xs
xsm
sm
md
lg

คนปักษ์ใต้เปลี่ยนประเทศไทยได้

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ผลผลิตของภาคใต้ทั้งยางปาล์มกุ้งอาหารทะเลแปรรูปดีบุกถุงมือยางเฟอร์นิเจอร์ไม้ ฯลฯ ตีคร่าวๆ เป็นเลขกลมๆ ทำรายได้ให้ประเทศราว 3-4 แสนล้านยังไม่นับรวมรายได้จากการท่องเที่ยวอีกร่วมล้านล้าน แต่ถนนเส้นหลักที่รองรับกิจกรรมมูลค่ามหาศาลเหล่านี้คือเพชรเกษม-เอเชียกลับเป็นเส้นที่ทรุดโทรมที่สุด เป็นหลุมเป็นบ่อขับแบบหัวโยกหัวคลอน ต่างจากเส้นอีสาน-เหนืออย่างชัดเจน

พูดอย่างเป็นธรรม อันนี้นอกจากต้องโทษทุกพรรคการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาธิปัตย์ที่ได้ฐานคะแนนจากภาคใต้แท้ๆ กลับไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ถนนเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สุด ส่วนพรรคเพื่อไทยยิ่งไปกันใหญ่เพราะธรรมเนียมของพรรคนี้เดินตามนโยบายนายใหญ่ที่เคยประกาศว่าพื้นที่ไหนเลือกเราจะได้รับการดูแลก่อน

เหนืออีสานคนหนาแน่นกว่าเป็นฐานเสียงสำคัญรวมแล้ว 30 ล้านคนมีอะไรก็เทไปโน่นก่อนแต่ภาคใต้ประชากรน้อยแค่ 10 ล้านที่สำคัญเป็นฐานของพรรคอื่น ก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็นจำนำข้าวกับการเจียดพยุงราคายางพาราแตกต่างราวฟ้ากับเหว

การจัดสรรทรัพยากรตามใจนักการเมืองโดยระบบการเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นปัญหา...เพราะใครชนะเลือกตั้งได้กินรวบทั้งหมด

นั่นเพราะรายได้ภาษีต่างๆ ของทั่วประเทศถูกดูดเข้าส่วนกลาง อำนาจการตัดสินใจให้สัมปทานขุดแร่ดูดทรายระเบิดหินตั้งโรงงานอุตสาหกรรมตรงจุดไหนก็อยู่ที่ส่วนกลาง อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายก็อยู่ส่วนกลาง การจัดเก็บรายได้อื่นๆ ทั้งหมดก็ถูกส่งไปรวมส่วนกลางจะมีบ้างก็แค่ภาษีท้องถิ่นน้อยมากราว 10% ของงบประมาณแต่ละปี แล้วก็รอให้นักการเมืองมาจัดสรรเค้กก้อนใหญ่ส่วนกลางก้อนนั้นเอาตามชอบของมันโดยไม่แคร์ว่าตรงไหนสมควรจะได้ก่อนหลังอย่างไร

เพราะระบบกินรวบแบบนี้ปลอดประสพถึงกล้าประกาศไงว่าศูนย์ประชุมนานาชาติมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท(ซึ่งในจำนวนนั้นมันก็ภาษีจากคนภาคใต้รวมในนั้นด้วย) ต้องไปสร้างที่เชียงใหม่แล้วก็ยังเยาะเย้ยถากถางคนภูเก็ตทำนองไม่ให้มีอะไรมั้ย..หยามหัวใจกันเล่นอีกต่างหาก

ทักษิณและเครือข่ายการเมืองของเขาใช้ประโยชน์จากช่องว่างของรัฐธรรมนูญ 2540 ได้อำนาจรัฐแล้วฮุบทำลายการตรวจสอบถ่วงดุลเถลิงอำนาจใหม่ขึ้นมาและก็ใช้ประโยชน์จากระบบการบริหารราชการแบบรวมศูนย์ของไทยฮุบประเทศทั้งประเทศ

คิดดูสิได้อำนาจรัฐที่กรุงเทพฯ แต่สามารถชี้นิ้วตั้งผู้ว่าฯ ผู้การตำรวจ หัวหน้าหน่วยราชการในต่างจังหวัดทุกหน่วย ให้ก้มลงรับใช้การเมือง ...เอาระบบราชการไปเป็นทาส แทนที่จะเป็นแค่กลไกบริหารจัดการตามหลักที่ควรเป็น

คนชนะเลือกตั้งเลยกินรวบทั้งประเทศ คิดจะเอาผู้ว่าแดงไปเป็นผู้ว่านครศรีฯก็ได้ คิดจะสั่งให้ไล่ทุบไล่ตีใครแม้จะผิดแต่ข้าราชการก็ทำตาม คิดจะเอาเงินภาษีไปให้พวกของตัวเองมากกว่า ไปสร้างอะไรที่ไหนทำตามใจได้ทั้งหมด

ระบบบริหารราชการแบบรวมศูนย์ติดปีกให้กับฝ่ายการเมืองสามานย์โดยแท้ !

คนปักษ์ใต้เชื่อหรือไม่ครับว่า หากเราเรียกร้องให้กระจายอำนาจ ปรับการบริหารราชการแบบรวมศูนย์มาเป็นการกระจายอำนาจ เหมือนกับยึดตะบองจากยักษ์ จะทำให้นักการเมืองทุนสามานย์หมดอำนาจง่อยเปลี้ยกลายเป็นยักษ์ถือไม้จิ้มฟันไปในทันที

ปัจจุบันเขาใช้เงินงบประมาณปีละ 2.5 ล้านล้านบาทบวกอำนาจโยกย้ายข้าราชการทั้งประเทศ แต่หากกระจายอำนาจขึ้นมา จะมีผลให้รัฐบาลกลางเล็กลง คณะรัฐมนตรีอาจมีเงินใช้แค่ไม่ถึงปีละ 1 ล้านล้านบาท และไม่มีอำนาจโยกย้ายจะตั้งผู้ว่าเสื้อแดงไปกดหัวประชาชนที่ไหนก็ไม่ได้เพราะเขาเลือกตั้งกันเองทุกจัดหวัด เงินงบประมาณกระจายตรงลงสู่จังหวัดให้คิดสร้างทำกันเอง เงินบำรุงถนนตัดท่อตรงมายังท้องถิ่นไม่ผ่านกรมทางหลวงเพราะปกติกรมทางหลวงมักจะถูกนักการเมืองกดดันให้ไปลงบ้านอั๊วะเยอะๆ

คนใต้จะเอาชนะการเมืองสามานย์ได้แบบถาวรจะต้องสู้ให้เกิดกระจายอำนาจเต็มรูปครับ !

*************

ระบบการเมืองการบริหารของไทยเป็นระบบรวมศูนย์นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ซึ่งแท้จริงก็อิงจากฐานการจัดการบริหารตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

การรวมศูนย์หรือกระจายออกมีจุดแข็งจุดอ่อนในตัวของมันเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมและยุคสมัย เมื่อ 100 ปีก่อนรัชกาลที่ 5 ท่านทรงรวมศูนย์อำนาจเข้ามาทำให้สยามเข้มแข็งท่ามกลางลัทธิอาณานิคม แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยแล้วปรัชญา กรอบคิดต่างๆ ในการบริหารจัดการบ้านเมืองย่อมต้องเปลี่ยนไปด้วย ประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลายให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมากกว่ารวบอำนาจ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่าการเรียกร้องกระจายอำนาจปกครองตนเองหรือที่สมัยใหม่เรียกจังหวัดจัดการตนเองนั้นเป็นการแบ่งแยกประเทศ สลายความเป็นรัฐเดี่ยว จะสร้างสหพันธรัฐขึ้นมา...ว่าไปโน่น ! ไม่ใช่เลยครับประเทศรัฐเดี่ยวที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเหมือนของไทยมากมายที่เขากระจายอำนาจกันแล้วยิ่งโตเอาๆ

อย่าไปยกอังกฤษ ฝรั่งเศสเลยนะมันไกล เอาแค่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นไงครับ สองประเทศนี้กระจายอำนาจเต็มพื้นที่แถมยิ่งกระจายเศรษฐกิจยิ่งเจริญเอาๆ ญี่ปุ่นนั้นน่ะถูกอเมริกาเข้ามาจัดการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้หลังแพ้สงคราม อเมริกากลัวลัทธิทหารจะฟื้นขึ้นมาเลยออกแบบการบริหารราชการให้ส่วนกลางเล็กท้องถิ่นโต ให้กระจายอำนาจ-กระจายงบประมาณไปสู่ท้องถิ่นการจัดสินใจใด ๆ อยู่ที่ท้องถิ่นเป็นหลักซึ่งก็เริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ กระจายออกมาเรื่อยๆ จนปัจจุบัน

เกาหลีใต้นี่เพิ่งปฏิรูปการเมืองราว 2530-2535 เค้าปรับจากกระจุกมาเป็นกระจาย ให้ท้องถิ่นโตและเอาจริงกับการคอรัปชั่น เอาผิดอดีตผู้นำได้หลายคน แล้วเป็นไงครับเกาหลีใต้กลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของเอเชียผงาดเท่ากับญี่ปุ่นไปแล้วแถมซัมซุงก็ไปซัดกับแอปเปิ้ลด้วยซ้ำขึ้นชั้นระดับโลกไปแล้ว

ผมจำไม่ได้ว่าเห็นสถิตินี้มาจากไหนเค้าบอกว่าประเทศที่เขาหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางทะลุเพดานขึ้นเป็นประเทศพัฒนาแล้วนั้นน่ะเป็นประเทศที่กระจายอำนาจเป็นส่วนใหญ่ จริงไม่จริงไม่รู้แต่เกาหลีใต้ปฏิรูปการเมืองให้เกิดกระจายอำนาจก็โตพรวดๆ ทิ้งไทยลิบไปแล้ว

สำหรับประเทศไทยเรา เงินงบประมาณที่มาจากภาษีต่างๆ ของประเทศปีละ 2.5 ล้านล้านบาทนั้นน่ะเป็นงบประจำถึง 80% หมายความว่าถูกจัดสรรให้กระทรวงกรมหน่วยงานต่างๆ ไปดำเนินการกัน แล้วก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันใช้เงินผลาญเล่นโดยไม่มีผลผลิตจริงระบบราชการใช้เงินในแบบที่ภาคเอกชนเข้าไม่ทำกัน จัดอีเวนท์ ทำพีอาร์ละลายเงินเล่น ส่วนที่เหลือเป็นงบพัฒนาที่ต้องมาตอบสนองฝ่ายการเมืองให้เอาลงพื้นที่ตัวเองเป็นสำคัญ

สมมติว่าหากมีการกระจายอำนาจออกมา อำนาจในการจัดการของระดับกรมส่วนใหญ่กระจายไปยังจังหวัด จังหวัดใครจังหวัดมัน การตัดสินใจดำเนินการโครงการต่างๆ ย่อมต้องคิดถึงความคุ้มค่าในพื้นที่จังหวัดเป็นสำคัญ การละลายเงินเล่นก้อนใหญ่จะน้อยลงประสิทธิภาพตอบสนองพื้นที่มากขึ้น ผู้บริหารของจังหวัดต้องการสร้างผลงานให้ตนได้รับเลือกในอีก 4 หรือ 5 ปีข้างหน้าย่อมต้องใช้เงินให้เกิดผล อย่างน้อยที่สุดถนนหนทางเป็นหลุมบ่อไม่ได้เลย การแต่งตั้งโยกย้ายในจังหวัดรวมทั้งตำรวจขึ้นกับผู้ว่าจากการเลือกตั้ง ใครทำไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าลงถังขยะทั้งผู้ว่าฯ ผู้การตำรวจ

กระจายอำนาจแล้วส่วนกลางจะเล็กลง อำนาจน้อยลง เงินน้อยลง แล้วหยั่งงี้พรรคการเมืองที่แข่งกันเอาเป็นเอาตายปั่นหัวมวลชนบนถนนมาหนุนตัวเองใช้เงินเป็นหมื่นล้านเพื่อเอาชนะเลือกตั้งมันจะแข่งกันไปทำไมเพราะเค้กให้บริหารจัดการเหลือน้อยลง มีแค่การต่างประเทศ การเงินคลังดูแลเสถียรภาพค่าเงิน การทหารความมั่นคงแล้วก็เป็นหน่วยประสานงานบูรณาการพัฒนาส่วนกลาง หน่วยวางแผน หน่วยวิจัยเหมือนที่บ้านอื่นเมืองอื่นเขามีซึ่งจะว่าไปแล้วเป็นปริมาณผลประโยชน์หยุมหยิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่เคยมี

จะคิดสร้างถนนก็โอนให้กับท้องถิ่นไปแล้ว เหลือแค่ถนนหลวง ทางด่วนพิเศษ 5-6 เส้นที่ต้องดูแล จะโยกย้ายใครหาเงินหัวคิวก็ไม่ได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพรรคการเมืองจะปรับตัวส่งคนลงสมัครท้องถิ่นเพื่อรักษาฐานเงินฐานอำนาจแต่ที่สุดแล้วผู้บริหารท้องถิ่นก็ยังต้องฟังประชาชนของตัวเองด้วย ไม่เหมือนผู้ว่าฯ ผู้การฯ หัวหน้าหน่วยในปัจจุบันที่ไม่ฟังประชาชนตัวเองเลย

การกระจายอำนาจคือการพลิกประเทศไทยให้เป็นยุคของการเมืองที่เห็นหัวประชาชน จังหวัดที่มีเงินมากเช่นสมมติว่าสงขลาได้งบรวมกันราวปีละ 3 หมื่นล้าน ย่อมต้องหาทางสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราที่รับผลผลิตชาวบ้านได้โดยตรง เพราะรู้ดีว่าฐานเสียงของตนมาจากชาวสวน จังหวัดอาจจะแทรกแซงรับซื้อโดยตรงรอเวลาราคาสูงค่อยส่งออกภายหลัง ฯลฯ เมื่อชาวสุราษฏร์ฯเห็นสงขลาทำได้ก็เรียกร้องให้จังหวัดของตนทำบ้าง ถ้าผู้บริหารไม่ทำก็ไม่ได้รับเลือกเหล่านี้ย่อมดีกว่า ให้พรรคการเมืองที่กรุงเทพฯ คิดจัดการแทนแบบรวมศูนย์

ปัจจุบันกระแสเรียกร้องให้กระจายอำนาจเกิดจังหวัดจัดการตนเองก่อตัวมานานพอสมควร หลายจังหวัดร่างกฎหมายกันแล้ว และทราบว่าคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายก็กำลังยกร่างกฎหมายกลางให้เกิดการกระจายอำนาจแนวใหม่นี้อยู่

หากจังหวัดหนึ่งจังหวัดใด หรือพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดเริ่มต้นกระจายอำนาจเป็นจังหวัดจัดการตนเองได้เป็นปฐม เชื่อแน่ว่าการเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบโดมิโนก็จะตามมาจนกลายเป็นกระจายอำนาจเต็มรูปในที่สุด

ถ้าคนปักษ์ใต้คิดจะเอาชนะนักการเมืองพันธุ์ที่กำลังบริหารบ้านเมืองอยู่การรณรงค์ให้เกิดการกระจายอำนาจปกครองตัวเองตามที่รัฐธรรมนูญรองรับสิทธิ์ไว้ให้เป็นจริงให้ได้จะเท่ากับเอาลิ่มไปตอกอกผีร้ายที่ชื่อว่า “การเมืองสามานย์รวมศูนย์กินรวบ” ให้ตายไปกับมือ แล้วก็สร้างการเมืองการปกครองแบบใหม่ที่เห็นหัวประชาชนขึ้นมาแทนที่

นี่คือการแก้ปัญหาปาล์ม ปัญหายาง ปัญหาถูกละเลย ปัญหาสาธารณูปโภค ปัญหาข้าราชการไม่เห็นหัวประชาชนฯลฯ ได้ตรงจุดและยั่งยืนที่สุด.. พี่น้องเห้ย !
กำลังโหลดความคิดเห็น