xs
xsm
sm
md
lg

ว่าด้วยปลอดประสพ รับบทพญามังราย

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

รูปประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ระหว่าง 14-20 พฤษภาคมนี้ ประเทศไทย-เชียงใหม่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครั้งที่ 2 (2nd Asia – Pacific Water Summit : 2nd APWS เรียกสั้นๆว่าประชุมน้ำโลกครั้งที่ 2 โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐมนตรีสุรพงษ์-ปลอดประสพ-ปรีชาได้ออกมาร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมพร้อมเห็นว่ามีระดับผู้นำประเทศมาร่วม 9 ประเทศ ระดับรองอีก 12 ประเทศขนาดจะให้โรงเรียนหยุดเรียนระหว่างที่มีประชุมให้รถของผู้นำทั้งหลายแล่นไหลสะดวก

แต่ที่เป็นข่าวฮือฮาล่วงหน้าไปก่อนการประชุมแล้วก็คือภาพที่นายปลอดประสพ สุรัสวดีแต่งกายชุดกษัตริย์ล้านนาโบราณเปลือยท่อนบนโชว์พุงหลามนุ่งผ้านุ่งมีทับทรวงและมงกุฎกำลังชี้นิ้วขึ้นฟ้าไปท้ารบเทวดาบนฟ้า นัยว่าเป็นฉากหนึ่งของการแสดงเรื่องเชียงใหม่-พญามังรายต้อนรับแขกเหรื่อต่างชาติในการประชุมครั้งนี้

ปลอดประสพนี่ชอบจริงชอบจังกับการแสดงออกให้เป็นจุดสนใจเมื่อตอนที่ครม.สัญจรเปิดไนท์ซาฟารีก็ขึ้นคอช้างมาแล้วงานนี้ก็คงสนุกใหญ่เพราะเป็นงานที่ตัวควบคุมสั่งงานมาตั้งแต่ต้นเริ่มแต่ก็นั่นแหละด้วยสไตล์แบบปลอดๆ เคยเป็นมาแบบไหนปัจจุบันก็ยังประพฤติแบบนั้นอยู่...กล่าวคืองานที่ ฯพณฯ หัวเจ้าทั่นปลอดประสพจับมักจะปรากฏความมั่วๆในเรื่องงบประมาณ ไม่ค่อยบอกกล่าวให้สาธารณะรับรู้เรื่องที่ควรรู้ และมักจะโชว์แสงสีงานสร้างอลังการอันเปรียบเสมือนผักชีไว้หลอกคนให้สนใจไปอีกทาง

ถามหน่อยเถอะครับมีชาวบ้านประชาชนคนธรรมดาคนไหนในประเทศนี้ทราบบ้างว่าการจัดประชุมนานาชาติว่าด้วยน้ำเอเซีย-แปซิฟิคที่ยิ่งใหญ่ระดับที่เชิญตัวแทนชาติต่างๆ 40 ชาติแถมมีผู้นำประเทศต่างๆมาร่วมที่เชียงใหม่ครั้งนี้...ใช้งบประมาณเท่าไหร่? งบจากไหนบ้าง?

เคยได้ยินมั้ยครับเวลาปลอดประสพหรือรัฐมนตรีหรือใครที่เกี่ยวข้องเคยบอกกล่าวกับประชาชนว่าใช้งบประมาณเท่าไหร่ จากแหล่งไหน ? ใช้อะไรบ้าง โดยเฉพาะการจัดแสดงให้พญามังรายพุงหลามนี่รัฐต้องควักจ่ายไปเท่าไหร่ ?

เพราะที่จริงก็คือ-สาธารณะไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้เลยจนกระทั่งปาเข้าไปปลายเดือนเมษาแล้วขอรับ !!!!!

มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดมากสำหรับประเทศนี้ที่การจัดงานลักษณะอีเวนท์ไม่ว่าระดับไหนมักจะไม่ค่อยได้เงินกลับมา มีแต่ต้องควักเงินแผ่นดินละลายไปกับการเช่ารถ ค่าปรับปรุงสถานที่ ดอกไม้ ธงทิว ค่าจ้าง ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นประเภทกีฬาระดับทวีปหรือภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นงานประชุมวิชาการ ไม่ว่างานแสดงสินค้า งานพืชสวนหรืองานชนิดไหน ... ประเทศอื่นเขาจัดแล้วก็ได้เงินกำไรเข้าประเทศเขาแต่หากว่ารัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดไม่เคยได้เงินเลย พับผ่าซิ !

แล้วคนปากดีก็มักจะมีวิธีเลี่ยงทำนองว่ารายได้เข้าประเทศมาจากชื่อเสียงมาจากการใช้สอยของผู้มาประชุมไปซื้อแคบหมู ไส้อั่ว รถแดง ถนนคนเดินนั่นยังไง ไอ้วิธีกลบเกลื่อนแบบนี้เป็นกระบวนท่าหากินมานมนาน ตอนทำไนท์ซาฟารีหมดไป 3 พันล้านไม่ได้กำไรมันก็จะอ้างหนุนเสริมท่องเที่ยว ทำพืชสวนโลก 2 ครั้งหมดไปร่วม 5 พันล้านไม่ได้กำไรเลยมันก็อ้างว่ากำไรได้จากภาพลักษณ์และเงินหมุนเวียนจากการซื้อแคบหมูไส้อั่ว

นี่เป็นข้ออ้างชั้นดีของการสวาปามเงินหลวงงบประมาณแผ่นดินในนามของการจัดงานอีเวนท์มาโดยตลอด

ดังนั้นก่อนจะมีประชุมในกลางพฤษภาคมนี้ชอบที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรจะหาใครก็ได้ที่พอจะมีความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชนมาแถลงรายละเอียดการจัดประชุมครั้งนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวที่คนได้ประโยชน์ เอาเงินมาจากไหนกี่บาท บริหารงานแบ่งส่วนกันอย่างไรเพราะมันควบๆ กันระหว่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ กระทรวงการต่างประเทศที่ต้องต้อนรับแขกบ้านเมือง และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน-ที่เพิ่งตั้งขึ้นโดยรวมเอาไนท์ซาฟารี พืชสวนโลกและศูนย์ประชุมนานาชาติฯเข้ามาไว้ด้วยกัน)

คาดว่ามีผู้ลงทะเบียนสักกี่คนเป็นคนต่างชาติที่ตั้งใจประชุมจริงสักกี่คนหรือพวกตามแห่ข้าราชการไทยที่นายสั่งให้มาเตรียมการสักกี่คน เพราะเห็นว่าเงินลงทะเบียนประชุมคนละ 9 พันบาท คงไม่ใช่ว่ามีคนนับพันเต็มห้องประชุมแต่นับหัวผู้เข้าร่วมจริงๆ สักแค่ 100 กว่าๆ ที่เหลือเป็นข้าราชการไทยที่ใช้เงินหลวงพักโรงแรมมาเตรียมจัดงานประดับบารมีรัฐมนตรีหลอกสายตาชาวบ้านให้เหมือนว่าการประชุมของ ฯพณฯปลอดประสพยิ่งใหญ่เหลือประดา-หรือเปล่า? หรือว่ามีชาวต่างชาตินับพันมาร่วมงานจริง ?

นอกจากนั้นการจัดนิทรรศการซึ่งได้เตรียมบูทขนาด 3 คูณ3 มูลค่าเช่าพื้นที่ 40,500 บาท/คูหาไว้รองรับบริษัทห้างร้านที่จะมาแสดง เงินส่วนนี้คงเป็นรายได้เข้าสำนักงานพัฒนาพิงคนครองค์การมหาชนที่เพิ่งตั้งและเมื่อรวมกับค่าเช่าสถานที่ศูนย์ประชุมก็จะมีอัฐยายไหลเข้ากระเป๋ายายอยู่จำนวนหนึ่ง ถามว่า รายได้ค่าเช่าสถานที่ศูนย์ประชุมและประมาณการรายได้อื่นๆ ครั้งนี้อยู่ที่เท่าไหร่ ?

เพราะแท้ที่จริงแล้วการจัดประชุมนานาชาติครั้งนี้มีต้นตอมาจากการพยายามหากิจกรรมหาลูกค้าให้กับศูนย์ประชุมแห่งใหม่เป็นสำคัญ

ศูนย์ประชุมนี้ยืดเยื้อมาแต่ยุคทักษิณ ข้ามมารัฐบาลขิงแก่แล้วก็ได้เริ่มสร้างในยุคสมัคร-สมชายมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ตอนที่กำลังสร้างอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงท่องเที่ยวฯ เสี่ยบรรหารจึงเทียวไปเทียวมาดูแลการก่อสร้างใกล้ชิดและเดิมคิดว่าจะหาเอกชนผู้บริหารศูนย์ประชุมแบบเดียวกับศูนย์สิริกิตติ์ แต่คนท้องถิ่นไม่พอใจเท่าใดเพราะอยากมีส่วนในการบริหารจัดการ

จนที่สุดเมื่อถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ได้ทุบโต๊ะหักดิบพรรคบรรหาร โอนงานจากกระทรวงท่องเที่ยวมาขึ้นกับองค์การมหาชนยกให้ปลอดประสพดูแล กวาดเอาไนท์ซาฟารีที่กำลังยอบแยบและพืชสวนโลกที่ไม่รู้จะเอายังไงดีมาอยู่ด้วยกันจึงมีความคิดจะบูมความเป็นแหล่งจัดประชุมสัมมนา (MICE) ขึ้นมา

ในเมื่อวัตถุประสงค์เริ่มแรกคือบูมตลาดประชุมสัมมนาหาเงินจากตลาด MICE ให้กับศูนย์ประชุมและเชียงใหม่ดังนั้นการบริหารจัดการการหรือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ย่อมต้องไม่ละทิ้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจ คือต้องตอบให้ได้ว่ามีผู้ประชุมจากต่างชาติจริงๆ สักกี่คน จะมีรายได้จากกิจกรรมนี้จำนวนสักเท่าใด และที่สำคัญต้องไม่เอาข้าราชการที่ถูกเกณฑ์มาใช้อัฐยายซื้อขนมยายมาตบตาปนกับยอดผู้ประชุมจริง

การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่ของล้อเล่นเอาสนุกหรือแค่จัดงานสนอง NEED คนหลงตัวเองบางคน หรือจัดงานเพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีได้แสดงเป็นพญามังรายท้าเทวดารบในการประชุมระดับนานาชาติ

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของไอเดียจัดแสดงแสงเสียงว่าด้วยประวัติตั้งเมืองเชียงใหม่เอาประวัติพญามังรายมาแสดงในงานจัดการน้ำ นั่นเพราะว่าพญามังรายท่านเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่ก็พ่ายแพ้ต่อน้ำ-แม่พระคงคามาโดยตลอด

ไปตั้งเมืองก่อนหน้าเชียงใหม่ถูกน้ำบุกไล่พ่ายแพ้ยับเยินมาทุกที ไม่ว่าที่เมืองชะแว (ทิศอีสานของลำพูนประมาณนิคมอุตสาหกรรม) หรือที่เวียงกุมกาม อันเป็นที่ต่ำสุดเกิดน้ำท่วมใหญ่จมเมืองทั้งเมืองอยู่ใต้บาดาลนั่นยังไง

พญามังรายท่านเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่รบเก่งมีอำนาจการเมืองเหนือแว่นแคว้นทั้งหลายในล้านนาก็จริงแต่ดวงของท่านนี่ไม่ถูกกับโฉลกกับน้ำเอาเสียเลยประหลาดจริงปลอดประสพเล่นหยิบมาเป็นสัญลักษณ์ในการประชุมว่าด้วยการจัดการน้ำซะงั้น
มนุษย์เรานี่นะต่อให้ยิ่งใหญ่มีอำนาจวาสนามีคนเสื้อแดงหนุน มีอำนาจการเมืองหรือเงินตราสักแค่ไหนแต่ที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อธรรมชาติอยู่ดี ดิน น้ำ ลม ไฟ น่ะยิ่งใหญ่กว่าอำนาจวาสนาเงินตราและการเมืองมากนัก-นี่เป็นสัจธรรม

การบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีเลิศล้ำจะด้วยเงิน 3.5 แสนล้าน ด้วยโมดูลทำเท่อะไรมากมายเหล่านั้นหากฝืนธรรมชาติไม่เคารพ ดิน น้ำ ลม ไฟ คิดแต่ความรวยของบริษัทรับเหมากับนักการเมืองแล้วจะยังเอามาโชว์ให้กับแขกบ้านต่างเมืองบอกเขาว่านี่เป็นความสำเร็จของรัฐบาลไทยในการบริหารจัดการน้ำเป็นสิ่งที่ไม่เข้าแก๊ปเอาเสียเลย

คิดให้ดีนะว่านี่เป็นการโชว์ออฟหรือโชว์ห่วยกันแน่ !

ของที่จะเอามาโชว์ควรเป็นของที่เขาเห็นแล้วหยิบไปเป็นแบบอย่างได้ แต่TOR 3.5 แสนล้านอะไรของปลอดประสพน่ะ ชาติที่เขามีระบบตรวจสอบดีๆเขาไม่ลอกไปใช้ให้เกิดปัญหาหรอก

พวกเดียวกันก็มาฟ้องร้อง กิจการร่วมค้าญี่ปุ่น-ไทยก็เพิ่งลาออกไม่ร่วมสมาคมตามหลังคุณรอยลไปอีกหนึ่งแล้วมิใช่เรอะ !

ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดของนายปลอดประสพสักเท่าใดแกกล้ามากนะที่คิดจะเอาตัวแบบการจัดการน้ำที่ไม่ได้เรื่องราวมีปัญหามากมายไปโชว์ให้ขายขี้หน้าประเทศชาติ แล้วก็ยังพิลึกพิสดารจัดให้ตัวเองสวมบทบาทมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของล้านนามาแสดงอวดเขาอีก อุตริจริงๆ

บอกแล้วไงว่าพญามังรายท่านเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ แต่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็เฉพาะกับคนเท่านั้นไม่ใหญ่เกินน้ำเกินฟ้า...คนปัจจุบันก็เหมือนกันอย่าคิดว่ามีอำนาจวาสนามีคนเสื้อแดงหนุนมีเงินทองไหลมาแล้วคิดจะพลิกน้ำตัดป่าปิดฟ้าได้

เห็นภาพข่าวที่เผยแพร่กันมีฉากที่ปลอดประสพยืนพุงพลุ้ยสวมมงกุฎรุงรังชี้นิ้วขึ้นไปท้าทายเทวดาฟ้าดินอีกต่างหากบทบาทที่แสดงดังกล่าวยิ่งสะท้อนตัวตนของนักการเมืองคนนี้ชัดขึ้นไปอีก มีใครเคยบอกให้ปลอดประสพฟังมั้ยว่าพญามังรายน่ะท่านสวรรคตเพราะถูกฟ้าผ่า สิ้นพระชนม์ที่แยกกลางเวียงไม่ไกลจากอนุสาวรีย์สามกษัตริย์นัก

พญามังรายท่านยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ยังแพ้กับน้ำ พ่ายต่อฟ้า ... นักการเมืองน่ะก็แค่คนธรรมดาที่บังเอิญมีอำนาจวาสนามีเงินทองมีมวลชนหนุนหลังบังอาจยังไงคิดจะใช้แค่ TOR สั่วๆ ขาดรายละเอียดขั้นตอนมาพลิกน้ำตัดป่าปิดฟ้าได้

ท้าเทวดาเหยงๆ ระวังฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาก็แล้วกัน-ขอบอก !
กำลังโหลดความคิดเห็น