ช่วงวันหยุดยาวตอนปีใหม่ ใครหลายคนตัดสินใจออกไปพักผ่อนต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ สำหรับในประเทศ เส้นทางออกต่างจังหวัดทุกภาค รถติดอย่างหนักถึงโคตรหนัก ประเภทขึ้นเหนือไปสี่ชั่วโมงไปได้แค่สระบุรี เส้นลงใต้ขับรถแปดชั่วโมงไปได้แค่ชุมพร เรียกว่าสาหัสสากรรจ์
หลายคนได้ข้อสรุป ไม่อยากเจอรถติดมากมาย วันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ อยู่กรุงเทพฯดีกว่า ถนนโล่งอยากไปไหนไปได้ดั่งใจ หรืออยู่กับบ้านทำโน่นนี่ที่อยากทำสิ่งสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้อ่านสักทีวันหยุดยาวนี่แหละเหมาะที่สุด
ดังนั้นการพักผ่อนที่ดีที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้สำหรับผมคือหากิจกรรมทำในกรุงเทพมหานคร เป็นอะไรที่ดีที่สุดดีกว่าออกไปเจอรถติด หรือการแย่งกันกินแย่งกันใช้ ต้องยอมรับเลยว่าสำหรับผมอะไรแบบนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
คราวนี้ผมอยากอ่านสามก๊ก วรรณกรรมชิ้นเอกของโลก ที่ยาวมากและต้องใช้เวลามากพอดู นอกจากอ่านหนังสือยังมีทางเลือกจะอ่านหรือจะดูในรูปแบบอื่น มีทั้งภาพยนตร์ และการณ์ตูน ผมตัดสินใจอ่านและเลือกนั่งดูซีดีหนังสามก๊ก เวอร์ชั่นปี 2010 ซึ่งถือเป็นการนำสามก๊กมาทำใหม่ หลังจากครั้งหลังสุดเคยทำมาแล้ว ในปี 1994
อ่านแล้วดูแล้ว ก็อดเอามาเล่าต่อไม่ได้ มาทำความรู้จักสามก๊กสรุปคร่าวๆ หรือแบบภาพรวมกันก่อนแล้วกันนะครับ ก่อนจะคุยเรื่องเกี่ยวกับสามก๊กกันต่อ
สามก๊ก ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms ( ชื่อภาษาจีน 三國演義; จีนตัวย่อ: 三国演义) เป็นวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จัดเป็นวรรณกรรมอมตะเพชรน้ำเอกของโลก นับเป็นมรดกทางปัญญาของปราชญ์ชาวตะวันออกที่สุดยอด มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 10 ภาษาและมีการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายทั่วโลก
สามก๊กเล่าเรื่องอิงประวัติศาสตร์จีนปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น ช่วงมีการแบ่งแยกการเมืองการปกครองจีนเป็นสามก๊ก มีการแต่งขึ้นหลายช่วงโดยนักประพันธ์มีชื่อในยุคต่างๆของจีน ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยตันซิ่ว เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ ในรูปจดหมายเหตุสามก๊ก ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดยาวถึง 65 เล่ม หลังจากนั้น มีการเล่าเป็นนิทานสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน มีการปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อนำมาเล่นงิ้ว และมีการเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบหนังสือโดยหลัว กวั้นจง จนเป็นที่มาของสามก๊กในปัจจุบัน
ในประเทศไทย คนไทยรู้จักสามก๊กกันมานานแล้ว จากฉบับภาษาจีน แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยครั้งแรก โดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2345 ในรูปแบบสมุดไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยโรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ในปี พ.ศ. 2408 และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งภายใต้ชื่อ "หนังสือสามก๊ก ฉบับราชบัณฑิตยสภา" โดยโรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ในปี พ.ศ. 2471 ปัจจุบันสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้รับการตีพิมพ์ใหม่อีกหลายครั้งโดยหลายสำนักพิมพ์ถือเป็นวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เล่มที่ 2 ที่แปลหลังจากไซ่ฮั่น
สามก๊กมีเนื้อหาหลากหลายรสชาติ เต็มไปด้วยกลเล่ห์เพทุบาย กลศึกในการรบ การชิงรักหักเหลี่ยม ความเคียดแค้นชิงชัง ความซื่อสัตย์และการให้อภัย ซึ่งมีเนื้อหาและเรื่องราวในทางที่ดีและร้ายปะปนกัน ภาพโดยรวมของสามก๊กกล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก ในปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 823 จุดเริ่มต้นของสามก๊กเริ่มจากยุคโจรโพกผ้าเหลืองในปี พ.ศ. 726 ที่ออกอาละวาด จนเป็นเหตุให้บุคคลทั้งสามคือเล่าปี่กวนอูและเตียวหุย ได้ร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องและร่วมปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง รวมทั้งการแย่งและช่วงชิงอำนาจความเป็นใหญ่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นของก๊กต่าง ๆ อันประกอบด้วยวุยก๊กหรือก๊กเว่ย จ๊กก๊กหรือก๊กสู่ และง่อก๊กหรือก๊กหวู จนถึงการสถาปนาราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยน รวมระยะเวลาประมาณ 60 ปี
สามก๊กเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ซึ่งมีไซอิ๋ว ซ้องกั๋งและความฝันในหอแดง นักอ่านหนังสือจำนวนมากยกย่องสามก๊กเป็นบทเรียนตำราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติ ตำราการบริหารและเศรษฐกิจ
สำหรับสามก๊กในรูปซีดีเวอร์ชั่นล่าสุด สร้างเป็นละครโทรทัศน์ เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ออกฉายทางโทรทัศน์ครั้งแรกทางช่องเจียงซู ช่องอันฮุย ช่องฉงชิ่ง และช่องเทียนจิน ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2553 ละครชุดสามก๊ก ชุดใหม่นี้มีทั้งหมด 95 ตอน ตอนละ 40 นาที กำกับโดย เกาซีซี เนื้อหาของสามก๊กชุดนี้ขาดเรื่องราวตอนต้นไป โดยเริ่มเปิดฉากตั้งแต่ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวง สถาปนาหองจูเหียบแล้ว จบลงตรงสุมาอี้ตาย เนื้อหาจึงไม่ครบสมบูรณ์เท่าสามก๊กชุดปี 1994
เนื่องจากสามก๊กเป็นนิยายหรือเป็นซีรี่ย์ที่มีเนื้อเรื่องยาวมาก ทำให้สามารถเอาเรื่องราวบางส่วนมาทำหนังหรือทำภาคแยกออกมาได้ และทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ละส่วนก็สะท้อนตัวละครแต่ละตัวแต่ละส่วนแล้วแต่มุมมองและการตีความของผู้กำกับ
สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ทำออกมาได้ดราม่ามากๆคือเน้นอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเป้าหมายแตกต่างกัน และต้องคอยสร้ามสมดุลแก่สามขั้วอำนาจในเรื่อง การทำสงคราม คานอำนาจกันทำให้เราเห็นถึงกลวิธีหรือกลศึกต่างๆในสามก๊ก ให้คติสอนใจมากมาย คนที่ฉลาดอย่างเดียวไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไป คนที่รบเก่งก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน คนที่มีคุณธรรมมากก็ใช่ว่าจะชนะ ส่วนคนเจ้าเล่ห์ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาผู้อื่น องค์ประกอบเหล่านี้สิที่ทำให้สามก๊กมีสีสันล้ำลึก
ตัวละครแต่ละตัวเป็นมนุษย์ เป็นคนบนโลกใบนี้ ที่มีหลายแบบ แต่ละแบบควรรับมืออย่างไร ลึกซึ้งซับซ้อนจนเกิดประโยคที่ว่า อ่านสามก๊กครบสามจบคบไม่ได้
สำหรับใครที่ทนอ่านสามก๊กฉบับเต็มเล่มหนาๆไม่ได้ ผมว่าหาซีรี่ย์เรื่องนี้มาชมก็คุ้มค่าเวลา ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นเก่าหรือใหม่ก็ตามแต่สะดวกเลยครับ รับรองติดใจของเขาดีจริง ต้องยกนิ้วให้ครับ
ด้วยความยาวมากกก ขนาดหยุดหลายวัน ยังดูไม่จบเสียที ดูช่วงปีใหม่ ตอนนี้แค่ผ่านไปแล้วครึ่งทาง สงสัยต้องรอโอกาสว่างยาวๆอย่างช่วงสงกรานต์ละมั้ง ถึงจะดูเรื่องนี้ต่อ เอาเป็นว่าปีใหม่นี้วางแผนยาว เก็บวันหยุดอีกหลายครั้งเพื่อดูสามก๊กให้จบ
ผมว่าวันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ การได้นั่งดูซีรี่ย์ดีๆแบบสบายๆไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องนอนดึกมากแล้วต้องตื่นเช้ามากหนีรถติดไปทำงาน เป็นการพักผ่อนที่ดีแบบหนึ่งเหมือนกันครับ แถมจับประเด็นของเรื่องดีๆ ได้สาระได้ความรู้ได้ข้อคิดดีๆจากเรื่องนี้ ได้ประโยชน์ในการมองชีวิต มองผู้คน มองสังคมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนในยุคที่เมืองไทยมีหลายก๊ก ต้องมองฉากหน้าฉากหลังกันให้ทะลุ จริงไหมครับ
หลายคนได้ข้อสรุป ไม่อยากเจอรถติดมากมาย วันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ อยู่กรุงเทพฯดีกว่า ถนนโล่งอยากไปไหนไปได้ดั่งใจ หรืออยู่กับบ้านทำโน่นนี่ที่อยากทำสิ่งสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้อ่านสักทีวันหยุดยาวนี่แหละเหมาะที่สุด
ดังนั้นการพักผ่อนที่ดีที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้สำหรับผมคือหากิจกรรมทำในกรุงเทพมหานคร เป็นอะไรที่ดีที่สุดดีกว่าออกไปเจอรถติด หรือการแย่งกันกินแย่งกันใช้ ต้องยอมรับเลยว่าสำหรับผมอะไรแบบนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
คราวนี้ผมอยากอ่านสามก๊ก วรรณกรรมชิ้นเอกของโลก ที่ยาวมากและต้องใช้เวลามากพอดู นอกจากอ่านหนังสือยังมีทางเลือกจะอ่านหรือจะดูในรูปแบบอื่น มีทั้งภาพยนตร์ และการณ์ตูน ผมตัดสินใจอ่านและเลือกนั่งดูซีดีหนังสามก๊ก เวอร์ชั่นปี 2010 ซึ่งถือเป็นการนำสามก๊กมาทำใหม่ หลังจากครั้งหลังสุดเคยทำมาแล้ว ในปี 1994
อ่านแล้วดูแล้ว ก็อดเอามาเล่าต่อไม่ได้ มาทำความรู้จักสามก๊กสรุปคร่าวๆ หรือแบบภาพรวมกันก่อนแล้วกันนะครับ ก่อนจะคุยเรื่องเกี่ยวกับสามก๊กกันต่อ
สามก๊ก ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms ( ชื่อภาษาจีน 三國演義; จีนตัวย่อ: 三国演义) เป็นวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จัดเป็นวรรณกรรมอมตะเพชรน้ำเอกของโลก นับเป็นมรดกทางปัญญาของปราชญ์ชาวตะวันออกที่สุดยอด มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 10 ภาษาและมีการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายทั่วโลก
สามก๊กเล่าเรื่องอิงประวัติศาสตร์จีนปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น ช่วงมีการแบ่งแยกการเมืองการปกครองจีนเป็นสามก๊ก มีการแต่งขึ้นหลายช่วงโดยนักประพันธ์มีชื่อในยุคต่างๆของจีน ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยตันซิ่ว เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ ในรูปจดหมายเหตุสามก๊ก ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดยาวถึง 65 เล่ม หลังจากนั้น มีการเล่าเป็นนิทานสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน มีการปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อนำมาเล่นงิ้ว และมีการเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบหนังสือโดยหลัว กวั้นจง จนเป็นที่มาของสามก๊กในปัจจุบัน
ในประเทศไทย คนไทยรู้จักสามก๊กกันมานานแล้ว จากฉบับภาษาจีน แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยครั้งแรก โดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2345 ในรูปแบบสมุดไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยโรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ในปี พ.ศ. 2408 และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งภายใต้ชื่อ "หนังสือสามก๊ก ฉบับราชบัณฑิตยสภา" โดยโรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ในปี พ.ศ. 2471 ปัจจุบันสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้รับการตีพิมพ์ใหม่อีกหลายครั้งโดยหลายสำนักพิมพ์ถือเป็นวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เล่มที่ 2 ที่แปลหลังจากไซ่ฮั่น
สามก๊กมีเนื้อหาหลากหลายรสชาติ เต็มไปด้วยกลเล่ห์เพทุบาย กลศึกในการรบ การชิงรักหักเหลี่ยม ความเคียดแค้นชิงชัง ความซื่อสัตย์และการให้อภัย ซึ่งมีเนื้อหาและเรื่องราวในทางที่ดีและร้ายปะปนกัน ภาพโดยรวมของสามก๊กกล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก ในปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 823 จุดเริ่มต้นของสามก๊กเริ่มจากยุคโจรโพกผ้าเหลืองในปี พ.ศ. 726 ที่ออกอาละวาด จนเป็นเหตุให้บุคคลทั้งสามคือเล่าปี่กวนอูและเตียวหุย ได้ร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องและร่วมปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง รวมทั้งการแย่งและช่วงชิงอำนาจความเป็นใหญ่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นของก๊กต่าง ๆ อันประกอบด้วยวุยก๊กหรือก๊กเว่ย จ๊กก๊กหรือก๊กสู่ และง่อก๊กหรือก๊กหวู จนถึงการสถาปนาราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยน รวมระยะเวลาประมาณ 60 ปี
สามก๊กเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ซึ่งมีไซอิ๋ว ซ้องกั๋งและความฝันในหอแดง นักอ่านหนังสือจำนวนมากยกย่องสามก๊กเป็นบทเรียนตำราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติ ตำราการบริหารและเศรษฐกิจ
สำหรับสามก๊กในรูปซีดีเวอร์ชั่นล่าสุด สร้างเป็นละครโทรทัศน์ เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ออกฉายทางโทรทัศน์ครั้งแรกทางช่องเจียงซู ช่องอันฮุย ช่องฉงชิ่ง และช่องเทียนจิน ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2553 ละครชุดสามก๊ก ชุดใหม่นี้มีทั้งหมด 95 ตอน ตอนละ 40 นาที กำกับโดย เกาซีซี เนื้อหาของสามก๊กชุดนี้ขาดเรื่องราวตอนต้นไป โดยเริ่มเปิดฉากตั้งแต่ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวง สถาปนาหองจูเหียบแล้ว จบลงตรงสุมาอี้ตาย เนื้อหาจึงไม่ครบสมบูรณ์เท่าสามก๊กชุดปี 1994
เนื่องจากสามก๊กเป็นนิยายหรือเป็นซีรี่ย์ที่มีเนื้อเรื่องยาวมาก ทำให้สามารถเอาเรื่องราวบางส่วนมาทำหนังหรือทำภาคแยกออกมาได้ และทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ละส่วนก็สะท้อนตัวละครแต่ละตัวแต่ละส่วนแล้วแต่มุมมองและการตีความของผู้กำกับ
สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ทำออกมาได้ดราม่ามากๆคือเน้นอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเป้าหมายแตกต่างกัน และต้องคอยสร้ามสมดุลแก่สามขั้วอำนาจในเรื่อง การทำสงคราม คานอำนาจกันทำให้เราเห็นถึงกลวิธีหรือกลศึกต่างๆในสามก๊ก ให้คติสอนใจมากมาย คนที่ฉลาดอย่างเดียวไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไป คนที่รบเก่งก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน คนที่มีคุณธรรมมากก็ใช่ว่าจะชนะ ส่วนคนเจ้าเล่ห์ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาผู้อื่น องค์ประกอบเหล่านี้สิที่ทำให้สามก๊กมีสีสันล้ำลึก
ตัวละครแต่ละตัวเป็นมนุษย์ เป็นคนบนโลกใบนี้ ที่มีหลายแบบ แต่ละแบบควรรับมืออย่างไร ลึกซึ้งซับซ้อนจนเกิดประโยคที่ว่า อ่านสามก๊กครบสามจบคบไม่ได้
สำหรับใครที่ทนอ่านสามก๊กฉบับเต็มเล่มหนาๆไม่ได้ ผมว่าหาซีรี่ย์เรื่องนี้มาชมก็คุ้มค่าเวลา ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นเก่าหรือใหม่ก็ตามแต่สะดวกเลยครับ รับรองติดใจของเขาดีจริง ต้องยกนิ้วให้ครับ
ด้วยความยาวมากกก ขนาดหยุดหลายวัน ยังดูไม่จบเสียที ดูช่วงปีใหม่ ตอนนี้แค่ผ่านไปแล้วครึ่งทาง สงสัยต้องรอโอกาสว่างยาวๆอย่างช่วงสงกรานต์ละมั้ง ถึงจะดูเรื่องนี้ต่อ เอาเป็นว่าปีใหม่นี้วางแผนยาว เก็บวันหยุดอีกหลายครั้งเพื่อดูสามก๊กให้จบ
ผมว่าวันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ การได้นั่งดูซีรี่ย์ดีๆแบบสบายๆไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องนอนดึกมากแล้วต้องตื่นเช้ามากหนีรถติดไปทำงาน เป็นการพักผ่อนที่ดีแบบหนึ่งเหมือนกันครับ แถมจับประเด็นของเรื่องดีๆ ได้สาระได้ความรู้ได้ข้อคิดดีๆจากเรื่องนี้ ได้ประโยชน์ในการมองชีวิต มองผู้คน มองสังคมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนในยุคที่เมืองไทยมีหลายก๊ก ต้องมองฉากหน้าฉากหลังกันให้ทะลุ จริงไหมครับ