เที่ยวคลองแดน เดินตลาดริมน้ำ ชมบ้านหนังสืออัจฉริยะ ที่เต็มไปของเก่าโบราณ รุ่นคุณทวด ที่คนสมัยใหม่อาจจะไม่รู้จัก และยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม นำทรัพยากรธรรมชาติมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สัมผัสวีถีชุมชนชนบท ชาร์ตแบตเติมพลังกาย สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด อบอุ่นกับการต้อนรับและรอยยิ้มของชาวชุมชน
"เที่ยวท่องล่องใต้" ภูมิใจนำเสนอ กลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นปึกแผ่นของ “ชุมชนวิถีพุทธ” ตลาดริมน้ำคลองแดน ด้วยระบบนิเวศน์ที่ธรรมชาติได้สันสร้าง ประกอบกับผู้คนที่น่ารัก อยู่กันแบบพอเพียง ร่วมอนุรักษ์ของโบราณให้คนรุ่นหลังได้เชยชม เป็นเรื่องราวของชาวชุมชนใน 2 จังหวัดของภาคใต้ ที่มีเพียงแม่น้ำเล็กๆ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติ ระหว่างชุมชน คลองแดนเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่สุดเขตจังหวัดสงขลา ในเขตตำบลคลองแดน อำเภอระโนด กับตำบลรามแก้ว อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอะไรมากมายชวนให้หลงใหล
พิกัด คลองแดน
ชุมชนคลองแดน ตั้งอยู่ที่ทางทิศเหนือของอำเภอเมืองสงขลา ประมาณ 100 กิโลเมตร (กม. 15 จากแยกบ้านรับแพรก - ระโนด) และมีระยะทางจากอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชไปทางทิศใต้ประมาณ 100 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่าชุมชนคลองแดน มีที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางระหว่างจังหวัดสงขลากับ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อเราไปถึง ได้เจอกับ “ครูสายัณห์” เจ้าถิ่นให้การต้อนรับอย่างดี ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกัน และพาเดินชม แหล่งเก็บของโบราณ หรือเรียกได้ว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ เลยก็ว่าได้ นายสายัณห์ ชลสาคร หรือครูสายัณห์ เป็นข้าราชการบำนาญ อดีตข้าราชครู ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ คือ ตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนวัดฉิมหลา อ.หัวไทร
ครูสายัณห์ เล่าว่า สมัยก่อนตลาดที่ชุมชนคลองแดนเคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองมาก มีร้านทอง ร้านตัดเสื้อผ้า ร้านขายของชำ ร้านยา ร้านตัดผม มีโรงสี นับได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลยทีเดียว สมรภูมิเหมาะกับการค้าขาย คนจีนก็ฉลาดได้ชักชวนญาติพี่น้องมาอาศัยอยู่ที่นี่เพิ่มมากขึ้น มีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่กันอย่างหนาแน่นตลอดแนวริมน้ำคลองแดน คลองระโนด คลองชะอวดและคลองปากพนัง จนกระทั่งเมื่อทางหลวงสาย 408 เริ่มใช้งาน ทำให้ความนิยมในการใช้การสัญจรทางน้ำลดลง คนเริ่มอพยพออกจากพื้นที่ จนปัจจุบันไม่มีการใช้การสัญจรทางน้ำอีกเลย
จากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2552 เจ้าอาวาสวัดคลองแดน มีความคิดที่อยากจะพัฒนาวัดให้มีความเจริญเหมือนแต่เก่าก่อน เลยได้ไปหาผู้ที่มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรม ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ดร.จเร สุวรรณชาติ จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาได้พอสมควร และได้มาสัมผัสกับชุมชนในตลาดริมน้ำคลองแดนซึ่งเป็นตลาดที่ทรุดโทรมมาก แต่ยังคงมีร่องรอย และได้สอบถามถึงชาวได้ จึงได้ทราบถึงความรุ่งเรื่องในสมัยก่อน จึงอยากจะปรับปรุงพัฒนาให้เหมือนแต่ก่อน ก็ได้ประสานไปยังการเคหะแห่งชาติ เพื่อจะของบมาช่วยสนับสนุน จึงได้เชิญชวนชาวชุมชนคลองแดนได้ไปศึกษาดูงานที่ ตลาดน้ำอัมพวา และสามชุก
“ครูสายัณห์” เป็นหนึ่งในชาวชุมชนที่ได้ไปร่วมงานครั้งนั้นด้วย เมื่อไปเห็นก็มีกำลังใจที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิด โดยแบ่งหน้าที่กันตามความถนัด ครูสายัณห์ ได้รับหน้าที่ในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ส่วนคนอื่นๆ ก็ดูเรื่องด้านการตลาด การบริหาร ครูสายัณห์ กลับมาพัฒนาบ้านของตนเอง บ้านครูสายัณห์ จึงเป็นโฮมสเตย์ หลังแรก ของชุมชนคลองแดน จนปัจจุบันมีโฮมสเตย์ รองรับนักท่องเที่ยวถึง 8 หลัง และเกิดเป็นตลาดริมน้ำคลองแดนที่คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทำให้ชาวชุมชนมีรายได้
ส่วนที่มาของ สโลแกนที่ว่า “สามคลอง สองเมือง” มีที่มาว่า มีลำคลองธรรมชาติ 3 ลำคลองที่มาบรรจบกัน คือ ลำคลองสายแรกไหลสู่ อ.หัวไทร และ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ลงไปทางใต้ เป็นลำคลองไหลสู่ อ.ระโนด จ.สงขลา จนไหลสู่ทะเลสาบสงขลา ส่วนลำคลองทางทิศตะวันตกไหลสู่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ก่อนจะไปเดินชมตลาดริมน้ำ เราขอแวะเข้าไปชม “ครูสายัณห์ โฮมสเตย์” กันก่อน ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี ตกทอดมาถึง 4 ชั่วอายุคน โฮมสเตย์ หลังนี้เป็นมากกว่าบ้านพัก หรือที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ ครูสายัณห์ ได้เก็บรวบรวมของเก่า ของโบราณ สมัยปู่ย่าตายาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันของคนสมัยก่อน ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้ชมอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ ย่อมๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อเข้าไป เราจะไม่เห็นมีข้อความเขียนคำอธิบาย เพราะครูสายัณห์ บอกว่า อยากจะเป็นคนถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาชมด้วยตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น บ้านหลังนี้ยังเป็น “บ้านหนังสืออัจฉริยะ” อีกด้วย
ออกจากบ้าน ครูสายัณห์ ไปเดินชมตลาด สิ่งที่ประทับใจคือ สะพานไม้ ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ บรรยากาศตอนเย็นช่างสุขใจ เดินไปตามแนวสะพาน สักประมาณ 100 เมตร ถึงกับตะลึง! เสียงที่ได้ยินเป็นเพลงบรรเลงดนตรีไทยมันไม่ใช่เสียงจากแผ่นเสียง แต่เป็นการเล่นดนตรีสดๆ โดยมีลานที่เชื่อมกับสะพานทางเดิน มีคุณลุงประมาณ 8 ท่าน นั่งเล่นดนตรีไทย ทั้งระนาด ปี่ ซอ กลอง ไวโอลิน บรรเลงให้ผู้มาเยือนฟังกันแบบสดๆ นับเป็นอีกหนึ่งอย่างที่หาดูได้ยาก และทำให้เราหลงใหลคลองแดนเพิ่มขึ้นอีก
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า มีโชว์รำมโนราห์ บนสะพานสองฝั่ง เป็นมโนราห์ตัวน้อย ที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นเอง ร่ายรำได้อ่อนช้อยงดงาม มีเสียงปรบมือจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลามเป็นกำลังใจให้กับมโนราห์ตัวน้อย
เมื่อพลบค่ำ แสงไฟจากร้านรวงต่างๆ ที่ตั้งเป็นแนวอยู่ริมคลองแดน สวยงามมาก มีโต๊ะ ปูเสื่อ ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำบรรยากาศชายคลอง พร้อมด้วยมีอาหารให้เลือกสรรมากมาย เป็นอาหารและขนมพื้นเมือง เช่น ข้าวยำ ขนมจีน เต้าคั่ว โจ๊กข้าวสังข์หยด และขนมแปลกๆ อีกหลากหลาย เลือกรับประทานได้ตามใจชอบ แล้วนำมานั่งทานที่ริมคลอง คุยกันไปทานกันไป ได้บรรยากาศพักผ่อนที่สดชื่น ปอดสดใส สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่
สิ่งที่ชาวคลองแดนได้รับหลังจากทุกคนร่วมร่วมใจกันพัฒนา ปรับปรุงตลาด ให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง อย่างแรกคือ การได้ปรับปรุงบ้านเรือนของตัวเองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั่งเดิมเอาไว้ ส่วนด้านรายได้ ทุกครัวเรือนมีรายได้เสริม พร้อมทั้งยังได้มอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยว จากการที่ได้มาเที่ยวที่นี่ ได้มาสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม แบบวิถีพุทธ “เมื่อนักท่องเที่ยวมีความสุข ชาวคลองแดนก็มีความสุขด้วย” นี่คือสิ่งที่ชาวคลองแดนภาคภูมิใจ
สำหรับตลาดริมน้ำคลองแดน มีเฉพาะวันเสาร์ เท่านั้น ตลาดเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 15.30 น. จนถึงประมาณ 21.00 น. แต่ในส่วนของที่พัก หรือโฮมสเตย์ มีให้บริการทุกวัน เพียงราคาท่านละ 200 บาท ต่อคืน คุ้มเกินคุ้มสำหรับการพักผ่อนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเกรียงไกร อันตพงศ์ ประธานชุมชน โทร. 089-2315281 คุณอภิชาต เหมือนทอง โทร.086-9582776 หรือ “ครูสายัณห์” 081-8967352 (สายัณห์โฮมสเตย์)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง "หาของกินหรอยๆ ที่ตลาดริมน้ำคลองแดน"
"เที่ยวท่องล่องใต้" ภูมิใจนำเสนอ กลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นปึกแผ่นของ “ชุมชนวิถีพุทธ” ตลาดริมน้ำคลองแดน ด้วยระบบนิเวศน์ที่ธรรมชาติได้สันสร้าง ประกอบกับผู้คนที่น่ารัก อยู่กันแบบพอเพียง ร่วมอนุรักษ์ของโบราณให้คนรุ่นหลังได้เชยชม เป็นเรื่องราวของชาวชุมชนใน 2 จังหวัดของภาคใต้ ที่มีเพียงแม่น้ำเล็กๆ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติ ระหว่างชุมชน คลองแดนเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่สุดเขตจังหวัดสงขลา ในเขตตำบลคลองแดน อำเภอระโนด กับตำบลรามแก้ว อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอะไรมากมายชวนให้หลงใหล
พิกัด คลองแดน
ชุมชนคลองแดน ตั้งอยู่ที่ทางทิศเหนือของอำเภอเมืองสงขลา ประมาณ 100 กิโลเมตร (กม. 15 จากแยกบ้านรับแพรก - ระโนด) และมีระยะทางจากอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชไปทางทิศใต้ประมาณ 100 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน จึงกล่าวได้ว่าชุมชนคลองแดน มีที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางระหว่างจังหวัดสงขลากับ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อเราไปถึง ได้เจอกับ “ครูสายัณห์” เจ้าถิ่นให้การต้อนรับอย่างดี ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกัน และพาเดินชม แหล่งเก็บของโบราณ หรือเรียกได้ว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ เลยก็ว่าได้ นายสายัณห์ ชลสาคร หรือครูสายัณห์ เป็นข้าราชการบำนาญ อดีตข้าราชครู ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ คือ ตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนวัดฉิมหลา อ.หัวไทร
ครูสายัณห์ เล่าว่า สมัยก่อนตลาดที่ชุมชนคลองแดนเคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองมาก มีร้านทอง ร้านตัดเสื้อผ้า ร้านขายของชำ ร้านยา ร้านตัดผม มีโรงสี นับได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลยทีเดียว สมรภูมิเหมาะกับการค้าขาย คนจีนก็ฉลาดได้ชักชวนญาติพี่น้องมาอาศัยอยู่ที่นี่เพิ่มมากขึ้น มีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่กันอย่างหนาแน่นตลอดแนวริมน้ำคลองแดน คลองระโนด คลองชะอวดและคลองปากพนัง จนกระทั่งเมื่อทางหลวงสาย 408 เริ่มใช้งาน ทำให้ความนิยมในการใช้การสัญจรทางน้ำลดลง คนเริ่มอพยพออกจากพื้นที่ จนปัจจุบันไม่มีการใช้การสัญจรทางน้ำอีกเลย
จากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2552 เจ้าอาวาสวัดคลองแดน มีความคิดที่อยากจะพัฒนาวัดให้มีความเจริญเหมือนแต่เก่าก่อน เลยได้ไปหาผู้ที่มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรม ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ดร.จเร สุวรรณชาติ จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาได้พอสมควร และได้มาสัมผัสกับชุมชนในตลาดริมน้ำคลองแดนซึ่งเป็นตลาดที่ทรุดโทรมมาก แต่ยังคงมีร่องรอย และได้สอบถามถึงชาวได้ จึงได้ทราบถึงความรุ่งเรื่องในสมัยก่อน จึงอยากจะปรับปรุงพัฒนาให้เหมือนแต่ก่อน ก็ได้ประสานไปยังการเคหะแห่งชาติ เพื่อจะของบมาช่วยสนับสนุน จึงได้เชิญชวนชาวชุมชนคลองแดนได้ไปศึกษาดูงานที่ ตลาดน้ำอัมพวา และสามชุก
“ครูสายัณห์” เป็นหนึ่งในชาวชุมชนที่ได้ไปร่วมงานครั้งนั้นด้วย เมื่อไปเห็นก็มีกำลังใจที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิด โดยแบ่งหน้าที่กันตามความถนัด ครูสายัณห์ ได้รับหน้าที่ในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ส่วนคนอื่นๆ ก็ดูเรื่องด้านการตลาด การบริหาร ครูสายัณห์ กลับมาพัฒนาบ้านของตนเอง บ้านครูสายัณห์ จึงเป็นโฮมสเตย์ หลังแรก ของชุมชนคลองแดน จนปัจจุบันมีโฮมสเตย์ รองรับนักท่องเที่ยวถึง 8 หลัง และเกิดเป็นตลาดริมน้ำคลองแดนที่คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทำให้ชาวชุมชนมีรายได้
ส่วนที่มาของ สโลแกนที่ว่า “สามคลอง สองเมือง” มีที่มาว่า มีลำคลองธรรมชาติ 3 ลำคลองที่มาบรรจบกัน คือ ลำคลองสายแรกไหลสู่ อ.หัวไทร และ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ลงไปทางใต้ เป็นลำคลองไหลสู่ อ.ระโนด จ.สงขลา จนไหลสู่ทะเลสาบสงขลา ส่วนลำคลองทางทิศตะวันตกไหลสู่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ก่อนจะไปเดินชมตลาดริมน้ำ เราขอแวะเข้าไปชม “ครูสายัณห์ โฮมสเตย์” กันก่อน ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี ตกทอดมาถึง 4 ชั่วอายุคน โฮมสเตย์ หลังนี้เป็นมากกว่าบ้านพัก หรือที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ ครูสายัณห์ ได้เก็บรวบรวมของเก่า ของโบราณ สมัยปู่ย่าตายาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันของคนสมัยก่อน ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้ชมอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ ย่อมๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อเข้าไป เราจะไม่เห็นมีข้อความเขียนคำอธิบาย เพราะครูสายัณห์ บอกว่า อยากจะเป็นคนถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาชมด้วยตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น บ้านหลังนี้ยังเป็น “บ้านหนังสืออัจฉริยะ” อีกด้วย
ออกจากบ้าน ครูสายัณห์ ไปเดินชมตลาด สิ่งที่ประทับใจคือ สะพานไม้ ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ บรรยากาศตอนเย็นช่างสุขใจ เดินไปตามแนวสะพาน สักประมาณ 100 เมตร ถึงกับตะลึง! เสียงที่ได้ยินเป็นเพลงบรรเลงดนตรีไทยมันไม่ใช่เสียงจากแผ่นเสียง แต่เป็นการเล่นดนตรีสดๆ โดยมีลานที่เชื่อมกับสะพานทางเดิน มีคุณลุงประมาณ 8 ท่าน นั่งเล่นดนตรีไทย ทั้งระนาด ปี่ ซอ กลอง ไวโอลิน บรรเลงให้ผู้มาเยือนฟังกันแบบสดๆ นับเป็นอีกหนึ่งอย่างที่หาดูได้ยาก และทำให้เราหลงใหลคลองแดนเพิ่มขึ้นอีก
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า มีโชว์รำมโนราห์ บนสะพานสองฝั่ง เป็นมโนราห์ตัวน้อย ที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นเอง ร่ายรำได้อ่อนช้อยงดงาม มีเสียงปรบมือจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลามเป็นกำลังใจให้กับมโนราห์ตัวน้อย
เมื่อพลบค่ำ แสงไฟจากร้านรวงต่างๆ ที่ตั้งเป็นแนวอยู่ริมคลองแดน สวยงามมาก มีโต๊ะ ปูเสื่อ ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำบรรยากาศชายคลอง พร้อมด้วยมีอาหารให้เลือกสรรมากมาย เป็นอาหารและขนมพื้นเมือง เช่น ข้าวยำ ขนมจีน เต้าคั่ว โจ๊กข้าวสังข์หยด และขนมแปลกๆ อีกหลากหลาย เลือกรับประทานได้ตามใจชอบ แล้วนำมานั่งทานที่ริมคลอง คุยกันไปทานกันไป ได้บรรยากาศพักผ่อนที่สดชื่น ปอดสดใส สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่
สิ่งที่ชาวคลองแดนได้รับหลังจากทุกคนร่วมร่วมใจกันพัฒนา ปรับปรุงตลาด ให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง อย่างแรกคือ การได้ปรับปรุงบ้านเรือนของตัวเองให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั่งเดิมเอาไว้ ส่วนด้านรายได้ ทุกครัวเรือนมีรายได้เสริม พร้อมทั้งยังได้มอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยว จากการที่ได้มาเที่ยวที่นี่ ได้มาสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม แบบวิถีพุทธ “เมื่อนักท่องเที่ยวมีความสุข ชาวคลองแดนก็มีความสุขด้วย” นี่คือสิ่งที่ชาวคลองแดนภาคภูมิใจ
สำหรับตลาดริมน้ำคลองแดน มีเฉพาะวันเสาร์ เท่านั้น ตลาดเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 15.30 น. จนถึงประมาณ 21.00 น. แต่ในส่วนของที่พัก หรือโฮมสเตย์ มีให้บริการทุกวัน เพียงราคาท่านละ 200 บาท ต่อคืน คุ้มเกินคุ้มสำหรับการพักผ่อนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเกรียงไกร อันตพงศ์ ประธานชุมชน โทร. 089-2315281 คุณอภิชาต เหมือนทอง โทร.086-9582776 หรือ “ครูสายัณห์” 081-8967352 (สายัณห์โฮมสเตย์)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง "หาของกินหรอยๆ ที่ตลาดริมน้ำคลองแดน"