xs
xsm
sm
md
lg

ฉายาส่งท้ายปีเก่า

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

ก่อนอื่นคงต้องขอกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่อีกสักครั้งอย่างเป็นทางการ ในสัปดาห์แรกของการเข้าสู่ปีใหม่ ปี พ.ศ. 2556 ก็คงได้แต่หวังว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้น คนบางกลุ่มจะเลิกทำชั่วทำร้ายชาติบ้านเมือง คนบางกลุ่มหันกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักความถูกต้องจริงๆสักที

ช่วงสิ้นปีแบบนี้ เราก็จะได้เห็นธรรมเนียมการสรุปข่าวเด่นในรอบปี ทั้งข่าวดี ข่าวไม่ดี สร้างสรรค์บ้าง ไร้สาระบ้าง เอาน่าถือเสียว่า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันส่งท้ายปี

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การตั้งฉายา ทั้งดารา นักการเมือง ซึ่งส่วนมากก็มาจากบรรดานักข่าวแต่ละสาย ทั้งนักข่าวบันเทิง และนักข่าวการเมือง ผมไม่มั่นใจว่าการตั้งฉายานั้นมาจาก พฤติกรรมของคนที่โดนตั้งฉายาเอง หรือว่ามาจากความสะใจของผู้ตั้งฉายากันแน่

ด้วยความเคารพพี่ๆสื่อมวลชนหลายๆท่านนะครับ เนื่องจากสื่อมวลชน ชอบตั้งฉายาให้คนโน้นคนนี้ มันดูเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมสักเท่าไร สำหรับคนเหล่านั้น สำหรับพวกเราที่เป็นสื่อมวลชนด้วยกันเองนั้นบางครั้งก็ต้องมีการตรวจสอบกันเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตรวจสอบคนอื่น จนลืมส่องกระจกดูตัวเองกันสักนิดนึง

ไหนๆก็ไหนๆแลั้ว วันนี้ผมเลยอยากจะลองตั้งฉายาดูเล่นๆ เอาเป็นว่าขำๆนะครับ ถ้าใครอ่านแล้วไม่สบายใจก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ ด้วยแล้วกันนะครับ

เริ่มกันที่องค์กรที่มีหน้าที่คอยตรวจสอบการทำงานของสื่อ และยังต้องคอยช่วยเหลือพี่น้องสื่อมวลชนในหลายๆเรื่อง องค์กรนั้นคงหนีไม่พ้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ ที่ซึ่งมีบรรทัดฐานในการทำงานอย่างมาก แถมในกรณีที่นักข่าวที่ออกไปทำหน้าที่ในช่วงชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยาม ที่โดนจับไปนั้นเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย และทางสมาคมก็ดูจะทำงานเพื่อช่วยเหลือนักข่าวสองคน ที่ถูกจับช้าจนเกินไป

สมาคมนักข่าวไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายการเมืองหรือยุ่งเกี่ยวกับองค์กรใดๆเพื่อผลประโยชน์ มิเช่นนั้นแล้วนักข่าวจะทำหน้าที่ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในสังคมได้อย่างไร

สื่อมวลชนผู้หนึ่งที่ประจำอยู่ช่องน้อยสีทางฟรีทีวี ผู้ที่ถูก ปปช. ได้ชี้มูลความผิด เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทไร่ส้ม จำกัด สำหรับคดีดังกล่าว เริ่มจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สน.ห้วยขวาง เมื่อปลายปี 2550 ให้ดำเนินคดีกับพนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 คน ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ของนายสรยุทธในฐานะผู้สนับสนุน ทำให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท

ใช่แล้วผมกำลังพูดถึงนกน้อยที่เหมือนจะมีพฤติกรรมที่เชื่อได้ว่าแอบกินส้มซะเอง อย่างคุณ สรยุทธ นักข่าวมหาชน อดีตหนึ่งในไอดอลของผมสมัยตัดสินใจเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เอาละไม่ว่าคดีนี้จะจบลงยังไง แต่การกระทำของชายคนนี้ก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าสื่อหรือนักข่าว เขาเป็นนักธุรกิจข่าวมากกว่า เพราะละเลยจริยธรรมสื่อสารมวลชน หากินหาผลประโยชน์กับข่าวจนเลยเถิด

จริงๆแล้ว ถ้าชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้สักหน่อย ด้วยการออกมาขอโทษประชาชาและหยุดจัดรายการจนกว่าคดีจะสิ้นสุดแล้วค่อยกลับมาทำงานหน้าจอ ก็คงจะดีกว่าการยังนั่งทำงานหน้าจอ แล้วทำหน้ามึนตีหน้าซื่อไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้

ผมอยากจะขอตั้งฉายานักข่าวคนนี้ว่า กรรมกรข่าวฉาวฉุ่ย เพราะเขาคือกรรมกรข่าวที่มีรายได้สูง น่าจะเยอะสุดในประเทศไทย เฉาฉุ่ยแปลว่า ปากเสียในภาษาจีน แต่ผมเปลี่ยนเป็นคำว่าฉาวฉุ่ยแทน เพราะปีนี้มีข่าวฉาว กรณี อสมท. บวกด้วยมาดอาตี๋ใส่แว่น ลูกคนจีนแบบนี้คงต้องแซวแบบจีนๆ จะได้เข้าใจชัด

อีกท่านหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นักข่าวสาว ฝือปากกล้า แห่งช่องเจ็ด อย่างคุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวผู้ปราบเฉลิม เล่นเอาคนทั้งประเทศเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าขี้ข้า จากวิวาทะระหว่างนักข่าวสาวกับ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง เล่นเอาฮือฮาจนหลายๆคนต้องจดจำ

น่าเสียดายที่ข่าวนี้ออกทางฟรีทีวีน้อยไปหน่อย ความพยายามยืนหยัดในฐานะนักข่าว ที่ถามจี้จนนักการเมือง จนมุม แต่กลับได้ออกในข่าวแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง คุณสมจิตต์เป็นนักข่าวที่ถามตรงที่สุดคนหนึ่ง ผมขอให้กำลังใจ

ถ้าจะตั้งฉายา พี่เขาน่าจะมีฉายาว่า นักข่าวสาวไมค์พิฆาต ออกแนวโหดไปสักเล็กน้อย แต่คำถามของเธอทำนักการเมืองกร่าง อึ้งกันมาหลายคนแล้วละครับ หลายคนถึงกับยอมแพ้เดินหนีเลยเมื่อถูกจี้ถาม

อีกคนหนึ่งที่อยากพูดถึงเลยในรอบปีที่ผ่าน นักข่าว เจ้าของทวิตเตอร์ @noppajak เอม นภพัฒน์จักษุ์ อัตตนนท์ เขาเป็นที่รู้จักจากการรายงานข่าวการชุมนุมของคนเสื้อแดงแบบนาทีต่อนาที จนมียอดผู้ติดตามทางทวิตเตอร์ล้นหลามและได้มีรายการของตัวเอง มีคอลัมน์ปรากฏในหนังสืออะเดย์และอีกมากมาย

ชายคนนี้ยังโลดแล่นอยู่ในสนามข่าว การนำเสนอข่าวของเขามีคนติดตามจำนวนมาก จนบางทีมันก็กลายเป็นดาบสองคมทันที หากข้อมูลที่ทวิตไปผิดพลาด ก็อาจจะนำพาความซวยมาให้ กรณีรุ่นพี่อย่างคุณกนก รัตน์วงศ์สกุลต้องออกมาสอนรุ่นน้อง อันเนื่องมาจาก คุณนภพัฒน์จักษ์ เขียนบทความเกี่ยวกับกลุ่มนิติราษฎร์ โน้มเอียงจนกลายเป็นศึกภายในของสองหนุ่มแว่นแห่งค่ายเนชั่น

ฉายาของผู้ชายคนนี้ คงเป็น ยอดชายนายทวิตเตอร์ละมั้งครับ เพราะเขานำเสนอแทบทุกอย่างผ่านทางทวิตเตอร์ แถมยิ่งได้แบ็คอัพระดับสุทธิชัย หยุ่น งานนี้ท่าทางจะยืนบนเวทีข่าวไปอีกนาน จนไม่รู้ว่าจะอยู่ยาวตั้งแต่มีผมเต็มหัวจนหัวล้านหมดหัวตามไปด้วยอีกคนหรือไม่ อันนี้คงต้องดูกันยาวๆ

หันกลับมาที่สื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งมีความเก่าแก่อย่างมติชน หลายคนบอกว่ามติชนเปลี๋ยนไป๋ เปลี่ยนแปลงชนิดที่บางคนบอกว่าจากหน้ามือเป็นหลังตีนกันเลยทีเดียว ช่วงหลังๆนี้การนำเสนอข่าวและบทความต่างๆในหนังสือพิมพ์มติชนเอียงข้างไปเชียร์รัฐบาลและเอาใจคนเสื้อแดงแบบชนิดที่ว่าสุดลิ่มทิ่มประตูเลยทีเดียว

คงไม่ต้องอธิบายมาก หนังสือพิมพ์ที่ชื่อมติชน แต่กลับไม่ฟังเสียงประชาชนสักเท่าไร ผมอยากให้ฉายาว่ามติใคร เพราะไม่รู้ว่าฟังจากใคร เอาคำว่ามติชนมาเป็นชื่อหนังสือได้อย่างไร เมื่อก่อนมีคนว่าเอเอสทีวีและเครื่อผู้จัดการเป็นสื่อเลือกข้าง มาวันนี้มติชนเป็นสื่อเลือกข้าง ไม่ยักเห็นใครออกมาว่ามติชนเลย ยกเว้นคนในเครือของผู้จัดการเท่านั้น

เอาละครับที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็มาแซวกันขำๆในช่วงปีใหม่นะครับ การที่สมาคมนักข่าวหรือกลุ่มนักข่าวมีการตั้งฉายาให้คนนั้นคนนี้ ไม่ว่ามันจะขำไม่ขำ จะฮาแค่ไหน มันไม่สำคัญเท่ากับว่าพวกเราสื่อมวลชนได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่มาตลอดทั้งปีหรือไม่ และสื่อมวลชนก็ควรตรวจสอบตัวเอง และให้คนอื่นตรวจสอบ นี่ต่างหากคือประเด็น
กำลังโหลดความคิดเห็น