xs
xsm
sm
md
lg

Hong Kong on Foot : ส่อง Ngong Ping - Tai O ที่ยอดฮิตคนไทย

เผยแพร่:   โดย: ดรงค์ ฤทธิปัญญา

ความเดิมตอนที่แล้วอ่าน
Hong Kong on Foot : ตามรอยมรดก Ping Shan # ๒
Hong Kong on Foot : ตามรอยมรดก Ping Shan # ๑
Hong Kong on Foot : พิชิต Dragon Back
Hong Kong on Foot : ตะลุยเกาะ Lamma

๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ : ผมยังอยู่ที่สถานีรถไฟ Tsuen Wan ครับ ในเขตนิวเทอริตอรี่ย์ ของฮ่องกง ถ้าดูตามแผนที่ ผมน่าจะอยู่ตรงภาคกลางของเขตปกครองพิเศษได้ ซึ่งหลังจากที่เมื่อช่วงเช้าได้ไปเดินสายบนเส้นทางตามรอบวัฒนธรรมผิงซานแล้ว และก็พลาดการเดินทางไปยังวัด Yuen Yuen เพราะหาป้ายรถเมล์ไม่เจอประกอบกับเวลาที่เหลืออันน้อยนิดตามกำหนดการที่วางเอาไว้จึงกังวลว่า ถ้าไปต่อคงได้อดไปอีกหลายๆ ที่แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจ ไม่ไปดีกว่า

ผมเดินเล่น ไม่ใช่สิต้องบอกว่า เดินหาของกินอยู่ในอาคารซึ่งคล้ายๆ กับห้าง ที่ดูเหมือนประตูน้ำบ้านเราสักพัก เดินไปร้านแมคโดนัลด์ เพื่อซื้อแฮมเบอร์เกอร์กิน .... ใครจะบอกว่าผมบ้า หรือบ้ามาก ก็ได้นะ มาทั้งทีแล้วมากินแมคฯ คือผมเป็นพวกโรคจิตอย่างนึง เวลาไปต่างถิ่นมากๆ เนี่ย ผมอยากจะไปลองดูว่าไอ้เมนูที่เรากินกันที่บ้านเราเนี่ย มันจะเหมือนกับบ้านเขาไหม และที่นี่ก็มีโปรโมชั่นหลายอย่าง เช่นตอนนี้มีออกเบอร์เกอร์เนื้อย่างซอสพริกไทยดำ ขนาดก็ใหญ่กว่าบ้านเรา ส่วนชีสเบอร์เกอร์ และไก่ทอด ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

นี่พูดไม่ได้กินฟรีนะครับ เสียตังค์ด้วย แต่ยอมรับเลยว่า ราคาถูกกว่ากินข้าว ๑ จานตามราคาบ้านเขาอีก (ถ้ากินตามโปรโมชั่นที่มันลดนะ)

เสร็จจากการเดินสำรวจในห้างเล็กๆ บนสถานีรถไฟ ก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์แถวๆ ห้างครับ เพื่อนั่งไปยัง “เกาะลันเตา (Lantau)” ผมจะบ้าหรือเปล่าในเมื่อนั่งรถไฟจากที่สถานีนี้ ไปยังสถานี Tung Chung ซึ่งเป็นทางขึ้นกระเช้าไปสู่ “หงองปิง (Ngong ping)” สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทย ก็จะง่ายกว่ามากๆ หลายคนต้องสงสัยแบบนี้แน่ๆ

ผมก็คงต้องตอบว่า ใช่ครับ ผมมันบ้ามากๆ แต่ที่ผมนั่งรถเมล์นี้ เป็นเพราะว่า ผมอยากจะให้รถเมล์มันเคลื่อนข้ามจากฝั่งนิวเทอริตอรี่ย์ ผ่าน “สะพานซิงหม่า (Tsing Ma Bridge)” สะพานแขวนที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ไปสู่เกาะลันเตา

สะพานซิงหม่านี้ ตามข้อมูลเขาบอกว่า ติดอันดับ ๙ ของสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก และสร้างเสร็จเร็วเป็นอันดับที่ ๒ ของโลก ชื่อของสะพานประกอบด้วยชื่อพยางค์หน้าของ ๒ เกาะ คือ ซิง ยี่ (Tsing Yi) และ หม่า หวัน (Ma Wan) ตัวสะพานมีความยาว ๑.๓๗๗ กิโลเมตร สูง ๒๐๖ เมตร ความกว้าง ๔๑ เมตร มีถนน ๖ เลน สำหรับรถยนต์ สร้างขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๓๕ และเสร็จในเดือนเดียวกันปี ๒๕๔๐ โดยมีนางมากาเร็ธ แท็ทเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรเป็นประธานในพิธีเปิดใช้งาน

รถเมล์ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ก็คาดว่าคงจะเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงวันหยุดชดเชยตรุษจีน จนถึงที่หมายนั่นคือห้างซิตี้เกท บนเกาะลันเตา แต่ก็ต้องรูสึกประหลาดใจว่า เขาต่อคิวอะไรกัน ซื้อคริสปี้ครีมเหมือนที่บ้านเราฮิตเหรอ แล้วน้องผู้ร่วมทางก็บอกว่า นั่นคือแถวนั่งกระเช้าไปสู่บนหมู่บ้าน หงองปิง (Ngong ping) ที่ฮอตฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย ห่ะ!! แถวยาวประมาณเกือบร้อยเมตร แบ่งเป็นสามช่วงเนี่ยนะ ......

ผมก็ไปยืนต่อแถวกับเขาด้วยความเซ็งๆ ทำไมต้องมาเผชิญชะตากรรมอย่างนี้ด้วย น้องร่วมทางก็บอกว่า ปกติแล้วคนจะไม่เยอะขนาดนี้ แป๊ปเดียวก็ได้ขึ้นกระเช้าแล้ว ผมยืนไป พลางคิดไป เอายังไงดี ระหว่างนั้นในแถวก็จะมีคนถือป้ายบอก ประมาณว่า ถ้าคุณยืนถึงตรงนี้ อีกกี่นาทีจะได้ขึ้นกระเช้า ซึ่งของผมมันเขียนว่า หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ผมจึงตัดสินใจไม่รอมันแล้ว เดี๋ยวจะเสียแผนที่วางไว้ ยอมเดินออกจากแถวไปรอรถเมล์วิ่งไปสู่ Tai O ก่อนดีกว่า

ว่าแต่ มันคืออะไรล่ะ “หมู่บ้าน Tai O” เป็นหมู่บ้านชาวประมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะลันเตา ตามข้อมูลระบุว่า มีหลักฐานทางโบราณคดีว่าน่าจะมีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคหิน แต่ที่พิสูจน์ได้แบบจริงๆ คือช่วงราวๆ เมื่อ ๓๐๐ ปีที่แล้ว ซึ่งเคยเป็นฐานของการขนถ่ายสินค้าของโจรสลัด ในเวิ้งทะเลนี้ เพราะเป็นสถานที่ซ่อนยันยอดเยี่ยมจากทางภูมิอากาศ แต่ในช่วงหลังพ.ศ.๒๑๔๓ ได้ถูกโปรตุเกสยึดครองเป็นเวลาสั้นๆ ขณะที่ในปี พ.ศ.๒๒๗๒ ช่วงสงคราม Tamao ได้มีการสร้างป้องปราการขึ้นเพื่อป้องกันเรือส่งสินค้า มีการลักลอบขนปืน ยาสูบ ยาเสพติด และพวกหลบหนีเข้าเมือง

ในช่วงที่อังกฤษได้ยึดครองเกาะฮ่องกง Tai O ถูกรู้จักในชื่อของหมู่บ้าน Tanka และหลังยุคปฏิวัติประชาชนในจีน ก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของผู้อพยพหนีเข้าเมืองมาจากแผ่นดินใหญ่ ทั้งชาวจีนฮั่น ฮกเกี้ยน และฮักก้า นอกจากนี้หมู่บ้านดังกล่าวยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลิตเกลืออีกด้วย

การเปลี่ยนแผนไปขึ้นรถเมล์ก็ใช่ว่าเราจะได้โดยสารเลยซะเมื่อไหร่ ก็เพราะมีชาวจีนที่คิดเหมือนเราอีกหลายร้อยคนมายืนต่อแถวรอรถนำสู่ที่หมายเหมือนกับเราเช่นกันแล แต่โชคดีที่แถวไม่ยาวมาก ประกอบกับจำนวนรถที่มีมาก ทำให้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็ได้นั่งรถโดยสารไปสู่หมู่บ้าน Tai O

แต่ ... พอไปถึงกลับต้องเจอเรื่องอันไม่คาดฝัน (จริงๆ คุณดรงค์ ก็ควรสำนึกได้ตั้งแต่เห็นคนรอต่อแถวแล้วนะ) นั่นคือ มวลมหาชนชาวจีนบนพื้นที่หมู่บ้าน แทบจะเดินกันลำบาก เลย

หมู่บ้านนี้เท่าที่ลองเดินดู (แบบเบียดเสียด) ก็รู้สึกว่า ลักษณะ ไม่ได้ต่างกับตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงครามบ้านเราเท่าไหร่ มีบ้านริมน้ำ มีของขาย มีคนเดินเยอะๆ มีทัวร์นั่งเรือพาชมทิวทัศน์ มีศาลเจ้า ต่างกันแค่อัมพวามีบ้านหันหน้าไปทางคลอง มีคนขายของบนเรือ ส่วนของเขาขายบนบก มีวิวที่สวยหน่อยตรงด้านหลังเป็นภูเขาส่วนอาหาร ก็มีทั้งพวกอาหารทะเลแห้งบางชนิด ก็จะมีขายที่นี่ เช่น ม้าน้ำ หอยเชลล์ หอยเป๋าฮื้อ ปลาประหลาดๆ ที่ผมไม่รู้จัก (หรืออาจจะเคยๆ คุ้ยตอนที่กินมันไปแล้ว) อาหารทะเลสดตามร้าน ปลาหมึกและสัตว์น้ำเล็กๆ ย่าง รวมทั้ง ขนม เช่น แซนวิชน้ำผึ้งขนมปังกรอบ แป้งนึ่งมีไส้อยู่ด้านใน พิซซ่าจีน ไปจนถึงวาฟเฟิลบอลชื่อดัง

Tai O เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควร แบ่งเป็น ๓ ส่วนมีคลองที่ทะลุทะเลกั้นกลาง ซึ่งบ้านส่วนใหญ่ก็จะอยู่ริมคลองทั้งนั้น เพราะด้านหลังจะเป็นภูเขา มีตรอกซอกซอยเล็กๆ ให้เดินกันทั่ว ถ้าเดินเลาะริมทะเลก็ยังมีสถาปัตยกรรมจีนให้ได้ชมกัน แต่ผมไม่ได้เดินไปหรอกครับ ต้องรีบทำเวลาไปอีกสถานที่หนึ่ง ไม่งั้นเดี๋ยวเย็นจะอดเที่ยวต่อได้

ท่องเที่ยวจนพอสำรวจครบตามใจหมาย ก็ได้เวลาไปยืนรอรถเมล์มุ่งตรงสู่หมู่บ้านหงองปิง ป้ายรถเมล์ของเขาไม่มีที่นั่งรอและหลังคากันฝนเหมือนกับบ้านเรา ผมจึงต้องแอบไปนั่งตรงขอบรั้วเล็กๆ ตรงที่ป้าย จองคิวเอาไว้ คนที่นี่ระเบียบดีมาก ต่อแถวกันยาวกลางแดด แบบนั้นน่ะ แม้จะแค่ราวๆ ๒๕ องศา แต่ก็ร้อนนะ จนกระทั่งรถเมล์มา ก็ค่อยๆ ทยอยขึ้น นึกถึงสภาพชาติสยาม ถ้าเป็นป่านนี้ล่ะก็คงกรูไปรอที่หน้าประตูแล้วดันมันเข้าไป เบียดแย่งให้ได้ราวกับชาตินี้จะไม่ได้ขึ้นมันอีกแล้วเลย

พูดถึง “หงองปิง (Ngong Ping)” ตามข้อมูลบอกว่า เป็นหมู่บ้านที่เอกชนสร้างขึ้นครับ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของฮ่องกง ตั้งอยู่บนที่ราบสูงฝั่งตะวันตกของเกาะลันเตา โดยมี “พระใหญ่เถียนตัน (Tian Tan Buddha)” องค์พระประธานขนาดยักษ์ สูงกว่า ๓๔ เมตร ที่อยู่บนยอดเขาเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสักการะบูชา นอกจากนี้ยังมี มีศาสนสถาน Po Lin ให้ได้ไปไว้พระและทานอาหารเจ ,แท่งไม้ศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ Wisdom path ,ห้องชมภาพยนต์ เส้นทางตามรอยศาสนาพุทธ,ตำนานแห่งเทพเจ้าวานร ,หมู่บ้านปลูกชา และร้านขายของ (ราคาสูง) ในหมู่บ้านด้วย โดยมีกระเช้าลอยฟ้าจากสถานีรถไฟ Tung Chung ข้ามภูเขามาถึงที่นี่

ผมนั่งรถมาถึงที่หงองปิง ราวๆ สี่โมงเย็น เจอกองทัพชาวจีนยืนกันเต็มพื้นที่ (แต่ไม่ยักกะเจอชาวไทยแหะ สงสัยเขารู้ทันกัน) คิดในใจว่า จะสนุกหรือไม่เนี่ย ความตั้งใจแรกถึงขนาดจะไปเดินบนเส้นทางธรรมชาติ Nai Lek Shan เป็นภูเขาที่อยู่ข้างๆ กับหงองปิงด้วย แต่พอมาถึงตอนนี้ ก็คงได้แค่ขึ้นไปไหว้พระใหญ่ลันเตากระมัง

ท่านใดที่เคยมาเกาะฮ่องกงด้วยทัวร์ หรือมาเอง ผมก็เชื่อว่า ส่วนใหญ่ต้องเคยมาที่นี่แน่นอน และผมก็เป็น ๑ ในนั้น ที่จะต้องมาตามคำบอกเล่าของเขา พอผมมาถึงก็ปรี่ขึ้นไปไหว้พระเลยครับ ด้านหน้าทางเข้าจะมีซุ้มประตูสีขาวสถาปัตยกรรมจีน ส่วนพระใหญ่เถียนตัน อยู่บนยอดเขา ข้างบนจะมองทิวทัศน์บนเกาะลันเตา หมู่บ้านหงองปิงและศาสนสถานอื่นๆ ด้วย ตัวพระองค์ก็ใหญ่จริงๆ ด้านข้างมีรูปหล่อหญิงสาวนั่งถวายดอกบัวแก่องค์พระ ส่วนใต้ฐานพระก็จะมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องราง ให้ได้นำไปบูชากัน และวันนี้ก็มีคนจำนวนมากแห่แออัดขึ้นมาเพื่อสักการะด้วย

ผมเดินจนพอใจแล้วก็กะว่าจะลงไปเที่ยวชมในส่วนอื่นๆ น้องผู้ร่วมทริปก็ทักมาว่า เราคงต้องรีบไปขึ้นกระเช้ากลับลงด้านล่างแล้วล่ะ ไม่งั้นจะถึงสถานีรถไฟสี่ทุ่มแน่นอน ผมจึงต้องจำใจลาเดินไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งมันต้องผ่านหมู่บ้านหงองปิง มองไปรอบๆ ก็ดีครับ มีบ้านเรือนที่สร้างใหม่แต่ใช้สถาปัตยกรรมแบบเก่ามาให้ร้านค้าเช่าขายของขายอาหารกัน หลายคนคงชอบ แต่ผมรู้สึกเฉยๆ เหมือนกำลังเดินศูนย์การค้าชั้นเดียวแถวๆ ถ.ราชพฤกษ์ยังไงก็ไม่รู้

ไปจนถึงที่ขายตั๋ว มีตั๋วสองแบบ คือกระเช้าธรรมดา กับ คริสตัล แล้วมันต่างกันตรงไหน? ต่างกันที่คริสตัลแพงกว่าเกือบเท่าตัว (ธรรมดา ไปอย่างเดียวแปลเป็นเงินไทย ก็เกือบ ๔๐๐ บาท ส่วนคริสตัล เกือบ ๗๐๐ บาท) และตรงพื้นของกระเช้าเป็นกระจกครับ มองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน และที่สำคัญ ผมชะโงกมาดูแถวของกระเช้าธรรมดาแล้ว มันยาวเป็นกิโลเลยล่ะครับ มีคนถือป้ายบอกเวลา ซึ่งมันเขียนว่าอีก ๙๐ นาทีจะได้ไปรอตรงหน้าทางเข้า โอ้ ยอมเสียตังค์แพงดีกว่า แถวของกระเช้าคริสตัลมีคนต่อคิวนิดเดียวจริงๆ

และมันก็เป็นไปตามคาด ผมใช้เวลาไม่เกินสี่สิบห้านาทีถึงได้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า มันก็ดูน่าจะตื่นเต้นล่ะ แต่มันโคตรไม่ตื่นเต้นเลย .... เพราะอะไร เพราะพี่ท่านล่อยัดอัดคนเข้าไปให้เต็มที่นั่งเลย หมุนถ่ายรูปก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ก็ได้เห็นความงามยามพระอาทิตย์ตกดินของพระใหญ่ และบริเวณสนามบินนานาชาติ Chek Lap Kok ผ่านกระเช้าลอยฟ้าที่เขาอ้างว่ายาวที่สุดในเอเชียแห่งนี้ ซึ่งมีระยะทางกว่า ๕.๗ กิโลเมตร ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยเลย

ก็เป็นอีกวันที่มีเรื่องครบรสให้ได้เรียนรู้ถึงประสบการณ์การเดินทางอย่างดีเยี่ยม เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการวางแผนท่องเที่ยวต่อจากวันนี้ พูดง่ายๆ ว่า กลับมาถึงที่พักนี่ต้องมานั่งดูแผนการกันยกใหญ่ว่า .....

เราต้องเผื่อเวลาไว้เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมการด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น