เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันยังลงต่อเนื่องในวันพุธ(1ก.ย.) หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับยูโร ส่วนวอลล์สตตรีทร่วงหนัก กังวลข้อมูลเศรษฐกิจและกรณีพบผู้ติดเชื้ออีโบลาคนแรกในประเทศ ปัจจัยดังกล่าวผลักให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและผลักให้ทองคำบวกเล็กน้อย
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 90.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 94.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2012
ดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 6 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและแข็งค่าสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับยูโรในการซื้อขายเมื่อวันพุธ(1ก.ย.) ทั้งนี้ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้น้ำมันที่จำหน่ายในราคาดอลลาร์ มีราคาแพงกว่าเดิมสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(1ก.ย.) ปิดลบอย่างแรง จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผสมผสานของสหรัฐฯท่ามกลางความกังวลต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก และกรณีพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกในอเมริกา
ดาวโจนส์ ลดลง 238.19 จุด (1.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,804.71 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 26.13 จุด (1.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,946.16 จุด แนสแดค ลดลง 71.30 จุด (1.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,422.09 จุด
ข้อมูลจากเอดีพีพบว่าภาคเอกชนสหรัฐฯในเดือนกันยายนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 213,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุยอดการใช้จ่ายในภาคก่อสร้างประจำเดือนเดียวกัน ลดลงอย่างไม่คาดหมายร้อยละ 0.8 ขณะเดียวกันรายงานจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน ก็เผยถึงภาวะชะลอตัวลงเล็กน้อยของกิจกรรมการผลิตในเดือนกันยายน หากเทียบกับหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้
ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(1ก.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,215.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์