ช่วงนี้การดูทีวีเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากในรอบหลายๆ ปี เพราะประเทศไทยกำลังทยอยเปิดทีวีดิจิตอลกันแทบทุกช่อง มีการทดลองออกอากาศ มีการขยับขยายเปลี่ยนแปลงโยกย้ายครั้งใหญ่สำหรับวงการสื่อสารมวลชน เรื่องนี้ไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว ต้องส่องตามให้ทันสถานการณ์เสียหน่อย
ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่เดินเข้าออกฝุ่นตลบที่สุด สำหรับคนทำงานสื่อสารมวลชนหรือน้องๆที่เพิ่งเรียนจบนิเทศศาสตร์ ทั้งวารสารศาสตร์ วิทยุโทรทัศน์ และสายงานที่เกี่ยวข้อง
การที่ประเทศไทยกำลังจะมีทีวีดิจิตอล เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร วิทยาการความรู้ และบันเทิง หลากหลายขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางในการทำเงินสำหรับคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรง
จากการเปิดตามดูทีวีดิจิตอลแบบผ่านๆ เนื่องจากเป็นช่วงทดลองออกอากาศ จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นช่องใหม่ที่แยกตัวออกจากช่องเดิม เช่น ช่อง 3 ที่ได้เพิ่มมา 2 ช่อง ทั้ง SD และ HD ตอนนี้ก็จะมีรายการใหม่ๆ บางส่วน เช่น รายการข่าว แต่รายการอื่นๆ ยังดึงของเก่ามาฉายอยู่ ส่วนที่เป็นช่องใหม่เลยก็จะมีรายการใหม่ๆ บวกซีรีย์ หรือสารคดี สำหรับช่วงทดลองออกอากาศ
ถือว่าเป็นช่วงตั้งไข่สำหรับทีวีดิจิตอล ที่ต้องดูกันยาวๆ ว่าแต่ละช่องจะเป็นอย่างไร หลังจากนี้การแข่งขันจะเริ่มที่เนื้อหาแล้ว ว่าเนื้อหาใครดีกว่าใคร น่าสนใจดึงดูดแค่ไหน และแตกต่างแหวกแนวกว่าช่องอื่นอย่างไร การที่เป็นช่องลำดับต้นๆ คนอาจจะกดเจอก่อน แต่ไม่ได้แปลว่าจะดักคนดูให้หยุดอยู่กับที่ เสมอไป เพราะคนดูมีทางเลือกมากขึ้น
ในช่วงปีสองปีนี้ สิ่งที่เราน่าจะได้เห็นแน่ๆ คือการวางผังรายการของแต่ละช่อง ซึ่งตามระเบียบของ กสทช. ทีวีดิจิตอลตั้งผลิตรายการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถจะเอารายการเก่ามาออกอากาศซ้ำได้ ดังนั้นรอดูดีๆ ว่าผังรายการของแต่ละช่องจะออกมาแบบไหน
อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นแน่ๆ คือเรื่องของการโฆษณา ที่น่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น สินค้าบางตัวก็อาจจะต้องปรับขึ้นราคา ตามไปด้วยโดยอ้างว่าต้นทุนสูงขึ้น เอาง่ายๆ ถ้าจ้างดาราดัง มาเป็นพรีเซนเตอร์ ต้องจ่ายค่าตัวสักกี่หลัก เพื่อเอาโฆษณาตัวนี้ไปออกทางทีวีช่องต่างๆ จะซื้อเวลาในการโฆษณาช่วงไหน ถ้าไม่ใช่ไพรม์ไทม์ที่คนดูเยอะๆ สินค้าจะได้เข้าถึงคนดูมากๆ แค่นี้ก็ดูต้นทุนจะแพงมากแล้ว แม้ต้นทุนสินค้าจะไม่กี่บาทเท่านั้น และสุดท้ายภาระจะถูกผลักมาสู่คนดูแบบผู้บริโภคหนักยิ่งขึ้นไม่ทันตั้งตัว
การควบคุมโฆษณาไม่ให้มีพวกโฆษณาเกินจริง หรือพวกหลอกขายสินค้าและบริการต่างๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากเช่นกัน เพราะในทีวีดาวเทียมต่างก็มีรายการขายสินค้าทั้งที่ดีเชื่อถือได้ และแบบแย่ๆที่ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือเลย ก็ยังออกอากาศอยู่ ทีวีดิจิตอลควรมีการตรวจสอบมีมาตรการควบคุมเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ในวันนี้เราได้ทีวีดิจิตอลมากว่าสี่สิบแปดช่อง ถ้าทีวียังคงมีแต่ทำรายการไร้สาระคนดู มันก็จะไม่ต่างอะไรกับฟรีทีวีในแบบอนาล็อกก่อนหน้านี้ ที่เต็มไปด้วยละครน้ำเน่าตบจูบ กับนางร้ายขี้วีน
ไหนๆ เราก็ได้ทีวีดิจิตอลมาแล้ว ผมก็หวังว่าอะไรอะไรคงจะดีขึ้น และคงต้องฝากงานใหญ่งานหนักไว้กับ กสทช. ที่มีเงินเดือนมากพอๆ กับนักการเมือง ต้องทำงานตามหน้าที่ของท่านอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าทำตัวเป็นแค่เสือกระดาษที่มีค่าตัวแสนแพง
ทีวีดิจิตอลควรเป็นช่องทางในการปฏิรูปสื่อที่ดีที่สุดทางหนึ่ง แต่ตราบใดที่ทุนนิยมยังคงเป็นฝาครอบขนาดใหญ่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครทำอะไรที่มันสามารถหลุดจากฝาครอบออกมาได้บ้าง ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
จริงๆ เรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะมากที่น่าสนใจ แต่ผมขอโหมโรงแค่เล็กน้อยก่อนพอเป็นน้ำจิ้ม แล้วไว้โอกาสต่อๆ ไปจะเอาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องมาเขียนให้ได้อ่านกันอีกนะครับ สำหรับตอนนี้เปิดทีวีก็อย่าเพิ่งงงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และคอยติดตามการจัดเรียงช่องใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า ช่องที่คุณสนใจอยู่ช่องไหน และอย่าลืมเปิดหู เปิดตา และเปิดใจรับข้อมูลข่าวสารมากมายที่กำลังวิ่งเข้ามาให้ดี
พูดถึงการไหลทะลักของข้อมูลข่าวสารแล้ว ผมจำได้ว่าที่จุฬาฯ มีวิชาหนึ่งที่เปิดสอนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว คือวิชารู้เท่าทันสื่อ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็คงมีวิชาทำนองนี้ ผมอยากสนับสนุนให้ทุกมหาวิทยาลัยมีวิชานี้สอนนักเรียนทุกคณะ อันที่จริงหลักสูตรระดับมัธยมก็ควรจะมี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ๆ สามารถรับรู้และเข้าใจพินิจพิเคราะห์มากขึ้นในการรับสารที่สื่อส่งมา สำหรับบุคคลทั่วไปก็น่าจะมีช่องทางในการกระจายความรู้เรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทันเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ น่าจะเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้สื่อและคนทำสื่อที่มีคุณภาพ เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาและรูปแบบ เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับประชาชนผู้รับสื่อ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ยังมีด้านลบที่น่าสะพรึง หากทำงานกันอย่างสุกเอาเผากิน เอาแต่ได้ ไม่รับผิดชอบ ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทุนใหญ่ที่มีอำนาจเงินเครือข่ายการเมืองเหนือกว่า ห้ำหั่นทุนและคนทำสื่อที่เล็กกว่า มีผู้คาดการว่าจากจำนวนสี่สิบกว่าช่อง จะมีช่องที่ได้เปรียบแข่งขันเหนือกว่ายืนอยู่ได้ประมาณสิบกว่าช่องเท่านั้น ที่เหลือจะพ่ายแพ้การแข่งขัน ล้มครืนและมีคนเจ็บตัวหลายสิบราย
อีกไม่นานก็คงจะได้เห็นกันครับ เพื่อนๆสื่อสารมวลชนก็ขอให้เดินกันอย่างระมัดระวัง สำหรับเอเอสทีวีผู้จัดการก็จะยืนหยัดทำหน้าที่เป็นสื่อคุณภาพของประชาชนอย่างดีที่สุด ท่านผู้อ่านยังติดตามเอเอสทีวีของพวกเราได้เช่นเดิมทางจานดาวเทียมครับ
ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่เดินเข้าออกฝุ่นตลบที่สุด สำหรับคนทำงานสื่อสารมวลชนหรือน้องๆที่เพิ่งเรียนจบนิเทศศาสตร์ ทั้งวารสารศาสตร์ วิทยุโทรทัศน์ และสายงานที่เกี่ยวข้อง
การที่ประเทศไทยกำลังจะมีทีวีดิจิตอล เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร วิทยาการความรู้ และบันเทิง หลากหลายขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางในการทำเงินสำหรับคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรง
จากการเปิดตามดูทีวีดิจิตอลแบบผ่านๆ เนื่องจากเป็นช่วงทดลองออกอากาศ จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นช่องใหม่ที่แยกตัวออกจากช่องเดิม เช่น ช่อง 3 ที่ได้เพิ่มมา 2 ช่อง ทั้ง SD และ HD ตอนนี้ก็จะมีรายการใหม่ๆ บางส่วน เช่น รายการข่าว แต่รายการอื่นๆ ยังดึงของเก่ามาฉายอยู่ ส่วนที่เป็นช่องใหม่เลยก็จะมีรายการใหม่ๆ บวกซีรีย์ หรือสารคดี สำหรับช่วงทดลองออกอากาศ
ถือว่าเป็นช่วงตั้งไข่สำหรับทีวีดิจิตอล ที่ต้องดูกันยาวๆ ว่าแต่ละช่องจะเป็นอย่างไร หลังจากนี้การแข่งขันจะเริ่มที่เนื้อหาแล้ว ว่าเนื้อหาใครดีกว่าใคร น่าสนใจดึงดูดแค่ไหน และแตกต่างแหวกแนวกว่าช่องอื่นอย่างไร การที่เป็นช่องลำดับต้นๆ คนอาจจะกดเจอก่อน แต่ไม่ได้แปลว่าจะดักคนดูให้หยุดอยู่กับที่ เสมอไป เพราะคนดูมีทางเลือกมากขึ้น
ในช่วงปีสองปีนี้ สิ่งที่เราน่าจะได้เห็นแน่ๆ คือการวางผังรายการของแต่ละช่อง ซึ่งตามระเบียบของ กสทช. ทีวีดิจิตอลตั้งผลิตรายการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถจะเอารายการเก่ามาออกอากาศซ้ำได้ ดังนั้นรอดูดีๆ ว่าผังรายการของแต่ละช่องจะออกมาแบบไหน
อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นแน่ๆ คือเรื่องของการโฆษณา ที่น่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น สินค้าบางตัวก็อาจจะต้องปรับขึ้นราคา ตามไปด้วยโดยอ้างว่าต้นทุนสูงขึ้น เอาง่ายๆ ถ้าจ้างดาราดัง มาเป็นพรีเซนเตอร์ ต้องจ่ายค่าตัวสักกี่หลัก เพื่อเอาโฆษณาตัวนี้ไปออกทางทีวีช่องต่างๆ จะซื้อเวลาในการโฆษณาช่วงไหน ถ้าไม่ใช่ไพรม์ไทม์ที่คนดูเยอะๆ สินค้าจะได้เข้าถึงคนดูมากๆ แค่นี้ก็ดูต้นทุนจะแพงมากแล้ว แม้ต้นทุนสินค้าจะไม่กี่บาทเท่านั้น และสุดท้ายภาระจะถูกผลักมาสู่คนดูแบบผู้บริโภคหนักยิ่งขึ้นไม่ทันตั้งตัว
การควบคุมโฆษณาไม่ให้มีพวกโฆษณาเกินจริง หรือพวกหลอกขายสินค้าและบริการต่างๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากเช่นกัน เพราะในทีวีดาวเทียมต่างก็มีรายการขายสินค้าทั้งที่ดีเชื่อถือได้ และแบบแย่ๆที่ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือเลย ก็ยังออกอากาศอยู่ ทีวีดิจิตอลควรมีการตรวจสอบมีมาตรการควบคุมเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ในวันนี้เราได้ทีวีดิจิตอลมากว่าสี่สิบแปดช่อง ถ้าทีวียังคงมีแต่ทำรายการไร้สาระคนดู มันก็จะไม่ต่างอะไรกับฟรีทีวีในแบบอนาล็อกก่อนหน้านี้ ที่เต็มไปด้วยละครน้ำเน่าตบจูบ กับนางร้ายขี้วีน
ไหนๆ เราก็ได้ทีวีดิจิตอลมาแล้ว ผมก็หวังว่าอะไรอะไรคงจะดีขึ้น และคงต้องฝากงานใหญ่งานหนักไว้กับ กสทช. ที่มีเงินเดือนมากพอๆ กับนักการเมือง ต้องทำงานตามหน้าที่ของท่านอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าทำตัวเป็นแค่เสือกระดาษที่มีค่าตัวแสนแพง
ทีวีดิจิตอลควรเป็นช่องทางในการปฏิรูปสื่อที่ดีที่สุดทางหนึ่ง แต่ตราบใดที่ทุนนิยมยังคงเป็นฝาครอบขนาดใหญ่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครทำอะไรที่มันสามารถหลุดจากฝาครอบออกมาได้บ้าง ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
จริงๆ เรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะมากที่น่าสนใจ แต่ผมขอโหมโรงแค่เล็กน้อยก่อนพอเป็นน้ำจิ้ม แล้วไว้โอกาสต่อๆ ไปจะเอาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องมาเขียนให้ได้อ่านกันอีกนะครับ สำหรับตอนนี้เปิดทีวีก็อย่าเพิ่งงงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และคอยติดตามการจัดเรียงช่องใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า ช่องที่คุณสนใจอยู่ช่องไหน และอย่าลืมเปิดหู เปิดตา และเปิดใจรับข้อมูลข่าวสารมากมายที่กำลังวิ่งเข้ามาให้ดี
พูดถึงการไหลทะลักของข้อมูลข่าวสารแล้ว ผมจำได้ว่าที่จุฬาฯ มีวิชาหนึ่งที่เปิดสอนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว คือวิชารู้เท่าทันสื่อ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็คงมีวิชาทำนองนี้ ผมอยากสนับสนุนให้ทุกมหาวิทยาลัยมีวิชานี้สอนนักเรียนทุกคณะ อันที่จริงหลักสูตรระดับมัธยมก็ควรจะมี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ๆ สามารถรับรู้และเข้าใจพินิจพิเคราะห์มากขึ้นในการรับสารที่สื่อส่งมา สำหรับบุคคลทั่วไปก็น่าจะมีช่องทางในการกระจายความรู้เรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทันเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ น่าจะเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดพื้นที่ให้สื่อและคนทำสื่อที่มีคุณภาพ เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาและรูปแบบ เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับประชาชนผู้รับสื่อ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ยังมีด้านลบที่น่าสะพรึง หากทำงานกันอย่างสุกเอาเผากิน เอาแต่ได้ ไม่รับผิดชอบ ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทุนใหญ่ที่มีอำนาจเงินเครือข่ายการเมืองเหนือกว่า ห้ำหั่นทุนและคนทำสื่อที่เล็กกว่า มีผู้คาดการว่าจากจำนวนสี่สิบกว่าช่อง จะมีช่องที่ได้เปรียบแข่งขันเหนือกว่ายืนอยู่ได้ประมาณสิบกว่าช่องเท่านั้น ที่เหลือจะพ่ายแพ้การแข่งขัน ล้มครืนและมีคนเจ็บตัวหลายสิบราย
อีกไม่นานก็คงจะได้เห็นกันครับ เพื่อนๆสื่อสารมวลชนก็ขอให้เดินกันอย่างระมัดระวัง สำหรับเอเอสทีวีผู้จัดการก็จะยืนหยัดทำหน้าที่เป็นสื่อคุณภาพของประชาชนอย่างดีที่สุด ท่านผู้อ่านยังติดตามเอเอสทีวีของพวกเราได้เช่นเดิมทางจานดาวเทียมครับ