xs
xsm
sm
md
lg

การยุบโรงเรียนขนาดเล็ก นโยบายโง่ๆทางการศึกษา

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

ตามข่าวการออกมาประกาศของกระทรวงศึกษาว่าจะมีการยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กกว่า 17,000แห่ง และให้นักเรียนย้ายไปเรียนโรงเรียนที่ใหญ่กว่า และไกลบ้านมากขึ้น รัฐบาลจะซื้อรถตู้รับส่งนักเรียน ฟังแล้วก็ปวดใจแทนน้องๆนักเรียนชั้นประถม

กระทรวงศึกษาธิการวางเกณฑ์ความหมายของโรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึงโรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 ซึ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา 162 เขตทั่วประเทศมีโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ราว 10,800 แห่ง ในจำนวนนี้มีที่ต่ำกว่า 60 คน เกือบ 1,800 แห่ง

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อ้างเหตุผลในการจะยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กว่า เพื่อประหยัดงบประมาณ และจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โรงเรียนประเภทนี้ส่วนใหญ่คุณภาพค่อนข้างต่ำ ที่น่ากลัวมากครับ เพราะว่าฟังนายพงศ์เทพ ที่ออกมาพูดถึงหลักเกณฑ์ในการยุบโรงเรียที่มีเด็กน้อย โรงเรียนเล็กๆ รวมไปถึงโรงเรียนทางเลือก ในที่นี้เหมารวมไปถึงโฮมสคูลด้วย

การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ อนาคตของประเทศชาติขึ้นอยู่กับการศึกษาและคุณภาพของประชากร รัฐบาลใช้เงินงบประมาณทุกกระทรวงทุกก้อนอย่างอีลุ่ยฉุยแฉกโกงกินกันอย่างมโหฬาร ยังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องการประหยัดงบประมาณในการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องจัดสรรให้อย่างเพียงพอเป็นอันดับแรก ข้ออ้างประหยัดงบประมาณในการศึกษาไม่มีรัฐบาลที่ไหนเขาอ้างกันหรอก มีแต่รัฐบาลโง่ๆของประเทศนี้เท่านั้น ที่หยิบเอามาอ้างหน้าด้านๆ

ลองฟังเสียงครูไทยที่รับรู้ปัญหาอย่างใกล้ชิดดูบ้างซิครับ ตัวอย่างความเห็นจากเว็บไซต์ครูไทย http://www.kruthai.info มีความเห็นและข้อมูลน่าสนใจมากทีเดียว นายสมบูรณ์ ริมท้าว ประธานเครือข่ายโรงเรียนชุมชน(โรงเรียนขนาดเล็ก)แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การให้ข่าวเกี่ยวกับนโยบายยุบโรงเรียนขนาดเล็กของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการนั้น ทำให้ร.ร.ขนาดเล็กทั่วประเทศหวั่นไหว กังวล มีผลกระทบต่อความรู้สึกของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ร.ร.ขนาดเล็กทั่วประเทศ และทางชมรมฯขอโตแย้งในหลายประเด็นที่ รมว.ศึกษาธิการให้สัมภาษณ์

อาทิเช่น ที่พูดว่า ร.ร.ขนาดเล็กด้อยคุณภาพนั้น ไม่เป็นความจริง ถ้าเปรียบเทียบคะแนนโอเน็ตของแต่ละโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา พบว่า หลายเขตพื้นที่มีโรงเรียนขนาดเล็กติดใน 10 อันดับแรก บางเขตพื้นที่ มีโรงเรียนขนาดเล็กติดใน Top Ten ถึง 8 โรง ขณะที่ผลการประเมินจากสำนักรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) รอบ 3 โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ผ่านการรับรองจาก สมศ.

ส่วนในประเด็นที่ว่า การยุบโรงเรียนขนาดเล็กสามารถประหยัดงบประมาณนั้น จริงๆ แล้ว ถึงยุบโรงเรียนแต่บุคลากร นักเรียนของโรงเรียนก็ยังอยู่เท่าเดิม ใช้งบประมาณในการจ้างและใช้งบประมาณรายหัวเท่าเดิม แต่กลับต้องมาเสียงบประมาณจัดซื้อรถตู้ขนส่งนักเรียน เสียค่าน้ำมัน ค่าคนขับรถ ค่าบำรุงรักษาตามมารวม ๆ แล้วไม่ได้เป็นการประหยัดงบประมาณเท่าใด ที่สำคัญ ความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ ศธ.และสพฐ.มีหลักประกันใดว่า การเดินทางของนักเรียนจะมีความปลอดภัย 100% และมีหลักประกันใดว่า ต่อไปในอนาคตผู้ปกครองจะไม่ต้องมารับภาระค่ารถรับส่งนักเรียนเอง

นายเดชา พงษ์แดง รองประธานชมรมเครือข่ายโรงเรียนชุมชน(โรงเรียนขนาดเล็ก)แห่งประเทศไทย กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมของชมรมว่า การจัดกลุ่มโรงเรียนที่จะยุบและ ร.ร.ที่ไม่ควรยุบนั้น จะต้องมีเกณฑ์ประเมินที่เหมาะสม เปิดโอกาสให้ชุมชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำเกณฑ์ รวมถึงมีส่วนร่วมในประเมินว่า โรงเรียนขนาดเล็กแห่งใดควรยุบหรือไม่ยุบด้วย ไม่ใช่ให้เป็นการตัดสินใจของเขตพื้นที่การศึกษาเพียงฝ่ายเดียวเหมือนในปัจจุบัน

ขณะที่นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ เลขาธิการสมาคมสภาการศึกษาทางเลือกไทย กล่าวว่า ทุกรัฐมนตรีที่มานั่งกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะมีนโยบายยุบโรงเรียนอยู่เรื่อย เป็นผลจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของ สพฐ. ทำให้ มีร.ร.ขนาดเล็กเพิ่มทุกวัน จนกระทั่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยกว่า 120 คน ประมาณ 14,000 โรง เพราะฉะนั้น สพฐ.ควรกระจายอำนาจจัดการศึกษาให้ผู้มีศักยภาพในการจัด และควรมาดูสาเหตุของปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่แท้จริงเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ไม่ใช่สั่งยุบก็ยุบเลย ไม่ได้มาคุยกับชุมชนจริงจัง

ครับการศึกษาบ้านเราถอยหลังลงคลอง เตี้ยลงเตี้ยลงทุกวัน ก็เพราะนักการเมืองรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาโง่ๆ นักการศึกษาโง่ๆบ้านเรา นโยบายการศึกษาของเราผิดพลาดหลงทางเข้าป่าลงเหวไปไกลยิ่งขึ้นทุกวัน การยุบรวมโรงเรียนที่ทำมาแล้วมีตัวอย่างให้เห็นความผิดพลาดชัดๆตำตา อย่างกรณีที่นครศรีธรรมราช

นายวัชระ เกตุชู ชุมชนวัดท่าสะท้อน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า การยุบโรงเรียนไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเสมอไป อย่างโรงเรียนวัดท่าสะท้อนถูกยุบไปรวมกับโรงเรียนอื่นเมื่อปี 2547 ขณะนั้นมีนักเรียน 64 คน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดรุนแรง เส้นทางไปโรงเรียนใหม่ทั้งเปลี่ยวและน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากด้วย เป็นปัญหาในการเดินทางของเด็กมาก ผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นค่าเดินทาง ขณะที่ชุมชนอยู่ในความเหงาเมื่อ ร.ร.โดนยุบ ขาดศูนย์กลางชุมชน ชาวบ้านขาดแหล่งปัญญา สุดท้ายชุมชนรวมตัวกันเปิดโรงเรียนวัดท่าสะท้อนขึ้นใหม่ในปี 2550 ปัจจุบันเหลือนักเรียน 38 คน

ตัวอย่างจากภาคเหนือ นายเดชา พวงทอง ร.ร.บ้านชายนาพัฒนา กล่าวว่า ใน จ.ลำปาง เคยมีการยุบรวมโรงเรียน 3-4 โรงเรียน มาอยู่กับโรงเรียนหลัก เป็นร.ร.ขนาดโอกาสซึ่งก็ไม่ได้คุณภาพดีเท่าที่ควร สุดท้ายจำนวนนักเรียนในโรงเรียนหลักก็ลดลงเรื่อย ๆ นักเรียนหนีอยู่โรงเรียนในเมืองที่มีคุณภาพดีกว่า สุดท้ายการยุบโรงเรียนก็ไม่ประสบความสำเร็จ

จากคำบอกเล่าชองนายเดชา ยังเกิดกรณี โรงเรียนในเมืองแห่งหนึ่ง มีครูผู้หญิง และนักเรียนหญิงฆ่าตัวตายเพราะถูกละเมิดทางเพศ ชาวบ้านในชุมชนยังพูดกันว่า ถ้าให้เรียนใกล้บ้านจะไม่เป็นอย่างนี้ เพราะถ้าโรงเรียนอยู่ในชุมชน ช่วงเวลากลางวัน ชาวบ้านยังไปดูแลลูกได้ รวมถึง ยังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งของเด็กที่มาจากถิ่นกัน มีกรณีเด็กที่มาจากกต่างถิ่นทำร้ายร่างกายกันจนเสียชีวิต เพราะฉะนั้น กรณีต่างๆ เหล่านี้ บ่งบอกว่า ไม่มีสูตรสำเร็จว่า เมื่อควบรวมแล้ว เด็กจะได้รับสิ่งที่ดีขึ้น

การศึกษาบ้านเรามันห่วยแตกมานาน ถ้านักการเมืองไม่คิดจะพัฒนาก็อย่าทำลายมันให้แย่ไปกว่านี้เลยครับ สงสารเด็กๆบ้าง เด็กเหล่านี้ไม่เหมือนลูกพวกท่านรัฐมนตรี ที่ต่างก็ถูกส่งไปเรียนนานาชาติ หรือส่งไปเมืองนอกกันถ้วนหน้า

รัฐบาลอ้างเรื่องไม่มีเงินงบประมาณ มันช่างสวนทางกับการผลาญงบประมาณ ก้อนโตๆที่มีคนงาบค่าคอมมิชชั่นอย่างงบซื้อแทปเล็ตแจกเด็ก โดยไม่ดูเลยว่าระบบอินเตอร์เน็ทนั้นเข้าถึงพวกเขาแล้วหรือยัง นี่ยังจะมาซื้อรถตู้ที่ไม่รู้จะใช้ได้จริงสักกี่วัน จะขึ้นเขาลุยโคลนในที่ทุรกันดารไหวไหม ค่าน้ำมัน ค่ารักษาซ่อมแซม ที่สำคัญอันตรายอุบัติเหตุในการเดินทางของเด็กๆจะเกิดการสูญเสียบาดเจ็บล้มตายกันอีกเท่าไร

แทนที่รัฐบาลจะเอาเม็ดเงินเหล่านี้ไปพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพ พัฒนาครูเสียก่อน กลับเอางบประมาณแผ่นดินมาใช้กับโครงการไม่เข้าท่า

เอาง่ายๆเงิน 2.2ล้านล้านบาท เอามาพัฒนาโรงเรียนได้ขนาดไหน ทำไมเอาไปทำรถไฟแค่ช่วงสั้นไปได้ไม่ทันจะถึงไหน ถ้าเอามาติดปัญญาให้เด็กไทยมีคุณภาพ การศึกษาคนไทยจะก้าวไกลไปได้อีกมาก

ผมอยากฝากไปถึงท่านนายกนะครับว่า ถ้าท่านหวังดีกับประเทศนี้ ไม่อยากให้เด็กๆอ่านหนังสือไทยผิดๆถูกๆแบบท่าน เด็กไม่ควรที่จะไม่มีความรู้รอบตัว ไม่รู้ว่าซิดนีย์เป็นเมืองหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งเด็กๆควรมีความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ควรรู้ว่าหญ้าชนิดไหนเอาไว้ไหว้ครู หญ้าชนิดไหนเอาไว้ปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน ก็ต้องหยุดทำร้ายเด็กๆ หยุดทำลายการศึกษา ต้องพัฒนาเด็กไทยให้มีความรู้ ไม่ให้โง่อย่างท่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น