โลกแห่งความเป็นจริงรัฐบาลใกล้แพ้แล้ว ไม่เหลืออะไรในมือมีแต่ความรุนแรงและเพิ่มดีกรีความรุนแรง ประกอบคำขู่เรื่องมวลชนติดอาวุธพร้อมลุกฮือสู้
โลกแห่งความเป็นจริง ยิ่งลักษณ์หมดสภาพ ใครๆ ในประเทศนี้รู้แล้วว่าเธอเป็นนายกที่ไม่มีอะไรในสมองทุกอย่างมาจากการจัดเตรียมให้อ่าน ไม่ใช่แค่นั้นคดีที่ป.ป.ช.จะชี้เรื่องจำนำข้าวจะทำให้เธอต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจะเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา อาจต้องหนีคุกตะรางเหมือนพี่ชาย
โลกแห่งความเป็นจริงรัฐบาลใช้ตำรวจแบบเดิมไม่ได้แล้วเพราะคำวินิจฉัยศาลแพ่ง จะใช้ได้คือคดีอาญาปกติแต่ตำรวจคงไม่ทำแล้วปล่อยให้กรุงเทพกลายเป็นมิคสัญญีไม่มีขื่อแปและกำลังลามไปต่างจังหวัดเช่นที่เกิดที่ตราด เพราะอันธพาลที่ออกโรงมาก่อกรรมทำเข็ญฆ่าไม่เว้นเด็กเล็กเป็นฝ่ายรัฐบาล
โลกแห่งความเป็นจริง นักการเมือง แกนนำนปช.รู้ว่ารัฐบาลใกล้หมดสภาพแล้วจึงต้องออกโรงมาประกาศเวทีสู้ รมว.มหาดไทยปลุกคนถือปืน ตั้งใจจะใช้สงครามปฏิวัติประชาชนย้อนเกล็ดรัฐบาลใหม่ที่จะมาแทนยิ่งลักษณ์
จะปลุกได้ คนจะมากมืดฟ้ามัวดินหรือแค่หยิบมือแต่ก็พอมองออกว่า ฝ่ายหนุนรัฐบาลเตรียมการกันแบบไหน
โลกแห่งความเป็นจริง การชุมนุมไม่ใช่เฟสติวัลมหกรรมสะสมเสื้อผ้าเครื่องประดับแต่เป็นสมรภูมิเจ็บจริงตายจริงต้องเก็บลูกหลานเอาไว้ที่บ้านอย่าพาออกมา พ่อค้าแม่ขายต้องระวังว่านี่ไม่ใช่โอกาสน้ำขึ้นรีบตักขายของหาเงินแต่มีความเสี่ยงถึงชีวิตทรัพย์สินเช่นกัน
จากจุดนี้มีทางเลือกใหญ่ 3 ทาง
หนึ่ง – เจรจาจากหน้าตักที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ มีรัฐบาลคนกลางนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ แต่เท่ากับเปิดพื้นที่ยืนให้กับฝ่ายชินวัตรซึ่งมวลชนส่วนใหญ่คงจะไม่ยอม
สอง – เบ็ดเสร็จเด็ดขาดส่งมอบอำนาจรัฐให้โดยดีเพียงประการเดียว
สาม - ทหารแทรก อาจจะแบบเข้าข้างหรือแบบหย่าศึก
จะขออธิบายเฉพาะแนวทางที่สองคือแตกหักเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงมุมเดียว เพราะมวลชนชาวนกหวีดส่วนใหญ่เลือกแนวทางนี้คือไล่มันลงไม่มีต่อรองไม่มีเจรจาเอาอำนาจมาเป็นคำตอบเดียว จะจำลองสถานการณ์ให้ชาวนกหวีดได้ร่วมกันจินตนาการตามไปว่าเหตุการณ์จากนี้น่าจะออกมารูปไหน
หากสถานการณ์เป็นไปตามข้อสอง -- การโจมตีใช้อาวุธใช้ระเบิดต้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง ชาวนกหวีดที่ยืนกรานจะไปให้ถึงที่สุดก็ต้องทำใจยอมรับสิ่งที่ตนเองเลือก ถ้าคิดว่าจะเสี่ยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ดีขึ้นก็เดินหน้าไปตามความเชื่อแห่งตน เพราะทางฝ่ายมวลชนแดงบางกลุ่มก็ย่อมจะเชื่อได้ว่ามีแต่ต้องจับอาวุธฆ่าตามที่เวทีนปช.ปลุกเร้า ลุกขึ้นมาร่วมวงไพบูลย์ด้วย ใครเชื่อแบบไหนก็เดินตามนั้น
แนวโน้มที่รัฐบาลใหม่จากการตั้งขึ้นของ กปปส. อาจจะเจอกับความไม่สงบ เพราะนปช.แสดงท่าทางชัดเจนแล้วว่า “ยุทธศาสตร์” ของพวกเขาก็คือการย้อนเกล็ดนับตั้งแต่รัฐบาลยังไม่เสียอำนาจ และเมื่อเสียอำนาจแล้วการย้อนเกล็ดดังกล่าวนั้นจะมุ่งไปที่การปฏิวัติประชาชนเช่นกัน
หากฝ่ายแดงปลุกคน “ปฏิวัติประชาชน” ย้อนเกล็ดกลับมาได้สำเร็จ คดีความของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรืออาจจะรวมมือมืดอันธพาลฆ่าเด็กทั้งหลายอาจจะได้รับการยกโทษด้วย อันนี้มองข้ามไปถึงอนาคตไกลๆ
ดังนั้น นับจากนี้จะกลายเป็นการเมืองแบบเผชิญหน้า แม้ว่าตระกูลชินวัตร /รัฐบาลและแกนนำแดงพยายามจะปลุกมวลชนออกมาสู้แต่ก็เห็นชัดเจนว่ามวลชนเสื้อแดงยังออกมาไม่มากเท่ากับปี 2553 ปัญหาของรัฐบาลในระยะแรกคือระหว่างที่ยังไม่พ้นจากอำนาจก็คือมวลชนยังไม่รู้สึกอยากจะออกมาเสี่ยงไม่ได้ถูกกระตุ้นเร่งเร้าให้ยอมเสียสละมาสู่ท้องถนนนอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนเมื่อก่อน
แต่อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลพ้นจากอำนาจไป ระดับของการปลุกเร้า ทุ่มทุนสร้างย่อมต้องมากกว่าเดิม ระดับอารมณ์ของกองเชียร์ของฝ่ายสูญเสียจะมีมากขึ้น และที่สำคัญเมื่อ “ธง” ของฝ่ายแดงคือ “ปฏิวัติกลับ” เดิมพันค่าตอบแทนของแม่ทัพนายกองก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทุกคนก็หวังจะได้รับบำเหน็จสงครามแบบที่อำมาตย์เต้นและพวกได้รับไปแล้ว
ประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติใหญ่ในโลก ไม่ว่าที่ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน ฯลฯ พบว่ารัฐบาลหลังจากปฏิวัติจำเป็นต้องใช้กำปั้นเหล็กเข้ามาจัดการสถานการณ์ เพราะสภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงยังไม่นิ่ง ที่จีนมีเรดการ์ดมาไล่จับปฏิกิริยาไปเข้าค่าย คุมขัง ปรับนิสัย ที่ฝรั่งเศสมีปฏิวัติอีกหลายครั้งสลับไปมา หลังโค่นกษัตริย์กลับมีจอมทัพเผด็จการนโปเลียนมาแทนที่ ที่รัสเซียเลนินต้องใช้กำปั้นเหล็กจึงเอาสังคมอยู่หมัด
รัฐบาลหลังยิ่งลักษณ์ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้กำปั้นเหล็กเพื่อจัดการ “ปฏิบัติการย้อนเกล็ด” และกำจัด “ระบอบทักษิณ” ให้สิ้นซาก คงไม่สามารถใช้แนวทางประนีประนอมรอเลือกตั้งใหม่แบบที่รัฐบาลขิงแก่เคยทำ ฝ่ายหนึ่งตั้งใจปลุกคน อีกฝ่ายหนึ่งเห็นตัวอย่างของการไม่ตัดไฟแต่ต้นลมมาแล้ว สถานการณ์บีบบังคับให้ใช้ “กำปั้นเหล็ก” ก่อนที่ธิดา เหวง ตู่ เต้น และชาวคณะคอมเก่าฯ จะนำคนเสื้อแดงบุกกรุง
ต่อให้ไม่บุกกรุงก็จะมีการยึดเชียงใหม่ภาคเหนือ อุดรธานีภาคอีสานเป็นฐานที่มั่น ปลุกคนชัตดาวน์ประกาศเขตยึดครองเหมือนที่ชาวนกหวีดยึดภาคใต้ในตอนนี้ รัฐบาลใหม่หากไม่ใช้กำปั้นเหล็กคงไม่ได้ เพราะสถานการณ์บังคับให้ทำ
หากเป็นเช่นนี้ลืมไปเลยว่าจะมีการปฏิรูปอะไรสำเร็จ เพราะต่อให้ทำดีให้ตาย ประกาศกฎหมายประหารคนคอรัปชั่น กฎหมายเพิ่มอายุความการทุจริต การปฏิรูปที่ดิน หรือแม้แต่การปฏิรูปการเมืองระบบการเข้าสู่การเมือง ฯลฯ เพราะอะไรที่เป็นผลผลิตของฝ่ายกำนันสุเทพคนของอีกฝ่ายจะปฏิเสธไม่รับ ยิ่งปฏิรูปตำรวจไม่ต้องพูดถึงเพราะจะมีแรงต้านภายในอาจถึงขั้นยกขบวนมาอารักขามวลชนฝ่ายแดงอย่างออกหน้าออกตากันไปเลย
อันนี้ขึ้นกับรัฐบาลใหม่จะจัดการปัญหาทันท่วงที ตรงเป้า ตรงจุดแค่ไหน เพราะหากจัดการเร็วตัดไฟแต่ต้นลมสภาพปัญหาที่จำลองสถานการณ์ขึ้นก็จะเบาบางลง
โดยสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้มีสามแนวใหญ่ๆ
แนวแรก เจรจาแต่ยังมองไม่ออกว่าจะลงเอยแบบไหน เพราะมวลชนส่วนใหญ่ไม่เอา ฝ่ายทางนี้เอาทางนี้ไม่เอา การตบมือให้ดังต้องมีสองข้าง ก็ไม่แน่ใช้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจถึงจุดเจรจาเหมือนกับยูเครนที่ต่างเห็นว่าประเทศเละไปแล้วงั้นมาเจรจากัน
แนวที่สอง เริ่มมองเห็นลางๆ ว่าจะออกมายังไง ความชัดเจนจะมากขึ้นๆ พร้อมๆกับเสียงปืนระเบิดและน้ำตา
แต่ถ้าท่านเลือกแบบเดิมอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ...ท่านก็ต้องพร้อมจะไปเสี่ยงดวงกันว่าผลของการเดินหน้าสุดซอยไล่มันลงจะนำมาสู่การต่อต้านระดับจิ๊บๆ หรือหนักหนาขึ้นยกพลแดงมากบุกปฏิวัติกลับเอาทักษิณพ้นผิดไปพร้อมกันเลย
แนวที่สาม ทหารออกมายืนข้างกำนันหรืออาจจะออกแล้วไกล่เกลี่ยรอมชอมแบบไม่ให้กำนันสุดซอย
เหมือนกับฝ่ายรัฐบาลชัดเจนขึ้นแล้วนะว่า ฝ่ายของตนจะเดินเกมแบบแนวไหนนับจากนี้.
โลกแห่งความเป็นจริง ยิ่งลักษณ์หมดสภาพ ใครๆ ในประเทศนี้รู้แล้วว่าเธอเป็นนายกที่ไม่มีอะไรในสมองทุกอย่างมาจากการจัดเตรียมให้อ่าน ไม่ใช่แค่นั้นคดีที่ป.ป.ช.จะชี้เรื่องจำนำข้าวจะทำให้เธอต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจะเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา อาจต้องหนีคุกตะรางเหมือนพี่ชาย
โลกแห่งความเป็นจริงรัฐบาลใช้ตำรวจแบบเดิมไม่ได้แล้วเพราะคำวินิจฉัยศาลแพ่ง จะใช้ได้คือคดีอาญาปกติแต่ตำรวจคงไม่ทำแล้วปล่อยให้กรุงเทพกลายเป็นมิคสัญญีไม่มีขื่อแปและกำลังลามไปต่างจังหวัดเช่นที่เกิดที่ตราด เพราะอันธพาลที่ออกโรงมาก่อกรรมทำเข็ญฆ่าไม่เว้นเด็กเล็กเป็นฝ่ายรัฐบาล
โลกแห่งความเป็นจริง นักการเมือง แกนนำนปช.รู้ว่ารัฐบาลใกล้หมดสภาพแล้วจึงต้องออกโรงมาประกาศเวทีสู้ รมว.มหาดไทยปลุกคนถือปืน ตั้งใจจะใช้สงครามปฏิวัติประชาชนย้อนเกล็ดรัฐบาลใหม่ที่จะมาแทนยิ่งลักษณ์
จะปลุกได้ คนจะมากมืดฟ้ามัวดินหรือแค่หยิบมือแต่ก็พอมองออกว่า ฝ่ายหนุนรัฐบาลเตรียมการกันแบบไหน
โลกแห่งความเป็นจริง การชุมนุมไม่ใช่เฟสติวัลมหกรรมสะสมเสื้อผ้าเครื่องประดับแต่เป็นสมรภูมิเจ็บจริงตายจริงต้องเก็บลูกหลานเอาไว้ที่บ้านอย่าพาออกมา พ่อค้าแม่ขายต้องระวังว่านี่ไม่ใช่โอกาสน้ำขึ้นรีบตักขายของหาเงินแต่มีความเสี่ยงถึงชีวิตทรัพย์สินเช่นกัน
จากจุดนี้มีทางเลือกใหญ่ 3 ทาง
หนึ่ง – เจรจาจากหน้าตักที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ มีรัฐบาลคนกลางนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ แต่เท่ากับเปิดพื้นที่ยืนให้กับฝ่ายชินวัตรซึ่งมวลชนส่วนใหญ่คงจะไม่ยอม
สอง – เบ็ดเสร็จเด็ดขาดส่งมอบอำนาจรัฐให้โดยดีเพียงประการเดียว
สาม - ทหารแทรก อาจจะแบบเข้าข้างหรือแบบหย่าศึก
จะขออธิบายเฉพาะแนวทางที่สองคือแตกหักเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงมุมเดียว เพราะมวลชนชาวนกหวีดส่วนใหญ่เลือกแนวทางนี้คือไล่มันลงไม่มีต่อรองไม่มีเจรจาเอาอำนาจมาเป็นคำตอบเดียว จะจำลองสถานการณ์ให้ชาวนกหวีดได้ร่วมกันจินตนาการตามไปว่าเหตุการณ์จากนี้น่าจะออกมารูปไหน
หากสถานการณ์เป็นไปตามข้อสอง -- การโจมตีใช้อาวุธใช้ระเบิดต้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง ชาวนกหวีดที่ยืนกรานจะไปให้ถึงที่สุดก็ต้องทำใจยอมรับสิ่งที่ตนเองเลือก ถ้าคิดว่าจะเสี่ยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ดีขึ้นก็เดินหน้าไปตามความเชื่อแห่งตน เพราะทางฝ่ายมวลชนแดงบางกลุ่มก็ย่อมจะเชื่อได้ว่ามีแต่ต้องจับอาวุธฆ่าตามที่เวทีนปช.ปลุกเร้า ลุกขึ้นมาร่วมวงไพบูลย์ด้วย ใครเชื่อแบบไหนก็เดินตามนั้น
แนวโน้มที่รัฐบาลใหม่จากการตั้งขึ้นของ กปปส. อาจจะเจอกับความไม่สงบ เพราะนปช.แสดงท่าทางชัดเจนแล้วว่า “ยุทธศาสตร์” ของพวกเขาก็คือการย้อนเกล็ดนับตั้งแต่รัฐบาลยังไม่เสียอำนาจ และเมื่อเสียอำนาจแล้วการย้อนเกล็ดดังกล่าวนั้นจะมุ่งไปที่การปฏิวัติประชาชนเช่นกัน
หากฝ่ายแดงปลุกคน “ปฏิวัติประชาชน” ย้อนเกล็ดกลับมาได้สำเร็จ คดีความของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรืออาจจะรวมมือมืดอันธพาลฆ่าเด็กทั้งหลายอาจจะได้รับการยกโทษด้วย อันนี้มองข้ามไปถึงอนาคตไกลๆ
ดังนั้น นับจากนี้จะกลายเป็นการเมืองแบบเผชิญหน้า แม้ว่าตระกูลชินวัตร /รัฐบาลและแกนนำแดงพยายามจะปลุกมวลชนออกมาสู้แต่ก็เห็นชัดเจนว่ามวลชนเสื้อแดงยังออกมาไม่มากเท่ากับปี 2553 ปัญหาของรัฐบาลในระยะแรกคือระหว่างที่ยังไม่พ้นจากอำนาจก็คือมวลชนยังไม่รู้สึกอยากจะออกมาเสี่ยงไม่ได้ถูกกระตุ้นเร่งเร้าให้ยอมเสียสละมาสู่ท้องถนนนอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนเมื่อก่อน
แต่อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลพ้นจากอำนาจไป ระดับของการปลุกเร้า ทุ่มทุนสร้างย่อมต้องมากกว่าเดิม ระดับอารมณ์ของกองเชียร์ของฝ่ายสูญเสียจะมีมากขึ้น และที่สำคัญเมื่อ “ธง” ของฝ่ายแดงคือ “ปฏิวัติกลับ” เดิมพันค่าตอบแทนของแม่ทัพนายกองก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทุกคนก็หวังจะได้รับบำเหน็จสงครามแบบที่อำมาตย์เต้นและพวกได้รับไปแล้ว
ประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติใหญ่ในโลก ไม่ว่าที่ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน ฯลฯ พบว่ารัฐบาลหลังจากปฏิวัติจำเป็นต้องใช้กำปั้นเหล็กเข้ามาจัดการสถานการณ์ เพราะสภาพสังคมหลังการเปลี่ยนแปลงยังไม่นิ่ง ที่จีนมีเรดการ์ดมาไล่จับปฏิกิริยาไปเข้าค่าย คุมขัง ปรับนิสัย ที่ฝรั่งเศสมีปฏิวัติอีกหลายครั้งสลับไปมา หลังโค่นกษัตริย์กลับมีจอมทัพเผด็จการนโปเลียนมาแทนที่ ที่รัสเซียเลนินต้องใช้กำปั้นเหล็กจึงเอาสังคมอยู่หมัด
รัฐบาลหลังยิ่งลักษณ์ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้กำปั้นเหล็กเพื่อจัดการ “ปฏิบัติการย้อนเกล็ด” และกำจัด “ระบอบทักษิณ” ให้สิ้นซาก คงไม่สามารถใช้แนวทางประนีประนอมรอเลือกตั้งใหม่แบบที่รัฐบาลขิงแก่เคยทำ ฝ่ายหนึ่งตั้งใจปลุกคน อีกฝ่ายหนึ่งเห็นตัวอย่างของการไม่ตัดไฟแต่ต้นลมมาแล้ว สถานการณ์บีบบังคับให้ใช้ “กำปั้นเหล็ก” ก่อนที่ธิดา เหวง ตู่ เต้น และชาวคณะคอมเก่าฯ จะนำคนเสื้อแดงบุกกรุง
ต่อให้ไม่บุกกรุงก็จะมีการยึดเชียงใหม่ภาคเหนือ อุดรธานีภาคอีสานเป็นฐานที่มั่น ปลุกคนชัตดาวน์ประกาศเขตยึดครองเหมือนที่ชาวนกหวีดยึดภาคใต้ในตอนนี้ รัฐบาลใหม่หากไม่ใช้กำปั้นเหล็กคงไม่ได้ เพราะสถานการณ์บังคับให้ทำ
หากเป็นเช่นนี้ลืมไปเลยว่าจะมีการปฏิรูปอะไรสำเร็จ เพราะต่อให้ทำดีให้ตาย ประกาศกฎหมายประหารคนคอรัปชั่น กฎหมายเพิ่มอายุความการทุจริต การปฏิรูปที่ดิน หรือแม้แต่การปฏิรูปการเมืองระบบการเข้าสู่การเมือง ฯลฯ เพราะอะไรที่เป็นผลผลิตของฝ่ายกำนันสุเทพคนของอีกฝ่ายจะปฏิเสธไม่รับ ยิ่งปฏิรูปตำรวจไม่ต้องพูดถึงเพราะจะมีแรงต้านภายในอาจถึงขั้นยกขบวนมาอารักขามวลชนฝ่ายแดงอย่างออกหน้าออกตากันไปเลย
อันนี้ขึ้นกับรัฐบาลใหม่จะจัดการปัญหาทันท่วงที ตรงเป้า ตรงจุดแค่ไหน เพราะหากจัดการเร็วตัดไฟแต่ต้นลมสภาพปัญหาที่จำลองสถานการณ์ขึ้นก็จะเบาบางลง
โดยสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้มีสามแนวใหญ่ๆ
แนวแรก เจรจาแต่ยังมองไม่ออกว่าจะลงเอยแบบไหน เพราะมวลชนส่วนใหญ่ไม่เอา ฝ่ายทางนี้เอาทางนี้ไม่เอา การตบมือให้ดังต้องมีสองข้าง ก็ไม่แน่ใช้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจถึงจุดเจรจาเหมือนกับยูเครนที่ต่างเห็นว่าประเทศเละไปแล้วงั้นมาเจรจากัน
แนวที่สอง เริ่มมองเห็นลางๆ ว่าจะออกมายังไง ความชัดเจนจะมากขึ้นๆ พร้อมๆกับเสียงปืนระเบิดและน้ำตา
แต่ถ้าท่านเลือกแบบเดิมอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ...ท่านก็ต้องพร้อมจะไปเสี่ยงดวงกันว่าผลของการเดินหน้าสุดซอยไล่มันลงจะนำมาสู่การต่อต้านระดับจิ๊บๆ หรือหนักหนาขึ้นยกพลแดงมากบุกปฏิวัติกลับเอาทักษิณพ้นผิดไปพร้อมกันเลย
แนวที่สาม ทหารออกมายืนข้างกำนันหรืออาจจะออกแล้วไกล่เกลี่ยรอมชอมแบบไม่ให้กำนันสุดซอย
เหมือนกับฝ่ายรัฐบาลชัดเจนขึ้นแล้วนะว่า ฝ่ายของตนจะเดินเกมแบบแนวไหนนับจากนี้.