xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้นตออยู่ที่ไหน? ดับไฟใต้ด้วยน้ำใจ ไม่ใช่น้ำลายนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

ช่วงนี้เปิดหนังสือพิมพ์อ่านก็จะเห็นข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ อยู่ในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ เกือบทุกวัน มีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์และการใช้ความรุนแรง ลอบฆ่า ประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เว้นแต่ละวัน มีบทวิเคราะห์มากมายในการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดน และการเสนอทางออกของปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน และรุนแรงยิ่งขึ้น

แล้วยิ่งอ่านไปตามเว็บไซต์ โลกข้อมูลข่าวสารของคนรุ่นใหม่ คนในเมืองก็จะยิ่งได้เห็นความคิด ความเห็นที่แตกแขนงขยายไปเป็นวงกว้าง ออกไปอีก มองเห็นได้ถึงความหลากหลาย ขณะเดียวกันก็จะเห็นความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าว

พูดถึงเรื่องนี้แล้วต้องย้อนเวลากลับไป วันที่ 30 มีนาคม 2545 เมื่อมีการยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ซึ่งนับเวลาก็ผ่านมาแล้วกว่า 11 ปี

หลังจากนั้นใน ปี 2547 ก็มีการเผาโรงเรียน 20 แห่ง เพื่อเปิดทางไปสู่การปล้นปืน จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส มีปืนไรเฟิล 400 กระบอก ปืนพก 20 กระบอก ปืนกล 2 กระบอก การจู่โจมครั้งนี้มีทหารเสียชีวิต 4 นายด้วยกัน

หลังจากนั้นสถานการณ์ ในสามจังหวัดภาคใต้ก็รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มีการลอบวางระเบิดทั้งสนามบินหาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม มีคาร์บอมบ์ตามที่ชุมชน ฆ่าครู และชาวบ้าน รวมถึงทหารตำรวจมากมาย ที่เสียชีวิตในพื้นที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านไม่สามารถใช้ชีวิตปกติสุขได้

ใครมีครอบครัว ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงในเขตสามจังหวัดนี้ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นทุกครั้ง ผมมีญาติที่อยู่ปัตตานี เขาเปิดร้านทำมาค้าขาย จะปิดร้านย้ายถิ่นฐานก็เท่ากับหมดทางทำมาหากิน เวลานี้เพื่อความปลอดภัยรักษาชีวิตคนในครอบครัว เขาเปิดร้านขายสินค้าวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ต้องขนครอบครัวมานอนที่สงขลา ซื้ออาหารที่จะต้องใช้ในครอบครัวตลอดสัปดาห์แช่น้ำแข็งใส่กล่องโฟมจากสงขลา เพื่อแม่บ้านและทุกคนในบ้านไม่ต้องออกจากบ้านไปจ่ายตลาด หรือซื้อหาของจำเป็น เพราะแค่เดินออกนอกบ้านก็เสี่ยงภัยที่จะเกิดเหตุร้ายได้ทุกเวลา

ผมว่าสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้เข้าขั้นวิกฤติ อำนาจรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถดูแลชีวิตความปลอดภัยชาวบ้านได้เลย ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันทุกลมหายใจเข้าออก

ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาล และ ทหาร ที่เข้าไปรับผิดชอบพื้นที่สามจังหวัดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้ อย่างมากก็มีแค่อ้างใช้งบประมาณทั้งลับและเปิดเผยจำนวนมากที่ทุ่มลงไป โดยไม่เห็นผล สถานการณ์ยิ่งรุนแรง งบประมาณก็ยิ่งก้อนใหญ่ขึ้นทุกที เป็นก้อนขนมหวานที่เข้ากระเป๋าคนใหญ่คนโตที่เกี่ยวข้องมานานแล้ว ดูเหมือนบางคนอยากเลี้ยงปัญหาภาคใต้เอาไว้ เพื่อเปิดทางหาประโยชน์กันต่อไป คนบางคนเป็นนักการเมือง เป็นทหารตำรวจร่ำรวยกันมหาศาล เป็นความมั่งคั่งบนกองเลือดของประชาชนอย่างน่าสมเพทน่าอนาถที่สุด

การแก้ปัญหาที่ทำกันมา พูดกันมาตลอดว่า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการให้คนในพื้นที่ร่วมกันแก้ปัญหา เพราะว่าตอนนี้ทหารตำรวจที่ลงไปทำหน้าที่ในภาคใต้ส่วนมากเป็นคนนอกพื้นที่ และอาจจะไม่ใช่ชาวอิสลาม ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันในการสื่อสาร การใช้ภาษา ทัศนคติต่างๆ รวมไปถึงในเรื่องของความเชื่อในศาสนาที่แตกต่างกัน

คนไทยส่วนมากของประเทศ นับถือศาสนาพุทธ แต่คนใต้ในสามจังหวัดชายแดนส่วนมากเป็นอิสลาม ดังนั้นแล้ววัฒธรรมที่แตกต่างกันก็อาจจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันอีกด้วย

ผ่านมาหลายปี กลับยิ่งรุนแรงขึ้นอย่างที่มีข่าวทุกวันนั่นแหละครับ หลายคนได้ข้อสรุปว่าเรื่องใหญ่อยู่ที่คนที่ได้ผลประโยชน์จากความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนที่ใช้เหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องทำให้เหตุการณ์นี้ยังคงมีอยู่เพื่อให้งบประมาณยังคงลงไปในพื้นที่ เพื่อจะได้กินค่าหัวคิว งาบงบประมาณมหาศาลต่อไปอีกนานๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำความเจ็บช้ำให้แก่พี่น้องมุสลิมหนักหนาสาหัส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เกิดเหตุการณ์ที่ตากใบ ส่งผลให้พพี่น้องตายอนาถอย่างน้อย 85 ราย

กรณีที่จุดชนวนโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร บอกว่าผู้ก่อการร้ายที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น โจรกระจอก เป็นการสุมไฟภาตใต้ให้รุนแรงขึ้นไปอีก สะท้อนทัศนะวิธีคิดของหัวหน้าพรรคตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี่แหละ และก็คนเดียวกันนี่แหละที่ส่งลิ่วล้อไปเจรจาปัญหาภาคใต้กับหัวหน้าฝ่ายก่อความไม่สงบที่มาเลเซียเมื่อไม่กี่วันมานี้

แถมยังมีปาหี่ รองนายกอย่างคุณเฉลิม ที่บินไปมาเลเซีย เพื่อไปคุยกับทางมาเลเพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งสุดท้ายก็เป็นแค่การไปจิบไวน์ไกลขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

หลังการแถลงข่าวการเจรจากับคนที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นแกนนำคนหนึ่งของผู้ก่อการร้าย ความรุนแรงก็เกิดขึ้นตามมาทุกวัน เพราะแกนนำที่ว่าไม่ใช่หัวหน้าใหญ่ที่บังคับสั่งการได้ มีอีกหลายกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรง เป็นการตีแสกหน้ารัฐบาลที่อวดอ้างผลงานการเจรจาแก้ปัญหาภาคใต้อย่างจัง

ดูๆไปแล้ว ไอ้ที่ใช้อาวุธก็แล้ว ไอ้ที่ตั้งท่าจะใช้เงินฟาดนั่นก็แล้ว ผมว่าชาวบ้านภาคใต้เขาอ่านเกมออก ว่าล้วนทำโดยขาดความจริงใจและไม่มีอะไรจริงจัง จริงๆแล้ววิธีดับไฟใต้นั้นอาจจะเป็นอะไรที่เส้นผมบังภูเขาก็ได้ น่าคิดว่าการแก้ปัญหาต้องใช้น้ำดับไฟ น้ำดับเพลิงไฟใต้ ไม่ใช่น้ำที่เป็นของเหลวมีฟองอย่างน้ำลายนักการเมือง หากแต่เป็นน้ำใสใจจริง ต่างหาก

ใช้น้ำลายให้น้อยลง มีน้ำใจจริงใจกับชาวบ้านในพื้นที่ อย่าไปเอารัดเอาเปรียบพวกเขา อย่าทำเหมือนชาวมุสลิมเป็นประชากรชั้นสองของประเทศไทย หยุดใช้คนมุสลิมและปัญหาภาคใต้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ การแก้ปัญหาก็คงจะคลี่คลายไปได้มากกว่านี้

อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะมองข้ามกันไปในการแก้ปัญหา คือการแก้ปัญหาด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่ทางงภาครัฐมีให้ประชาชนได้รับทราบ คือไม่ใช่เอาแต่บอกว่ามันดีขึ้นแบบนั้นแบบนี้ ควรมีการให้ข่าวที่เป็นจริงถูกต้องและชัดเจน ให้ประชาชนตะหนักถึงปัญหานี้ และนำมาเป็นแรงผลักดันให้มีการมีส่วนร่วมของชาวบ้านต่อไป

เขียนถึงตรงนี้ ก็ยังต้องฟังข่าวความรุนแรงในภาคใต้ ห่วงใยพี่น้องและเจ้าหน้าที่ที่ดีเสียสละตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเร็วที่สุด เพื่อที่เราจะไม่ต้องได้ยินข่าวความสูญเสียอีกต่อไป คนไทยฆ่ากันเองมามากและนานเกินไปแล้วครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น