หม่อมเหลน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ท่านเป็นผู้ดี เป็นคนดีตามแบบฉบับ คนที่ได้รู้จักต่างเอ่ยปากชื่นชมกิริยามารยาทอัธยาศัยไปจนถึงการการันตีว่าไม่ทุจริตโกงกินมิหนำซ้ำยังสืบทอดเชื้อสายชาติตระกูลที่ยิ่งใหญ่อีกต่างหาก
จะว่าไป หม่อมเหลนท่านก็คือโรลโมเดลของระบอบคนดีแบบที่คณะผู้ปกครองชื่นชอบและคงอยากให้ข้าราชการไทยประพฤติปฏิบัติแบบนี้กันทั้งแผ่นดิน
เส้นทางอาชีพราชการของหม่อมเหลนเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สะดุดไปช่วงเล็กๆ ช่วงหนึ่งเมื่อปี 2554 ครั้งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงหาเสียงขู่จะสั่งย้ายข้อหาวางตัวไม่เป็นกลางแล้วจากนั้นก็ไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์วงราชการมหาดไทยถือว่าแบบนี้เป็นการสะดุด เพราะเส้นทางเติบโตของผู้ว่าเชียงใหม่ที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่ขึ้นอธิบดีกันทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าเป็นอธิบดีนั้นย่อมดีกว่าเป็นรองปลัดฯแน่แม้ระดับซีจะเท่ากัน
เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังอยู่หม่อมท่านคงไม่ได้ขึ้นปลัดสำนักฯแล้วอีกสองเดือนก็พาสชั้นเป็นรัฐมนตรีถึงขนาดนี้ สรุปได้ว่าลักษณะบุคลิกพฤติกรรมแบบหม่อมเหลนไม่เป็นที่ชื่นชอบนักของ “ระบอบทักษิณ” แต่ถูกโฉลกกับ “ระบอบคนดี” แบบรัฐราชการ (Bureaucratic Politics)
ปกติหม่อมเหลนท่านพูดนิ่มสุภาพเรียบร้อยเพิ่งจะมามีแอ๊คชั่นดุๆ ตอนที่โพสต์เฟซบุ้คแฉพฤติกรรมของนายกอบจ.กินไวน์หรูขวดละแสนนั่งเครื่องเฟิร์สท์คลาสเล่นเอาสมาคมอบจ.ถึงกับเดือดจะออกมาโต้แต่หม่อมเหลนถอยหลบทันรีบโพสต์ขอโทษตัดไฟแต่หัวลม ถึงกระนั้นก็ตามกระแสสังคมปนัดดาแฟนคลับก็พร้อมใจดาหน้ามาถล่มองค์กรบริหารท้องถิ่นเสียเละเทะ กระแสแรงขนาดเรียกร้องให้ยุบทิ้ง อบจ.ด้วยซ้ำไป
และล่าสุดก็เห็นว่ามีคนของ อปท.จะขอเข้าพบท่านนายกฯบิ๊กตู่เกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐมนตรีปนัดดาเพื่อให้หยุดพูดเรื่ององค์กรท้องถิ่นไม่รู้ท่านนายกฯบิ๊กตู่จะให้พบหรือเปล่าเพราะที่รัฐมนตรีหม่อมเหลนพูดนั้นได้ใจชาวบ้านแฟนคลับคสช.มากทีเดียว มีปนัดดาไว้ใน ครม. ภาพลักษณ์หน้าตาของ ครม.ดีเด้งขึ้นเยอะ อยากรู้เหมือนกันว่านายกบิ๊กตู่จะว่ายังไง
สื่อบางฉบับที่ไม่ค่อยชอบคสช.เท่าใดนักเริ่มขยับชูคู่ขัดแย้งระหว่าง อปท.กับหม่อมเหลน ขึ้นมาแล้วโดยเริ่มจุดประเด็นว่าหม่อมเหลนไม่ชอบแนวคิดปฏิรูปกระจายอำนาจที่กำลังผลักดันขึ้นมา ที่จริงแล้วไม่ใช่หรอกแนวคิดของม.ล.ปนัดดาที่ไม่เห็นด้วยกับกระจายอำนาจตามแนวตัดการบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกไปมีมานานแล้วอย่างน้อยเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดาท่านก็แสดงความกังขาว่าจะหางบประมาณมาจากไหน หารายได้ยังไงให้เพียงพอ
ความคิดเรื่องกระจายอำนาจให้จังหวัดเลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ตัดการบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกไปไม่ใช่เพิ่งมาปรากฏเอาตอนที่บรรดานายกอปท. ลุกขึ้นมาแต่งดำไม่เห็นด้วยกับ ม.ล.ปนัดดาดอกนะครับแต่มีมาตั้งแต่คณะกรรมการปฏิรูปที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นข้อเสนอของหมอประเวศ-อานันท์โน่นเลยและหม่อมเหลนท่านก็หน่อเนื้อมหาดไทยแท้ แสดงความไม่เห็นด้วยมานานแล้วเช่นกัน
แม้จะเป็นทัศนะดั้งเดิมนมนานมาแล้ว แต่เมื่อมีปี่กลองรอบใหม่ในเดิมพันเวทีปฏิรูปประเทศที่กำลังเลือก สปช.เข้ามา มันก็จะกลายเป็นศึกยกใหม่
ผมล่ะเกรงว่า ด้วยตอนนี้หม่อมเหลนท่านกำลังฟีเวอร์ เป็นเซเล็ปนักปกครอง เป็นหน้าเป็นตาของครม.ระบอบคนดี เมื่อท่านทะเลาะกับใครรับรองว่าอีกฝ่ายไม่ชนะหรอก กลัวจริงๆ ว่ากระแสไล่ยุบอปท.จะแรงยิ่งกว่ากระแสปฏิรูปกระจายอำนาจน่ะสิ
ไม่ได้กล่าวหาท่าน ม.ล.ปนัดดาว่าท่านมีแผนสร้างกระแสไล่กระทืบอปท.สกัดการปฏิรูปกระจายอำนาจหรอกนะครับเพราะท่านก็มีทัศนะของท่านแบบนี้มานานแล้ว แต่ที่ผมกังวลไปนั้นเพราะจังหวะโอกาสที่จะปรับปรุงปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่มีน้อย รัฐบาลนี้มีอำนาจมากหากฉวยจังหวะนี้กระชับอำนาจรวมศูนย์มากขึ้น ใครจะชอบหรือสะใจแค่ไหนแต่ผมคนหนึ่งขอไม่ชอบด้วย
การเปลี่ยนแปลงของสังคมทั้งในและนอกประเทศยุคนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกระจายอำนาจออกมาให้กับพื้นที่ได้ปกครองจัดการดูผลประโยชน์ของตัวเองมากขึ้น ข้อตกลงการค้าเสรีทั้ง WTO AFTA ทวิภาคีไปจนถึงข้อตกลงประชาคมอาเซียนในอีกไม่นานจากนี้จะทำให้ทั้งคนทั้งทุนและสินค้าไหลบ่ากว่าเดิมเยอะ ใครที่ฉกฉวยโอกาสได้ก็ดีไปแต่คนที่ปรับตัวไม่ได้นี่สิ ? ดังนั้นจึงมีแต่อำนาจท้องถิ่นเท่านั้นที่จะเป็นเบาะกันกระแทกไม่ให้คนเล็กคนน้อยถูกผลกระทบด้านลบ
ประเทศจีนเขาตกลงการค้าเสรีแต่พอสินค้าเดินทางเข้ายังมณฑลซึ่งเป็นการปกครองท้องถิ่นของเขาก็เผชิญกับด่านกำแพงปกป้องชั้นในอีกด่าน ทั้งภาษีและเงื่อนไขต่างๆ นั่นก็คือวิธีการปกป้องผลประโยชน์และคนของเขา สำหรับประเทศไทยแม้ปัจจุบันการไหลบ่าเปิดเสรียังมาไม่ถึงแต่คนเล็กคนน้อย พ่อค้าห้องแถว เจ้าของโรงแรมเล็กๆ ฯลฯ ในท้องถิ่นก็เจอกับทุนที่ใหญ่กว่าอยู่แล้ว
อย่างเรื่องค้าปลีกอำนาจท้องถิ่นหรือจังหวัดไม่สามารถปกป้องอะไรพวกเขาได้เลยเพราะค้าปลีกแบบซุปเปอร์สโตร์ไปตั้งถึงระดับอำเภอและบางแห่งก็หมู่บ้านแล้ว หากอำนาจของท้องถิ่นมีมากขึ้นอาจจะกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพื่อคุ้มครองคนของเขาได้ดีขึ้นเช่นประกาศห้ามมาตั้งในเขตเมืองเก่า ชุมชนเดิม นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ เพียงเรื่องเดียวทั้งๆ ที่ผลประโยชน์ของท้องถิ่นมีมากมายเช่นเรื่องสินค้าเกษตร การถูกตักตวงทรัพยากร การที่มีคนนอกมาใช้ทรัพยากรของคนในท้องถิ่น เช่นตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนมาแย่งชิงใช้ทรัพยากรของเชียงใหม่หากเป็นที่อื่นเขาจะเก็บภาษีเหยียบแผ่นดินด้วยซ้ำไปเพื่อเอาเงินนั้นมาบำรุงซ่อมแซมและตกแต่ง
การกระจายอำนาจจึงไม่ใช่แค่หลักคิดการออกแบบการเมืองใหม่ว่าด้วยทำให้รัฐบาลกลางเล็กลงและให้ประชาชนใหญ่ขึ้นเท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ในโลกที่เปิดกว้างขึ้นแบบไร้พรมแดน
ผมล่ะกลัวจริงๆ ครับ ท่านรัฐมนตรีหม่อมเหลน ม.ล.ปนัดดา เพราะอิทธิฤทธิ์ท่านเยอะ นาทีนี้แค่โพสต์เฟซบุ้คไม่กี่บรรทัดก็สะเทือนไปทั้งประเทศแล้ว กลัวว่ากระแสไล่กระทืบอปท.ให้กลายเป็นยักษ์เป็นมารปิศาจไปราวีคนดีๆ ที่ผ่องแผ้วนพคุณ จากนั้นกระแสสังคมก็จะเห็นดีเห็นงามกับการปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์กระชับอำนาจมากขึ้นๆๆ
อปท.โกงไหม? โกงครับ โกงเยอะในเชิงปริมาณเพราะมีอยู่มากแห่ง รวมๆ กันแล้วก็เป็นพันเรื่องดังนั้นสังคมนี้ทั้งสังคมต้องช่วยกันอุดต่อไป แต่หากถามว่าราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคโกงไหม ? ก็ต้องตอบว่าโกงเช่นกันแล้วก็โกงเชิงคุณภาพด้วยเพราะกินคำโตกว่า เรื่องเดียวแต่พันล้านแสนล้านได้อำนาจทีก็กินรวบประเทศไทยว่างั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรยกเครื่องกันทั้งหมดไม่ว่าระบบราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น...จะมาเน้นที่ท้องถิ่นเดี่ยวๆ ไม่ได้
ขอบันทึกไว้แต่เนิ่น ณ ต้นเดือนกันยายน 2557 ไว้ว่า หากประเทศไทยของเราเลือกเดินแนวทางกระชับอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง เน้นการรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพที่เอื้อกับระบบราชการให้โตและมีอำนาจขึ้นเพราะเข้าใจว่ามันคือการถ่วงดุลกับทุนและอำนาจของฝ่ายการเมืองที่ฉ้อฉล ผมเชื่อว่าแนวทางนี้จะไม่สำเร็จในบั้นปลายมีแต่จะต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมาถ่วงดุลแทน และระบบราชการไปยืนประคองทางฝั่งประชาชนหนทางนี้ต่างหากที่จะทำให้ประเทศของเราสมดุลในทางการเมืองปลอดจากวิกฤตความขัดแย้งแบบที่เป็นมาร่วมทศวรรษแล้ว
การปฏิรูปกระจายอำนาจจะเดินหน้าได้แค่ไหนนาทีนี้ไม่ใช่แค่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่เท่านั้นที่กำหนด ยังมีรัฐมนตรีที่ชื่อ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุลด้วยที่ร่วมกำหนดทิศทางทั้งในฐานะตัวแทนความคิดของมหาดไทยและในฐานะโรลโมเดล…
ท่านต้องไม่ลืมท่าทีของท่านนำกระแสสังคมได้ นาทีนี้ท่านแค่เบ้ปากหันไปดูอีกทีสังคมเงื้อเท้ากระทืบเข้าแล้ว.
จะว่าไป หม่อมเหลนท่านก็คือโรลโมเดลของระบอบคนดีแบบที่คณะผู้ปกครองชื่นชอบและคงอยากให้ข้าราชการไทยประพฤติปฏิบัติแบบนี้กันทั้งแผ่นดิน
เส้นทางอาชีพราชการของหม่อมเหลนเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สะดุดไปช่วงเล็กๆ ช่วงหนึ่งเมื่อปี 2554 ครั้งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงหาเสียงขู่จะสั่งย้ายข้อหาวางตัวไม่เป็นกลางแล้วจากนั้นก็ไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์วงราชการมหาดไทยถือว่าแบบนี้เป็นการสะดุด เพราะเส้นทางเติบโตของผู้ว่าเชียงใหม่ที่ผ่านๆ มาส่วนใหญ่ขึ้นอธิบดีกันทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าเป็นอธิบดีนั้นย่อมดีกว่าเป็นรองปลัดฯแน่แม้ระดับซีจะเท่ากัน
เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังอยู่หม่อมท่านคงไม่ได้ขึ้นปลัดสำนักฯแล้วอีกสองเดือนก็พาสชั้นเป็นรัฐมนตรีถึงขนาดนี้ สรุปได้ว่าลักษณะบุคลิกพฤติกรรมแบบหม่อมเหลนไม่เป็นที่ชื่นชอบนักของ “ระบอบทักษิณ” แต่ถูกโฉลกกับ “ระบอบคนดี” แบบรัฐราชการ (Bureaucratic Politics)
ปกติหม่อมเหลนท่านพูดนิ่มสุภาพเรียบร้อยเพิ่งจะมามีแอ๊คชั่นดุๆ ตอนที่โพสต์เฟซบุ้คแฉพฤติกรรมของนายกอบจ.กินไวน์หรูขวดละแสนนั่งเครื่องเฟิร์สท์คลาสเล่นเอาสมาคมอบจ.ถึงกับเดือดจะออกมาโต้แต่หม่อมเหลนถอยหลบทันรีบโพสต์ขอโทษตัดไฟแต่หัวลม ถึงกระนั้นก็ตามกระแสสังคมปนัดดาแฟนคลับก็พร้อมใจดาหน้ามาถล่มองค์กรบริหารท้องถิ่นเสียเละเทะ กระแสแรงขนาดเรียกร้องให้ยุบทิ้ง อบจ.ด้วยซ้ำไป
และล่าสุดก็เห็นว่ามีคนของ อปท.จะขอเข้าพบท่านนายกฯบิ๊กตู่เกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐมนตรีปนัดดาเพื่อให้หยุดพูดเรื่ององค์กรท้องถิ่นไม่รู้ท่านนายกฯบิ๊กตู่จะให้พบหรือเปล่าเพราะที่รัฐมนตรีหม่อมเหลนพูดนั้นได้ใจชาวบ้านแฟนคลับคสช.มากทีเดียว มีปนัดดาไว้ใน ครม. ภาพลักษณ์หน้าตาของ ครม.ดีเด้งขึ้นเยอะ อยากรู้เหมือนกันว่านายกบิ๊กตู่จะว่ายังไง
สื่อบางฉบับที่ไม่ค่อยชอบคสช.เท่าใดนักเริ่มขยับชูคู่ขัดแย้งระหว่าง อปท.กับหม่อมเหลน ขึ้นมาแล้วโดยเริ่มจุดประเด็นว่าหม่อมเหลนไม่ชอบแนวคิดปฏิรูปกระจายอำนาจที่กำลังผลักดันขึ้นมา ที่จริงแล้วไม่ใช่หรอกแนวคิดของม.ล.ปนัดดาที่ไม่เห็นด้วยกับกระจายอำนาจตามแนวตัดการบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกไปมีมานานแล้วอย่างน้อยเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดาท่านก็แสดงความกังขาว่าจะหางบประมาณมาจากไหน หารายได้ยังไงให้เพียงพอ
ความคิดเรื่องกระจายอำนาจให้จังหวัดเลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ตัดการบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกไปไม่ใช่เพิ่งมาปรากฏเอาตอนที่บรรดานายกอปท. ลุกขึ้นมาแต่งดำไม่เห็นด้วยกับ ม.ล.ปนัดดาดอกนะครับแต่มีมาตั้งแต่คณะกรรมการปฏิรูปที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นข้อเสนอของหมอประเวศ-อานันท์โน่นเลยและหม่อมเหลนท่านก็หน่อเนื้อมหาดไทยแท้ แสดงความไม่เห็นด้วยมานานแล้วเช่นกัน
แม้จะเป็นทัศนะดั้งเดิมนมนานมาแล้ว แต่เมื่อมีปี่กลองรอบใหม่ในเดิมพันเวทีปฏิรูปประเทศที่กำลังเลือก สปช.เข้ามา มันก็จะกลายเป็นศึกยกใหม่
ผมล่ะเกรงว่า ด้วยตอนนี้หม่อมเหลนท่านกำลังฟีเวอร์ เป็นเซเล็ปนักปกครอง เป็นหน้าเป็นตาของครม.ระบอบคนดี เมื่อท่านทะเลาะกับใครรับรองว่าอีกฝ่ายไม่ชนะหรอก กลัวจริงๆ ว่ากระแสไล่ยุบอปท.จะแรงยิ่งกว่ากระแสปฏิรูปกระจายอำนาจน่ะสิ
ไม่ได้กล่าวหาท่าน ม.ล.ปนัดดาว่าท่านมีแผนสร้างกระแสไล่กระทืบอปท.สกัดการปฏิรูปกระจายอำนาจหรอกนะครับเพราะท่านก็มีทัศนะของท่านแบบนี้มานานแล้ว แต่ที่ผมกังวลไปนั้นเพราะจังหวะโอกาสที่จะปรับปรุงปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่มีน้อย รัฐบาลนี้มีอำนาจมากหากฉวยจังหวะนี้กระชับอำนาจรวมศูนย์มากขึ้น ใครจะชอบหรือสะใจแค่ไหนแต่ผมคนหนึ่งขอไม่ชอบด้วย
การเปลี่ยนแปลงของสังคมทั้งในและนอกประเทศยุคนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกระจายอำนาจออกมาให้กับพื้นที่ได้ปกครองจัดการดูผลประโยชน์ของตัวเองมากขึ้น ข้อตกลงการค้าเสรีทั้ง WTO AFTA ทวิภาคีไปจนถึงข้อตกลงประชาคมอาเซียนในอีกไม่นานจากนี้จะทำให้ทั้งคนทั้งทุนและสินค้าไหลบ่ากว่าเดิมเยอะ ใครที่ฉกฉวยโอกาสได้ก็ดีไปแต่คนที่ปรับตัวไม่ได้นี่สิ ? ดังนั้นจึงมีแต่อำนาจท้องถิ่นเท่านั้นที่จะเป็นเบาะกันกระแทกไม่ให้คนเล็กคนน้อยถูกผลกระทบด้านลบ
ประเทศจีนเขาตกลงการค้าเสรีแต่พอสินค้าเดินทางเข้ายังมณฑลซึ่งเป็นการปกครองท้องถิ่นของเขาก็เผชิญกับด่านกำแพงปกป้องชั้นในอีกด่าน ทั้งภาษีและเงื่อนไขต่างๆ นั่นก็คือวิธีการปกป้องผลประโยชน์และคนของเขา สำหรับประเทศไทยแม้ปัจจุบันการไหลบ่าเปิดเสรียังมาไม่ถึงแต่คนเล็กคนน้อย พ่อค้าห้องแถว เจ้าของโรงแรมเล็กๆ ฯลฯ ในท้องถิ่นก็เจอกับทุนที่ใหญ่กว่าอยู่แล้ว
อย่างเรื่องค้าปลีกอำนาจท้องถิ่นหรือจังหวัดไม่สามารถปกป้องอะไรพวกเขาได้เลยเพราะค้าปลีกแบบซุปเปอร์สโตร์ไปตั้งถึงระดับอำเภอและบางแห่งก็หมู่บ้านแล้ว หากอำนาจของท้องถิ่นมีมากขึ้นอาจจะกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพื่อคุ้มครองคนของเขาได้ดีขึ้นเช่นประกาศห้ามมาตั้งในเขตเมืองเก่า ชุมชนเดิม นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ เพียงเรื่องเดียวทั้งๆ ที่ผลประโยชน์ของท้องถิ่นมีมากมายเช่นเรื่องสินค้าเกษตร การถูกตักตวงทรัพยากร การที่มีคนนอกมาใช้ทรัพยากรของคนในท้องถิ่น เช่นตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนมาแย่งชิงใช้ทรัพยากรของเชียงใหม่หากเป็นที่อื่นเขาจะเก็บภาษีเหยียบแผ่นดินด้วยซ้ำไปเพื่อเอาเงินนั้นมาบำรุงซ่อมแซมและตกแต่ง
การกระจายอำนาจจึงไม่ใช่แค่หลักคิดการออกแบบการเมืองใหม่ว่าด้วยทำให้รัฐบาลกลางเล็กลงและให้ประชาชนใหญ่ขึ้นเท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ในโลกที่เปิดกว้างขึ้นแบบไร้พรมแดน
ผมล่ะกลัวจริงๆ ครับ ท่านรัฐมนตรีหม่อมเหลน ม.ล.ปนัดดา เพราะอิทธิฤทธิ์ท่านเยอะ นาทีนี้แค่โพสต์เฟซบุ้คไม่กี่บรรทัดก็สะเทือนไปทั้งประเทศแล้ว กลัวว่ากระแสไล่กระทืบอปท.ให้กลายเป็นยักษ์เป็นมารปิศาจไปราวีคนดีๆ ที่ผ่องแผ้วนพคุณ จากนั้นกระแสสังคมก็จะเห็นดีเห็นงามกับการปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์กระชับอำนาจมากขึ้นๆๆ
อปท.โกงไหม? โกงครับ โกงเยอะในเชิงปริมาณเพราะมีอยู่มากแห่ง รวมๆ กันแล้วก็เป็นพันเรื่องดังนั้นสังคมนี้ทั้งสังคมต้องช่วยกันอุดต่อไป แต่หากถามว่าราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคโกงไหม ? ก็ต้องตอบว่าโกงเช่นกันแล้วก็โกงเชิงคุณภาพด้วยเพราะกินคำโตกว่า เรื่องเดียวแต่พันล้านแสนล้านได้อำนาจทีก็กินรวบประเทศไทยว่างั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรยกเครื่องกันทั้งหมดไม่ว่าระบบราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น...จะมาเน้นที่ท้องถิ่นเดี่ยวๆ ไม่ได้
ขอบันทึกไว้แต่เนิ่น ณ ต้นเดือนกันยายน 2557 ไว้ว่า หากประเทศไทยของเราเลือกเดินแนวทางกระชับอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง เน้นการรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพที่เอื้อกับระบบราชการให้โตและมีอำนาจขึ้นเพราะเข้าใจว่ามันคือการถ่วงดุลกับทุนและอำนาจของฝ่ายการเมืองที่ฉ้อฉล ผมเชื่อว่าแนวทางนี้จะไม่สำเร็จในบั้นปลายมีแต่จะต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมาถ่วงดุลแทน และระบบราชการไปยืนประคองทางฝั่งประชาชนหนทางนี้ต่างหากที่จะทำให้ประเทศของเราสมดุลในทางการเมืองปลอดจากวิกฤตความขัดแย้งแบบที่เป็นมาร่วมทศวรรษแล้ว
การปฏิรูปกระจายอำนาจจะเดินหน้าได้แค่ไหนนาทีนี้ไม่ใช่แค่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่เท่านั้นที่กำหนด ยังมีรัฐมนตรีที่ชื่อ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุลด้วยที่ร่วมกำหนดทิศทางทั้งในฐานะตัวแทนความคิดของมหาดไทยและในฐานะโรลโมเดล…
ท่านต้องไม่ลืมท่าทีของท่านนำกระแสสังคมได้ นาทีนี้ท่านแค่เบ้ปากหันไปดูอีกทีสังคมเงื้อเท้ากระทืบเข้าแล้ว.
