยนก็มี คนที่อยากรู้ก็มี และคนที่พอมีพื้นพูดอะไรเกี่ยวกับข้อกฎหมายหลักเกณฑ์ต่างๆ เขาก็พอจะแลกเปลี่ยนถกเถียงได้ก็มี
แต่นี่วิธีการจัดการของภาครัฐเล่นมาแบบเสธ.น้ำเงิน 2 เลย ก็คือ ดูถูกไว้ก่อน ดูถูกยังไม่เท่าไหร่ยังใช้วิธีการ half truth ใช้ความจริงครึ่งเดียวมาถล่มใส่ด้วย
และก็ไม่ใช่แค่ เสธ.น้ำเงิน 2 หรอกนะครับที่ใช้ half truth แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร นายกฯ กับรองนายกฯ เองก็เช่นกัน
การที่พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์สื่อทำนองว่าการให้สัมปทานรอบ 21 นี้ก็แค่ “อนุญาตให้สำรวจ” สื่อถึงคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจให้เข้าใจผิดมองว่าพวกที่คัดค้านไม่รู้อะไรเขาแค่สำรวจยังไม่ ขุดเจาะเพื่อการผลิตเลย
นี่เป็นเทคนิคใต้เข็มขัดแบบนัก IO โฆษณาชวนเชื่อ เสนาบดีผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ควรอย่างยิ่งที่ใช้วิธีการแบบนี้
จริงอยู่ครับที่ขั้นตอนตามพรบ.ปิโตรเลียม 2514 แยกขั้นตอนอนุญาตสำรวจกับขั้นอนุญาตผลิตปิโตรเลียมกันคนละส่วนแต่ทว่าที่แท้มันคือเรื่องราวต่อเนื่องเดียวกัน ไม่มีใครควักกระเป๋าลงทุนสำรวจเฉยๆ เปล่าๆ หรอกมันต่อเนื่องไปถึงสัญญาสัมปทานขุดเจาะผลิตไปในตัว ได้สัมปทานสำรวจที่แท้คือได้สัมปทานผลิตน้ำมันนั่นล่ะถ้าสำรวจพบ
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร คิดว่ามันแค่ “สำรวจ” เท่านั้น ส่วนการอนุญาตผลิตขุดเจาะมาใช้เป็นอีกเรื่องหนึ่งใครอยากได้ต้องมายื่นประมูลสัมปทานแข่งใหม่ แน่จริงก็ประกาศให้เป็นทางการเลยสิครับ เปิดสัมปทานรอบ 21 ให้สิทธิ์แค่สำรวจเท่านั้นไม่มีผลผูกพันในการผลิตขุดเจาะต่อ แล้วสิทธิ์ดังกล่าวนั้นเป็นของรัฐบาลจะให้ใครก็ได้ไปผลิตขุดเจาะไม่ใช่เจ้าเดิม...ท่านทำไม่ได้หรอกเพราะการสำรวจขุดเจาะและการผลิตเป็นเรื่องเดียวต่อเนื่องกันไป
แบบนี้แหละครับเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง...ท่านชี้นิ้วหาว่าประชาชนที่เรียกร้องเรื่องพลังงานรู้ข้อมูลครึ่งกลางๆ ถูกหลอกมา ตัวท่านนั่นแหละที่ทำแบบนี้กับประชาชนเอง !
คนที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐมองว่าประชาชนไม่เข้าใจข้อมูล ถูกหลอกลวง ได้ข้อมูลไม่ครบ แต่ภายใต้รัฐบาลนี้ลิ่วล้อ IO ก็หลอกลวงประชาชนด้วยข้อมูล ส่วนเจ้านายก็พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว แล้วบอกว่าประชาชนไม่รู้อะไร
ประชาชนอย่างเราๆ ถูกโยนขี้ให้แบบนี้ล่ะเป็นประจำ
ปมปัญหาพลังงานของเราเริ่มต้นมาจากการนิยามประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่ไม่มีน้ำมันใช้สักหยดอยากให้มีใครมาลงทุนสำรวจมันจึงเกิดพรบ.ปิโตรเลียม 2514 ขึ้นมา เอื้อให้บริษัทจากต่างประเทศมาลงทุน ห้ามจำกัดการส่งออกจะส่งออกเท่าไหร่ก็ได้ และหากจะขายให้ประเทศไทยให้ตั้งราคาไม่เกินน้ำมันที่นำมาจากต่างประเทศถึงโรงกลั่นในประเทศ ในทางความเป็นจริงบริษัทน้ำมันเขาไม่ขายถูกๆ หรอกเขาก็ขายเต็มเพดานตามที่กฎหมายเปิดไว้นั่นล่ะ
เงื่อนไขแบบนี้เอกชนที่ถือหุ้นในบริษัทน้ำมันยิ้ม เพราะต่อให้ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจแต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นทำกำไรสูงสุด ขุดในประเทศ หากจะขายในประเทศก็จะได้สิทธิตั้งราคานำเข้าอันนี้เป็นสิทธิที่กฎหมายเปิดให้ นัยว่าดึงดูดเอกชน
ประชาชนเรียกร้องให้กำหนดโครงสร้างพลังงานให้ถูกลงเพราะมีภาษีบางตัว/กองทุนบางกองที่ทำให้น้ำมันแพง ท่านก็อ้างว่าประเทศไทยใช้พลังงานเทียบกับจีดีพีเปลืองมาก
โยนขี้ให้ประชาชนรับบาปอีก !
การบริหารพลังงานเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ใหญ่ของประเทศด้วย มาเลเซียเขาอุดหนุนให้พลังงานต่ำแต่มันก็กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจส่วนอื่น ทำให้ต้นทุนของภาคส่วนอื่นได้เปรียบเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน นี่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ 2020 ของมหาเธร์ด้วย เมื่อ 20 กว่าปีก่อนไทยกับมาเลเซียเท่ากันตอนนี้เขาทิ้งห่างเราแล้ว แล้วค่อยมาปรับราคาให้สูงขึ้น
แต่ของประเทศไทยคนของรัฐและปตท.ชี้นิ้วว่าประชาชนใช้พลังงานเปลือง ทั้งๆ ที่ไม่เคยดูนโยบายดีทรอยท์แห่งเอเชียบูมรถยนต์ มีเงินเท่าไหร่สร้างแต่ถนนให้รถวิ่งแถมมีรถคันแรกออกมาอีก ไม่ได้คิดเรื่องลดจำนวนรถเพื่อให้คนอยู่บนถนนผลาญน้ำมันเยอะๆ ไม่เพียงเท่านั้นนโยบายเมืองโตเดี่ยวไม่กระจายอำนาจทำให้บ้านทุกหลังตึกทุกตึกเปลืองพลังงานเปิดแอร์ผลาญทิ้งกันมหาศาล เมืองกระจุกแบบโตเดี่ยวนี่แหละที่ทำให้ประเทศนี้ใช้พลังงานเปลือง
แต่ก็ยังมีเทคโนแครต เสนาบดี เหล่าคนดีๆ โยนบาปให้ประชาชนว่าใช้เปลืองเป็นเหตุเป็นผลว่าอย่าใช้พลังงานราคาถูกเลยประชาชน !