xs
xsm
sm
md
lg

นิรโทษกรรมลายออก

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ในที่สุดข้อสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับเพื่อไทย (ตามร่าง ส.ส. วรชัย เหมะ) ก็ชัดเจนแล้ว ว่าเป็นกฎหมายพาพี่กลับบ้าน โดยอาศัยเกาะหลังนักโทษการเมืองเสื้อแดงของแท้ 100%

โดยข่าวออกมาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ... ที่เสนอปรับแก้ข้อความในมาตรา 3 ให้ชัดเจนว่า

“...ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง...”

จึงไม่ต้องตีความกันอีกต่อไปแล้วว่ากฎหมายล้างผิดฉบับนี้ จะพาแม้วกลับบ้านได้หรือไม่ และจะต้องคืนเงินที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ยึดตกแก่แผ่นดินทั้งสิ้นสี่หมื่นหกพันล้านบาท ว่าจะต้องคืนไปหรือไม่

เนื่องจากที่ขีดเส้นใต้ไว้ว่า “ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคล ...ฯลฯ ... หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร”

อันนี้ชัดยิ่งกว่าชัด ว่า หมายถึงพี่แม้วแน่นอนแบบไม่ต้องตีความให้เข้าข้าง หรือจะตะแบงหนีให้ยุ่งยาก เนื่องจากการ “กล่าวหาว่าถูกกระทำความผิด” นั้นก็ได้แก่ข้อหาทุจริตและร่ำรวยผิดปกติทั้งหลายทั้งปวงที่ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ซึ่งก็หมายถึง คตส.หรือ “คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ” แน่นอนอันดับแรก ซึ่งก่อตั้งหลังการรัฐประหาร 19 กันยา 49

ซึ่งการแก้ไขกฎหมายแบบลากโยงยาวขนาดนี้ไป ดูแล้วว่าไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากพานายและพี่ชายกลับบ้าน เพราะหากพิจารณาแล้ว หากการนิรโทษกรรมนี้มุ่งเน้นเพื่อปรองดองจริงๆ แล้ว ในความขัดแย้งนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมานั้น ไม่มี “ใครอีก” ที่ได้รับการกล่าวหาจากองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามคำสั่ง คมช.อีก ไม่ว่าจะประชาชนเสื้อเหลือง เสื้อแดง กองทัพ หรือฝ่ายไหน นอกเสียจากฝ่ายทักษิณและนักการเมืองในขั้วดังกล่าว

ส่วนประชาชนทั่วไปไม่ว่าจะเหลืองจะแดง ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว

ที่นายสามารถ แก้วมีชัย พยายามแก้ตัวว่าการคืนทรัพย์สินคนละเรื่อง โดย ทักษิณต้องดำเนินการร้องขอพิสูจน์ตามหลักกฎหมาย ไม่ใช่คืนเงินให้ทันที ก็เป็นข้อแก้เกี้ยวที่ฟังไม่ขึ้น ในเมื่อกฎหมายนี้กำหนดให้บุคคลที่เข้าข่ายตามมาตรา 3 ดังกล่าว “พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง” ไปแล้ว และมาตรา 4 ก็มาดักซ้ำว่า “...ให้ปฏิบัติต่อบุคคลตาม มาตรา 3 ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม...” แล้ว ก็หมายความว่า เมื่อ “พ้นผิดและความรับผิด” การยึดทรัพย์สี่หมื่นหกพันล้านตามคำพิพากษา ก็ถือว่าไม่มีมูลตามกฎหมายที่จะอ้างได้แล้ว เพราะเท่ากับเป็นเงินของคนที่ไม่ได้กระทำความผิด (โดยผลของกฎหมาย) จึงยึดไม่ได้

แถมดีไม่ดี ถ้าฝ่ายกฎหมายของทักษิณโหดๆ หน่อย ก็ยังสามารถเรียกดอกเบี้ยจากรัฐในระหว่างที่ถูกยึดทรัพย์ก็ยังได้ เพราะเท่ากับรัฐเอาเงินของเขาไปเก็บไว้โดยไม่มีมูลจะอ้างได้ตามกฎหมาย ต้องชดใช้ดอกเบี้ยค่าเสียหาย ถ้าจะเอาแบบไม่ยำเกรงใจกันถึงขั้นนี้

ทำไมฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยสามารถที่จะแก้ไขกฎหมายให้ชัดเจนแจ่มแจ้งแบบไม่ต้องตีความกันขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจาก “เวลา” ของรัฐบาลปูแดงที่หดสั้นลงอย่างรวดเร็ว จากบรรดาระเบิดเวลาทั้งหลายที่มาจ่อรออย่างกระชั้นชิด

ไม่ว่าความเสียหายทางการคลังจากนโยบายประชานิยม ทั้งเรื่องจำนำข้าว และรถคันแรก ที่แผลสะสมจะมาแตกเน่าเอาในอีกไม่นาน ภายในปีหน้า

ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เริ่มปรากฏเค้าลางว่าฝันร้ายเมื่อปลายปี 2554 จะกลับมาเยือนแล้ว จากที่น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ค่อยๆ ไล่ล้อมเข้ามาจนใกล้ กทม.คล้ายกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2554 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้วางแผนป้องกันอะไรไว้ล่วงหน้า นอกจากมาแก้ไขเอาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แจกถุงยังชีพออกกล้องรายวันเช่นทุกวันนี้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยึดอำนาจสภาฯ เบ็ดเสร็จ ทั้งเรื่องการสถาปนาสภาผัวเมีย ให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งทั้งสภาฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ตัดอำนาจประชาชนไม่ให้ใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

ซึ่งรวมถึงการกระทำมิบังควรด้วยการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีมลทิน เนื่องจากติดคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จถึงที่สุดในศาลรัฐธรรมนูญ ก็กลับนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายให้ลงพระปรมาภิไธยอย่างไม่เกรงการควรไม่ควร

จึงเชื่อได้ว่า รัฐบาลเล็งเห็นแล้วว่าคงจะอยู่ต่อได้ไม่กี่เดือน ก่อนที่ฝีหนองและปัญหาทั้งหลายจะแตกเน่าออกมาจนอยู่ไม่ได้ พร้อมกับวิกฤตของประเทศชาติ

ถือโอกาสพาพี่กลับบ้าน เอาเงินสี่หมื่นหกพันล้านคืนกลับมาเข้ากระเป๋าก่อนเป็นประกัน แล้วต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากัน ทุนมี คนมี ไม่ต้องกลัวอะไร

เรียกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเรียกแขกนี้ น่าจะทำให้ทุกฝ่ายตาสว่างกันได้หมด และเมื่อภาพออกมาชัดขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาทวงประเทศคืนได้แล้ว

แต่ถ้ายังหลับใหลทั้งตาลืม ว่าธุระไม่ใช่ ลอยตัวเหนือทุกฝ่าย บอกว่าขี้คร้านระอาความขัดแย้ง ปล่อยให้กฎหมายล้างผิดออกมาทำลายหลักนิติธรรม ให้ฝ่ายที่เคยถูกศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิดฐานใช้อำนาจมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ กลับมายึดอำนาจ ประกาศชัยชนะได้เบ็ดเสร็จอีก

ก็คงจะเอวังประเทศไทยกันเท่านี้ อาจจะได้ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีชาติมีประเทศหลงเหลือแล้วก็เป็นได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น