“สรยุทธ” หนีชี้แจงอนุ กมธ.การเมืองและสื่อสารมวลชน กรณี “ไร่ส้ม” ยักยอกโฆษณา อสมท 138 ล้าน ส่งหนังสืออ้างเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ขอไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง อ้างทำหน้าที่ปกติตามจรรยาบรรณไม่บิดเบือน ด้านที่ประชุมเสนอขอความเห็นต่อ กมธ.ชุดใหญ่ ก่อนใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก กมธ. ยันแค่สอบถามข้อมูล อีกด้าน ป.ป.ช.เผยส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดไปนานแล้ว
วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ประชุมอนุกรรมการ การพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน ได้มีการพิจารณากรณีการยักยอกเงินค่าโฆษณาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นกรรมการผู้จัดการ และได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด โดยที่ประชุมได้มีการเชิญอัยการสูงสุด นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายสรยุทธเข้าร่วมชี้แจง อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 หน่วยงานและนายสรยุทธไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายสรยุทธได้ทำหนังสือชี้แจงมายังอนุกรรมาธิการ ลงวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุสาเหตุที่ปฏิเสธการเข้าชี้แจงว่า เป็นเพราะขณะนี้เรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จึงไม่สมควรที่ตนเองและบริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวอีก และมีความจำเป็นที่จะต้องสงวนข้อมูลข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมที่จะมีขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคดีความที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวกับการทำธุรกิจของบริษัทนั้นไม่มีการกระทำใดๆ ที่กระทบต่อการทำงานของตนเองที่ได้ยึดหลักการนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริงเพื่อประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันเป็นจรรยาบรรณสำคัญในการนำเสนอที่ตนยึดถือมาตลอดชีวิตการทำงาน
มีรายงานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หลังจากนายสรยุทธ ไม่เข้ามาชี้แจง โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นสมควรจะเสนอให้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ชุดใหญ่ก่อน เพื่อขอมติว่าจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก เชิญนายสรยุทธเข้าชี้แจงหรือไม่ ซึ่งหากนายสรยุทธไม่มาชี้แจงต่อ กมธ.ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 มาตรา 13 ซึ่งมีโทษสูงสุดแก่ผู้ฝ่าฝืนคือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ส่วนประเด็นการปฏิเสธของนายสรยุทธที่อ้างว่ากลัวจะกระทบกับการพิจารณาของคดีนั้น ในข้อเท็จจริงนั้น กมธ.มองว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะกมธ.ไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดตัวคดี แต่จะสอบถามข้อเท็จจริงข้อมูล อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้กำชับถึงการระมัดระวังในการพิจารณา เพราะต้องให้ความเป็นธรรมต่อนายสรยุทธด้วย มิเช่นนั้น กมธ.จะถูกต่อว่าถึงความไม่เป็นกลางได้
นายวัชระกล่าวภายหลังการประชุมว่า การเชิญนายสรยุทธมาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการจับผิด แต่อยากให้นายสรยุทธมาชี้แจงข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทไร่ส้ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนายสรยุทธเอง เพราะการเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงนั้นก็เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง และหากนายสรยุทธมั่นใจว่าตัวเองและบริษัทบริสุทธิ์ก็ควรจะเข้าชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างแก่สังคม เพราะนายสรยุทธถือเป็นสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียง เคยผ่านการสัมภาษณ์และตั้งประเด็นเกี่ยวกับการจริยธรรมของผู้อื่น ดังนั้นก็ควรจะสร้างแบบอย่างให้แก่สังคมด้วย
ทั้งนี้จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุม กมธ.ชุดใหญ่ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งหาก กมธ.เห็นว่าสมควรที่จะยุติเรื่อง ที่ประชุมอนุกรรมการฯ ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม แต่ถ้าเห็นว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องมีการซักถามต่อก็จำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียกเพื่อให้นายสรยุทธเข้าชี้แจงต่อไป
อีกด้านหนึ่ง นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนคดีพนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยไม่เรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา รวมมูลค่า 138 ล้านบาท ให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลที่มีขอบเขตอำนาจต่อไป ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไปเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา
