ASTVผู้จัดการรายวัน-แฉ กสทช. ผลาญงบเพิ่มหมื่นล้าน หลังอนุมัติเพิ่มมูลค่าคูปองแลกซื้ออุปกรณ์ทีวีดิจิตอล จากเดิม 690 บาทเป็น 1,200 บาท แจก 22 ล้านครัวเรือน ทั้งๆ ที่ราคาอุปกรณ์ในตลาดปัจจุบันไม่ถึง 1,000 บาทด้วยซ้ำ แถมไฟเขียวให้นำคูปองแลกซื้อกล่องจานดาวเทียมได้ด้วย ตั้งข้อสงสัยเอื้อธุรกิจดาวเทียม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) ได้อนุมัติคูปองแลกซื้ออุปกรณ์ในการเปลี่ยนผ่านจากการชมโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลจากเดิม 690 บาท เป็นคูปองละ 1,200 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 510 บาท เท่ากับต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีกกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กสทช. มีนโยบายจะนำคูปองดังกล่าวแจกจ่ายไปยังประชาชนจำนวน 22 ล้านครัวเรือน เพื่อให้นำคูปองไปใช้แลกซื้อกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ หรือกล่องแปลงสัญญาณ เพื่อให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันราคากล่องดิจิตอลในตลาดโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1,000 บาท เมื่อปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนคูปองโดย กสทช. ถึง 22 ล้านครัวเรือน ต้นทุนการผลิตและราคาขายควรจะถูกลงตามหลักการประหยัด สืบเนื่องจากการขยายขนาดของการผลิต (Economy of Scale) ดังนั้น การอนุมัติคูปองที่ราคา 1,200 บาท จึงสูงเกินความจำเป็น ที่สำคัญ กสทช.ยังอนุมัติให้สามารถนำคูปองดังกล่าวไปแลกซื้อกล่องจานดาวเทียมได้อีกด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า การอนุมัติให้เพิ่มราคาคูปองดังกล่าว ถือเป็นการใช้งบประมาณที่เกินความจำเป็น และไม่สอดคล้องกับเป้าหมายในการสนับสนุนโครงข่ายทีวีดิจิตอล อีกทั้งการอนุมัติดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังและได้ประโยชน์จากการอนุมัติของ กสทช. ครั้งนี้ เงินส่วนเกินกว่า 10,000 ล้านบาทจากการปรับเพิ่มคูปองไปเข้ากระเป๋าใคร
นอกจากนี้ การอนุมัติให้สามารถนำไปแลกซื้อกล่องจานดาวเทียมยังทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นการนำงบประมาณที่ได้จากประมูลช่องทีวีดิจิตอล ไปใช้ในการอุดหนุนโครงข่ายทีวีประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นระบบโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) ไม่ใช่ระบบทีวีสาธารณะ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจทีวีดิจิตอลที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสถานีโครงข่าย และผู้ประมูลช่องรายการซึ่งต้องแบกรับเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ กสทช. ควรจะนำเงินไปใช้ในการพัฒนาโครงข่ายทีวีภาคพื้นดินในพื้นที่ห่างไกล เพื่อเสริมจุดบอดและสร้างการเข้าถึงผู้ชมสูงสุดในทุกครัวเรือนทั่วประเทศมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) ได้อนุมัติคูปองแลกซื้ออุปกรณ์ในการเปลี่ยนผ่านจากการชมโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลจากเดิม 690 บาท เป็นคูปองละ 1,200 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 510 บาท เท่ากับต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีกกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กสทช. มีนโยบายจะนำคูปองดังกล่าวแจกจ่ายไปยังประชาชนจำนวน 22 ล้านครัวเรือน เพื่อให้นำคูปองไปใช้แลกซื้อกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ หรือกล่องแปลงสัญญาณ เพื่อให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันราคากล่องดิจิตอลในตลาดโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1,000 บาท เมื่อปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนคูปองโดย กสทช. ถึง 22 ล้านครัวเรือน ต้นทุนการผลิตและราคาขายควรจะถูกลงตามหลักการประหยัด สืบเนื่องจากการขยายขนาดของการผลิต (Economy of Scale) ดังนั้น การอนุมัติคูปองที่ราคา 1,200 บาท จึงสูงเกินความจำเป็น ที่สำคัญ กสทช.ยังอนุมัติให้สามารถนำคูปองดังกล่าวไปแลกซื้อกล่องจานดาวเทียมได้อีกด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า การอนุมัติให้เพิ่มราคาคูปองดังกล่าว ถือเป็นการใช้งบประมาณที่เกินความจำเป็น และไม่สอดคล้องกับเป้าหมายในการสนับสนุนโครงข่ายทีวีดิจิตอล อีกทั้งการอนุมัติดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังและได้ประโยชน์จากการอนุมัติของ กสทช. ครั้งนี้ เงินส่วนเกินกว่า 10,000 ล้านบาทจากการปรับเพิ่มคูปองไปเข้ากระเป๋าใคร
นอกจากนี้ การอนุมัติให้สามารถนำไปแลกซื้อกล่องจานดาวเทียมยังทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นการนำงบประมาณที่ได้จากประมูลช่องทีวีดิจิตอล ไปใช้ในการอุดหนุนโครงข่ายทีวีประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นระบบโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) ไม่ใช่ระบบทีวีสาธารณะ ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจทีวีดิจิตอลที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสถานีโครงข่าย และผู้ประมูลช่องรายการซึ่งต้องแบกรับเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ กสทช. ควรจะนำเงินไปใช้ในการพัฒนาโครงข่ายทีวีภาคพื้นดินในพื้นที่ห่างไกล เพื่อเสริมจุดบอดและสร้างการเข้าถึงผู้ชมสูงสุดในทุกครัวเรือนทั่วประเทศมากกว่า