วันก่อนผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ต้องแนะนำให้กับท่านนายก ยิ่งลักษณ์ได้หาเวลาดูนะครับ เผื่อว่าหากท่านนายกได้ดูละก็ท่านนายกจะอินไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้
บางคนคงเบื่อว่าผมนี่ชอบหยิบหนังหรือเพลง หรือเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องการเมือง อย่าเพิ่งเบื่อนะครับวันนี้มีเรื่องจากภาพยนตร์อีกแล้ว และเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดูเมื่อเข้าฉายในโรง ต้องซื้อแผ่นมาดูทีหลัง แต่เพราะเป็นหนังจากวรรณกรรมอมตะของนักเขียนเอกของโลกชาวรัสเซีย ถ้าไม่ได้ดูก็น่าเสียดาย และอดนำมาเล่าไม่ได้ ผมว่าถ้าเปิดใจให้กว้าง สาระความรู้มีอยู่รอบตัว ภาพยนตร์ดีๆก็ให้ความรู้และแฝงเนื้อหาสาระให้เราได้คิดตามครับ
ผมกำลังพูดถึง อันนา คาเรนินา (Anna Karenina) ภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันนี้ ซึ่งต้องแอบสารภาพว่าแม่ผมยุให้อ่านมาเป็นสิบปีแล้ว เพราะเป็นหนังสือที่ให้นักศึกษาอ่าน แต่ผมไม่ได้อ่านสักทีเพราะเล่มมันหนามาก หนาถึง 902 หน้า จนอยากจะเอามานอนหนุนแทนตักสาวๆ แล้วให้มันดูดซึมเข้าหัวสมองไปเลยทีเดียว หนังสือเล่มนี้เขียนโดยเลโอ ตอลสตอย นักประพันธ์ชาวรัสเซีย
ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นตอน ๆ นับจากปี ค.ศ. 1873 (พ.ศ. 2415) ถึงปี ค.ศ. 1877 (พ.ศ. 2419) ในนิตยสาร The Russian Messenger ของรัสเซีย ว่ากันว่า ตอลสตอยมีปัญหากับบรรณาธิการนิตยสาร มิคาอิล คัทคอฟ เกี่ยวกับตอนอวสานของเรื่อง แต่ท้ายที่สุดแล้วนวนิยายเล่มนี้ก็ได้ตีพิมพ์ในรูปเล่มหนังสือในปี ค.ศ. 1878 (พ.ศ. 2420)
วรรณกรรมของตอลสตอยเล่มนี้ ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกในยุคสมัยของเราในปี 2012 ซึ่งจริงๆแล้วหนังสือเล่มนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว 2 หน คือในปี 1935 และ 1948
ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย จูดย์ ลอว์ และเคียร่า ไนคท์ลี่ย์ สองนักแสดงเจ้าบทบาท แห่งวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด
เรื่องย่อของภาพยนตร์มีดังนี้ครับ อันนา คาเรนินา (เป็นภรรยาของ อเลกซี) ตั้งใจเดินทางจากเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มาที่กรุงมอสโคว เพื่อเยี่ยมพี่ชายตนเอง (สเตฟาน โอบรอนสกี้) เนื่องจากทราบข่าวว่า พี่ชายกำลังมีเรื่องระหองระแหงกับภรรยา (ดอลลี่) และเพื่อช่วยหาทางไกล่เกลี่ย เพราะอันนากับพี่ชายนั้นมีความสนิทสนมและให้ความเคารพเชื่อฟังต่อกันอยู่ไม่น้อย แต่การเดินทางมาในครั้งนี้กลับทำให้เธอได้รู้จักและเป็นชู้รักกับ เคานท์ วรอนสกี้ ชายหนุ่มรูปงามและขุนนางในสังคมชั้นสูงของรัสเซีย ทั้งที่ วรอนสกี้ กำลังมาติดพันอยู่กับ กิตตี้ น้องภรรยาของพี่ชายอันนา อันนาเริงสวาทกับชู้รักนำพาชีวิตไปสู่ความทุกข์สาหัส ถูกสังคมมองหยามเหยียด สุดท้ายเธอตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างน่าอนาถ ด้วยการให้รถไฟทับตาย
เมื่ออ่านเรื่องย่อแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านคงอยากหามา และการดูคุณอาจจะคิดถึงท่านนายกหญิงของเราเหมือนผมก็ได้
หนังสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ พยามจะพูดอย่างชัดเจนในเรื่องของการมีชู้ผิดลูกผิดเมียกันแบบไม่สนใจ ศีลธรรมคุณธรรมทางสังคม ในหนังก็มีวลีเตือนสติอันนา ว่า สิ่งที่เธอทำมันไม่ได้ผิดกฎหมาย(กฎหมายรัสเซียในเวลานั้น)หรอก แต่มันผิดกฎของสังคม
เรื่องนี้มันก็ชัดเจนละครับว่าไม่ว่าสังคมไหนๆ เมืองไทยหรือเมืองนอก สังคมยุคเก่าหรือสังคมปัจจุบัน ทุกศาสนา ถือว่าการประพฤฒิผิดในกาม เป็นเรื่องผิดศีลธรรม เป็นข้อห้ามทางศาสนา เพราะมีผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวสถาบันพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ สร้างความทุกข์แก่คนในครอบครัว ไม่ว่าในฐานะ สามีภรรยาหรือลูก
ภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงผลจากการผิดในกาม การเริงสวาทกับชายชู้ของอันนา ทำให้เธอรับผลกรรมด้วยความทุกข์ทรมาน ชีวิตครอบครัวพังทลาย หนังยังตอกย้ำความทุกข์จากการถูกลงโทษทางสังคม ในฉากหลังๆที่คนในสังคมรู้เรื่องของแอนนาแล้วก็ต่างพากันมองเธอสายตาหรือหางตาด้วยความเย็นชา ประหนึ่งจะขับไล่เธออกไปจากสังคมนี้
การถูกต่อต้านจากสังคมแบบนี้ผมเชื่อว่าหากใครโดนเข้าไปแล้วละก็ คงแทบมุดแผ่นดินหนีไปให้สุดขอบฟ้าเลยทีเดียว แต่ก็น่าเสียดายว่าที่เมืองไทยคนที่ควรจะเจอแบบนี้กลับหน้าหนาหน้าด้านอย่างกับโบกปูนเสริมด้วยเหล็กกล้า
ดูหนังอ่านวรรณกรรมแล้วก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง ย้อนกลับมามองสังคมบ้างนะครับ อย่าให้มันเป็นแค่ภาพผ่านตา เป็นเพียงตัวหนังสือที่ผ่านสมองไปเปล่าๆ
หนังเรื่องนี้ขุดลึกเรื่องความรักความคิดจิตใจของมนุษย์ ความรักที่ ที่มีบาดแผลในใจครับ แผลใจของแต่ละคนแม้จะมีจุดเริ่มต้นหรือต้นตอของแผลเหมือนๆกัน แต่ความลึกของแผลมันต่างกัน ระยะเวลาซึ่งถือว่าเป็นยาที่ดีที่สุดก็ใช้ในการรักษาแตกต่างกัน บางคนมีบาดแผลที่ลึกมากจนต้องรักษาทั้งชีวิตก็มี
วรรณกรรมของตอลสตอยสกัดแก่นแท้ความเป็นมนุษย์ เห็นได้ชัดจากหนังเรื่องนี้คือเรื่องเซ็กส์ ที่ผิดศีลธรรม มันเกิดขึ้นได้ง่ายมากหากมนุษย์เห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัวและคนรอบข้าง ไม่รู้จักการยับยั้งอารมณ์ความรู้สึก เมื่อไรที่คุณพลาด คุณจะถอนตัวจากมันได้อย่างยากลำบาก แต่มนุษย์ก็ควรจะต่างจากสัตว์มิใช่หรือครับ เพื่ออยู่ร่วมกันในสังคม มนุษย์ควรมีสำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่เบียดเบียนสร้างความทุกข์แก่ผู้อื่นและสร้างปัญหาทางสังคม
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้สร้างความสำเร็จในเรื่องของรายได้ และรางวัล แต่มันชนะใจคนดูแน่ๆในแง่ของข้อคิด ดีที่สุดคือการอ่านหนังสือ วรรณกรรมเอกของโลก เมื่อยังไม่ได้อ่าน ดูจากภาพยนตร์ก็ยังดีนะครับ
อ้อเกือบลืมหนังเรื่องนี้มีเรท 18+ หากซื้อมาและจะดูกันในครอบครัว ถ้ามีเด็กๆอยู่ด้วยก็ควรดูและให้ความรู้เด็กไปในตัวนะครับ เพราะหนังมีฉากหวือหวาอยู่บ้างเหมือนกันครับ