ธิดา ถาวรเศรษฐ ประกาศที่โรงเรียนนปช.ถึงแนวทางการเมืองของขบวนการแดงโดยสรุปว่า เป้าหมายระยะยาวคือทำลายระบอบอำมาตย์ทั้งระบบ ส่วนเป้าหมายเฉพาะหน้ายกเลิก รัฐธรรมนูญปี50 และต้านรัฐประหาร
การตั้งเข็มอุดมการณ์ขบวนการคนเสื้อแดงหลังจากได้อำนาจรัฐที่มุ่งไปสู่การกวาดล้างทำลายระบอบอำมาตย์ทั้งระบบฟังดูน่าตลกขบขันเพราะธิดาแกล้งทำไม่รู้ว่าขบวนการทักษิณ-พรรคเพื่อไทยและขบวนการแดงที่ตนสังกัดเนื้อแท้ก็คือระบอบอำมาตย์ใหม่ที่ห่างไกลจากนิยามคำว่าประชาธิปไตยแบบที่คนทั้งโลกเขาเชื่อกัน
การก่อกำเนิดของแนวคิดอุดมการณ์ประชาธิปไตยยุคใหม่เป็นผลมาจากพัฒนาการการเรียนรู้ตกผลึกจากสภาพสังคมในอดีต สิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามกับประชาธิปไตยคือลัทธิปกครองที่รวมศูนย์ภายใต้อำนาจเดี่ยวเบ็ดเสร็จขาดการถ่วงดุล ซึ่งภาษาสมัยใหม่เรียกคลุมไปว่าเผด็จการอำนาจนิยม
โลกแต่ละสมัยมีความจำเป็นตามสภาพการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไปในยุคหนึ่งระบบผู้เข้มแข็งปกครองมีความจำเป็นและเหมาะสมจึงเกิดมีกษัตริย์ จักรพรรดิ ฮ่องเต้ แต่ระบบนี้ผู้ปกครองจำต้องมีธรรมะมากำกับสูงกว่าคนทั่วไป หากผู้ปกครองไม่ดีก็เป็นทรราชกดขี่ อำนาจเดี่ยวยังให้สิทธิผู้ปกครองแต่งตั้งขุนนาง อำมาตย์มาเป็นผู้ปกครองที่มักจะเกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขต ตามอำเภอใจ กดขี่ข่มเหง เอาเปรียบราษฎรสารพัด
อำนาจเดี่ยวจึงไม่เหมาะสมกับอุดมการณ์ยุคใหม่ที่ถืออำนาจมาจากคนเล็กคนน้อย ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นระบบการเมืองที่ออกแบบเพื่อการถ่วงดุล ตรวจสอบอำนาจและพยายามสร้างระบบรองรับเพื่อให้ประโยชน์โภชน์ผลทั้งหลายให้ตกอยู่กับคนส่วนใหญ่ของสังคมจริงๆ
ระบอบประชาธิปไตยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขจัดสิ่งที่เรียกว่า อำนาจเดี่ยว อำนาจนิยม อำนาจเบ็ดเสร็จ ตลอดถึงขบวนการเครือข่ายปกครองที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต กดขี่ เอาเปรียบชาวบ้านเขา แต่ถ้ายังมีคนที่มีอำนาจเดี่ยวชี้นิ้วบงการ มีเครือข่ายลิ่วล้ออำมาตย์ รมช. ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขารัฐมนตรี บิ๊กโน่น บิ๊กนี่ มีตำรวจเป็นกองกำลังรับใช้ แล้วก็ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ได้งานรับเหมา ได้หัวคิวโครงการ แต่งตั้งโยกย้าย ฯลฯ เขาไม่เรียกว่าเป็นสังคมประชาธิปไตยหรอก
ธิดา ถาวรเศรษฐและพวกสร้างวาทกรรม “อำมาตย์”ขึ้นมาแล้วเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย เป็นเกมหลอกเด็กอมมือโดยเฉพาะปนยาชันฟันน้ำนมทั้งหลายให้หลงเชื่อ เพราะฟังเผินๆ ยังไงเสียประชาธิปไตยย่อมดีกว่าระบบอำมาตย์ที่ล้าหลัง และเป็นเผด็จการไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ไม่น่าเชื่อว่านอกจากไพร่ราบที่แห่ตามแล้วจึงยังมีปนยาชันฟันน้ำนมหลงเชื่อตามวาทกรรมหลอกลวงดังกล่าวอยู่ไม่น้อย
เมื่อพิจารณาจากเนื้อหากันจริงๆ จะพบว่า การเมืองไทยได้เคลื่อนจากประชาธิปไตยครึ่งใบที่มีระบบราชการกำกับ (อำมาตยาธิปไตย) มาสู่ ประชาธิปไตยครึ่งใบที่มีทุนสามานย์กำกับบนฐานของระบบราชการแบบรวมศูนย์ดั้งเดิม ธิดา ถาวรเศรษฐและพวกจึงไม่ใช่นักต่อสู้อำมาตย์เพื่อประชาธิปไตยตามที่อวดอ้าง หากแต่เป็นนายหน้าให้กับระบอบเผด็จการใหม่ที่กำลังครอบงำสังคมไทยในตอนนี้ต่างหาก
ซึ่งหากจะเรียกอย่างเท่ๆ อาจจะเรียกว่า ระบอบทุนนิยมอำมาตยาธิปไตยอันมีฮ่องเต้ดูไบเป็นประมุข !!!
มันจึงน่าตลกมากที่ธิดาชักชวนคนเสื้อแดงนปช.ให้กวาดล้างอำมาตย์ เพราะตอนนี้ทักษิณ รัฐบาลเพื่อไทย และขบวนการแดงต่างหากที่เป็นอำมาตย์ใหม่เกาะกินสังคมไทยอยู่
ไม่ได้เขียนถ้อยคำเท่ๆ ขึ้นมาเอามันหรอกนะครับ แวดวงวิชาการการเมืองไทยมีข้อสรุปมาก่อนนานแล้วว่า การเมืองไทยยุคก่อนหน้านี้เรียกว่า “อำมาตยาธิปไตย” โดยมองจากอำนาจของระบบราชการเข้มแข็งกว่าฝ่ายการเมือง ที่ล้มลุกคลุกคลานจากรัฐประหารบ่อยครั้ง ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะถูกครอบงำจาราชการประจำ ตอนที่ชวน หลีกภัยเป็นนายกครั้งแรกนอกจากจะถูกค่อนขอดว่าเชื่องช้าแล้ว ยังมีคนตั้งให้เป็น “ปลัดประเทศ” ด้วยซ้ำไป
แต่ภาวการณ์ที่ฝ่ายประจำครอบงำเป็นฝ่ายนำการเมืองได้สิ้นสลายไปตั้งแต่ 10 ปีก่อน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เคยเป็นกรอบทิศทางหลักถูกฝ่ายการเมืองสลัดโยนทิ้งตั้งแต่แผนที่ 10 แล้วก็ใช้ทักษิโณมิกส์แทน
การเมืองต่างหากที่ครอบงำ ชี้นำ กำกับ บงการระบบราชการแทบเบ็ดเสร็จในปัจจุบัน !!!
แต่งตั้งโยกย้ายทีจึงมีข่าวราชการหอบเงินไปเป็นล้านๆ เพื่อซื้อตำแหน่งจากนักการเมือง ตำรวจก็ประกาศมีวันนี้เพราะพี่ให้ เป็ดก็ไปตอกย้ำว่ากับตำรวจถ้าไม่ใช่เพื่อไทยก็ต้องทำใจ ผู้ว่าฯ หากไม่ใช่สายเจ๊ก็ไม่ได้โต
ไม่เหลือแล้วครับอำมาตยาธิปไตย ในฐานะที่ฝ่ายประจำไปครอบงำแทรกแซงฝ่ายการเมือง การรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นเฮือกสุดท้ายจริงๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่าพ้นสมัยของทหาร แต่ทักษิณและขบวนการเสื้อแดงก็ยังจำเป็นต้องปลุกผี “อำมาตย์” วาดให้เป็นอสูรร้ายใหญ่โต เอะอะก็ประกาศแบบเท่ๆ ว่าจะมีรัฐประหาร มีแผนจับตัวนายกฯ แล้วก็เปิดโรงเรียนต้านรัฐประหาร ต้านอำมาตย์ ภาษาเหนือเขาเรียกว่า จุ๊หมาน่อยขึ้นดอยไปเรื่อยๆ เพื่อให้เต้น ให้เหวง ให้วิภูแถลง ก่อแก้ว เจ๋ง อริสมันต์ อยู่บนยอดคลื่นแห่งอำนาจกันต่อไป
สิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็คือ ระบบราชการเกือบทั้งระบบอยู่ภายใต้บงการครอบงำกำกับเบ็ดเสร็จจากนักการเมืองแม้แต่ทหารก็ไปซะครึ่งแล้วด้วยซ้ำ ระบบราชการของไทยเป็นระบบรวมศูนย์มายาวนาน พัฒนาการของการรวมศูนย์ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจนเป็นภาระค่าใช้จ่ายประจำถึง 80% ของงบประมาณแผ่นดิน อย่างตำรวจจะตั้งนายพลลงจังหวัดอีกก็ไม่ได้อีกแล้วเพราะเงินไม่มี ระบบรวมศูนย์ดังกล่าวเอื้อให้นักการเมืองสามารถครอบงำระบบราชการได้ง่าย เพราะอำนาจอยู่ที่ปลัดกระทรวง อธิบดี
ระบบเผด็จการในยุคก่อนขึ้นกับเจ้าขุนมูลนายชี้นิ้วว่า ไอ้โน่นไอ้นี่เอ็งไปกินเมืองนั้น มียุคใหม่เจ้าขุนมูลนายที่มาจากการเลือกตั้งก็ชี้นิ้วไอ้โน่นไอ้นี่เอ็งไปกินเมืองแทนเจ๊ !!!
มันต่างกันตรงไหน อำมาตย์เก่า กับ อำมาตย์ใหม่..?
ธิดา ถาวรเศรษฐ สร้างวาทกรรมหลอกเด็กเรื่องฝ่ายอำมาตย์ กับฝ่ายประชาธิปไตยขึ้นมาก็เพื่อเป้นฐานอำนาจให้กับอำมาตย์ใหม่ หากธิดาและขบวนการนปช. มีความเชื่อและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและการเมืองที่ดีจริงๆ แล้ว พวกเขาย่อมต้องตั้งเป้าการเคลื่อนไหวใหม่เพื่อให้เกิดการเมืองที่เป็นประโยชน์กับคนตัวเล็กตัวน้อยที่เป็นคนส่วนใหญ่จริงๆ เช่น
*เรียกร้องระบบการคัดสรรผู้สมัคร หรือที่เรียกว่า Primary ในพรรคการเมืองที่ตนสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคมากขึ้น ไม่ใช่เจ๊ๆ เฮีย ผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคไม่กี่คน
*เรียกร้องระบบคุณธรรม พิทักษ์สิทธิ์ของข้าราชการส่วนใหญ่ที่ถูกเด็กนาย เด็กนักการเมืองและพวกซื้อตำแหน่งข้ามหัว สร้างระบบราชการที่เป็นเพื่อนของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่องค์กรส่วนตัวของนักการเมืองที่เปลี่ยนหน้ากันเข้ามา
*ผลักดันนโยบายใหญ่ที่ฝ่ายการเมืองไม่กล้าทำ นี่ยกมาบ่อยๆ แต่จะยกต่อไปเช่นเรื่องการปฏิรูปที่ดิน จัดสรรที่ดินให้ถึงคนเล็กคนน้อย ไม่ให้นายทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลกว้านซื้อถือครองไมได้ทำประโยชน์ แต่ปรากฏว่าไม่เคยได้ยินเหวง ธิดา หรือนักประชาธิปไตยก้าวหน้าที่อ้างประชาชนบ่อยๆ พูดถึงเรื่องนี้เลย
*ล้างระบบอำมาตย์ หมายถึง ระบบเจ้าขุนมูลนายเล่นพรรคเล่นพวก คนธรรมดาไปอำเภอ ไปสำนักงานที่ดิน โรงพยาบาลต้องเข้าคิวรอนาน ก็มีแต่เจ้าขุนมูลนายเล่นพรรคพวกนี่แหละที่ไม่ต้องเข้าคิว มีช่องพิเศษไปนั่งรอห้องหัวหน้าแพล็บเดียวก็เสร็จ ระบบอำมาตย์แบบนี้ต่างหากที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศผจญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ธิดาและพวกไม่ได้สนใจ
ฯลฯ (ตัวอย่างอีกมากมาย) เป็นต้น
การเมืองที่ดีที่เป็นประชาธิปไตยจริงจะเกิดไม่ได้หากพรรคการเมืองยังอยู่ภายใต้การบงการของญาติพี่น้องนายใหญ่กลุ่มเดียว
การเมืองที่ดีที่เป็นประชาธิปไตยจริงจะเกิดไม่ได้หากยังมีกลุ่มคนนักการเมืองและพวกพ้องใช้อำนาจรัฐเพื่อตนเอง ทั้งในการประมูลงาน การกินหัวคิวโครงการ การแต่งตั้งโยกย้าย การทำผิดเป็นถูก การเมืองแบบที่คนกลุ่มเดียวบิดเบือนอำนาจได้ ไม่ต้องสนหลักคุณธรรมและกฎหมายเขาไม่เรียกประชาธิปไตยอย่างแน่นอน อย่างเก่งก็แค่เผด็จการที่ใช้การเลือกตั้งบังหน้า (ปนยาชันจำไว้นะ)
ด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้สึกขบขันกับคำประกาศกวาดล้างอำมาตย์ของธิดาและพวก เอาอีกแล้ว ! วาทกรรมหลอกไพร่ ล้างสมองปนยาชัน ล้างอำมาตย์เก่าเพื่อสร้างระบบเผด็จการอำมาตย์ใหม่ขึ้นมาแทน
ต่างกันเพียงยุคก่อนอำนาจเผด็จการมาจากกระบอกปืน แต่ปัจจุบันอำนาจเผด็จการมาจากทุน-ก็เท่านั้น !
การตั้งเข็มอุดมการณ์ขบวนการคนเสื้อแดงหลังจากได้อำนาจรัฐที่มุ่งไปสู่การกวาดล้างทำลายระบอบอำมาตย์ทั้งระบบฟังดูน่าตลกขบขันเพราะธิดาแกล้งทำไม่รู้ว่าขบวนการทักษิณ-พรรคเพื่อไทยและขบวนการแดงที่ตนสังกัดเนื้อแท้ก็คือระบอบอำมาตย์ใหม่ที่ห่างไกลจากนิยามคำว่าประชาธิปไตยแบบที่คนทั้งโลกเขาเชื่อกัน
การก่อกำเนิดของแนวคิดอุดมการณ์ประชาธิปไตยยุคใหม่เป็นผลมาจากพัฒนาการการเรียนรู้ตกผลึกจากสภาพสังคมในอดีต สิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามกับประชาธิปไตยคือลัทธิปกครองที่รวมศูนย์ภายใต้อำนาจเดี่ยวเบ็ดเสร็จขาดการถ่วงดุล ซึ่งภาษาสมัยใหม่เรียกคลุมไปว่าเผด็จการอำนาจนิยม
โลกแต่ละสมัยมีความจำเป็นตามสภาพการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไปในยุคหนึ่งระบบผู้เข้มแข็งปกครองมีความจำเป็นและเหมาะสมจึงเกิดมีกษัตริย์ จักรพรรดิ ฮ่องเต้ แต่ระบบนี้ผู้ปกครองจำต้องมีธรรมะมากำกับสูงกว่าคนทั่วไป หากผู้ปกครองไม่ดีก็เป็นทรราชกดขี่ อำนาจเดี่ยวยังให้สิทธิผู้ปกครองแต่งตั้งขุนนาง อำมาตย์มาเป็นผู้ปกครองที่มักจะเกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขต ตามอำเภอใจ กดขี่ข่มเหง เอาเปรียบราษฎรสารพัด
อำนาจเดี่ยวจึงไม่เหมาะสมกับอุดมการณ์ยุคใหม่ที่ถืออำนาจมาจากคนเล็กคนน้อย ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นระบบการเมืองที่ออกแบบเพื่อการถ่วงดุล ตรวจสอบอำนาจและพยายามสร้างระบบรองรับเพื่อให้ประโยชน์โภชน์ผลทั้งหลายให้ตกอยู่กับคนส่วนใหญ่ของสังคมจริงๆ
ระบอบประชาธิปไตยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขจัดสิ่งที่เรียกว่า อำนาจเดี่ยว อำนาจนิยม อำนาจเบ็ดเสร็จ ตลอดถึงขบวนการเครือข่ายปกครองที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต กดขี่ เอาเปรียบชาวบ้านเขา แต่ถ้ายังมีคนที่มีอำนาจเดี่ยวชี้นิ้วบงการ มีเครือข่ายลิ่วล้ออำมาตย์ รมช. ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขารัฐมนตรี บิ๊กโน่น บิ๊กนี่ มีตำรวจเป็นกองกำลังรับใช้ แล้วก็ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ได้งานรับเหมา ได้หัวคิวโครงการ แต่งตั้งโยกย้าย ฯลฯ เขาไม่เรียกว่าเป็นสังคมประชาธิปไตยหรอก
ธิดา ถาวรเศรษฐและพวกสร้างวาทกรรม “อำมาตย์”ขึ้นมาแล้วเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย เป็นเกมหลอกเด็กอมมือโดยเฉพาะปนยาชันฟันน้ำนมทั้งหลายให้หลงเชื่อ เพราะฟังเผินๆ ยังไงเสียประชาธิปไตยย่อมดีกว่าระบบอำมาตย์ที่ล้าหลัง และเป็นเผด็จการไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ไม่น่าเชื่อว่านอกจากไพร่ราบที่แห่ตามแล้วจึงยังมีปนยาชันฟันน้ำนมหลงเชื่อตามวาทกรรมหลอกลวงดังกล่าวอยู่ไม่น้อย
เมื่อพิจารณาจากเนื้อหากันจริงๆ จะพบว่า การเมืองไทยได้เคลื่อนจากประชาธิปไตยครึ่งใบที่มีระบบราชการกำกับ (อำมาตยาธิปไตย) มาสู่ ประชาธิปไตยครึ่งใบที่มีทุนสามานย์กำกับบนฐานของระบบราชการแบบรวมศูนย์ดั้งเดิม ธิดา ถาวรเศรษฐและพวกจึงไม่ใช่นักต่อสู้อำมาตย์เพื่อประชาธิปไตยตามที่อวดอ้าง หากแต่เป็นนายหน้าให้กับระบอบเผด็จการใหม่ที่กำลังครอบงำสังคมไทยในตอนนี้ต่างหาก
ซึ่งหากจะเรียกอย่างเท่ๆ อาจจะเรียกว่า ระบอบทุนนิยมอำมาตยาธิปไตยอันมีฮ่องเต้ดูไบเป็นประมุข !!!
มันจึงน่าตลกมากที่ธิดาชักชวนคนเสื้อแดงนปช.ให้กวาดล้างอำมาตย์ เพราะตอนนี้ทักษิณ รัฐบาลเพื่อไทย และขบวนการแดงต่างหากที่เป็นอำมาตย์ใหม่เกาะกินสังคมไทยอยู่
ไม่ได้เขียนถ้อยคำเท่ๆ ขึ้นมาเอามันหรอกนะครับ แวดวงวิชาการการเมืองไทยมีข้อสรุปมาก่อนนานแล้วว่า การเมืองไทยยุคก่อนหน้านี้เรียกว่า “อำมาตยาธิปไตย” โดยมองจากอำนาจของระบบราชการเข้มแข็งกว่าฝ่ายการเมือง ที่ล้มลุกคลุกคลานจากรัฐประหารบ่อยครั้ง ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะถูกครอบงำจาราชการประจำ ตอนที่ชวน หลีกภัยเป็นนายกครั้งแรกนอกจากจะถูกค่อนขอดว่าเชื่องช้าแล้ว ยังมีคนตั้งให้เป็น “ปลัดประเทศ” ด้วยซ้ำไป
แต่ภาวการณ์ที่ฝ่ายประจำครอบงำเป็นฝ่ายนำการเมืองได้สิ้นสลายไปตั้งแต่ 10 ปีก่อน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เคยเป็นกรอบทิศทางหลักถูกฝ่ายการเมืองสลัดโยนทิ้งตั้งแต่แผนที่ 10 แล้วก็ใช้ทักษิโณมิกส์แทน
การเมืองต่างหากที่ครอบงำ ชี้นำ กำกับ บงการระบบราชการแทบเบ็ดเสร็จในปัจจุบัน !!!
แต่งตั้งโยกย้ายทีจึงมีข่าวราชการหอบเงินไปเป็นล้านๆ เพื่อซื้อตำแหน่งจากนักการเมือง ตำรวจก็ประกาศมีวันนี้เพราะพี่ให้ เป็ดก็ไปตอกย้ำว่ากับตำรวจถ้าไม่ใช่เพื่อไทยก็ต้องทำใจ ผู้ว่าฯ หากไม่ใช่สายเจ๊ก็ไม่ได้โต
ไม่เหลือแล้วครับอำมาตยาธิปไตย ในฐานะที่ฝ่ายประจำไปครอบงำแทรกแซงฝ่ายการเมือง การรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นเฮือกสุดท้ายจริงๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่าพ้นสมัยของทหาร แต่ทักษิณและขบวนการเสื้อแดงก็ยังจำเป็นต้องปลุกผี “อำมาตย์” วาดให้เป็นอสูรร้ายใหญ่โต เอะอะก็ประกาศแบบเท่ๆ ว่าจะมีรัฐประหาร มีแผนจับตัวนายกฯ แล้วก็เปิดโรงเรียนต้านรัฐประหาร ต้านอำมาตย์ ภาษาเหนือเขาเรียกว่า จุ๊หมาน่อยขึ้นดอยไปเรื่อยๆ เพื่อให้เต้น ให้เหวง ให้วิภูแถลง ก่อแก้ว เจ๋ง อริสมันต์ อยู่บนยอดคลื่นแห่งอำนาจกันต่อไป
สิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็คือ ระบบราชการเกือบทั้งระบบอยู่ภายใต้บงการครอบงำกำกับเบ็ดเสร็จจากนักการเมืองแม้แต่ทหารก็ไปซะครึ่งแล้วด้วยซ้ำ ระบบราชการของไทยเป็นระบบรวมศูนย์มายาวนาน พัฒนาการของการรวมศูนย์ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจนเป็นภาระค่าใช้จ่ายประจำถึง 80% ของงบประมาณแผ่นดิน อย่างตำรวจจะตั้งนายพลลงจังหวัดอีกก็ไม่ได้อีกแล้วเพราะเงินไม่มี ระบบรวมศูนย์ดังกล่าวเอื้อให้นักการเมืองสามารถครอบงำระบบราชการได้ง่าย เพราะอำนาจอยู่ที่ปลัดกระทรวง อธิบดี
ระบบเผด็จการในยุคก่อนขึ้นกับเจ้าขุนมูลนายชี้นิ้วว่า ไอ้โน่นไอ้นี่เอ็งไปกินเมืองนั้น มียุคใหม่เจ้าขุนมูลนายที่มาจากการเลือกตั้งก็ชี้นิ้วไอ้โน่นไอ้นี่เอ็งไปกินเมืองแทนเจ๊ !!!
มันต่างกันตรงไหน อำมาตย์เก่า กับ อำมาตย์ใหม่..?
ธิดา ถาวรเศรษฐ สร้างวาทกรรมหลอกเด็กเรื่องฝ่ายอำมาตย์ กับฝ่ายประชาธิปไตยขึ้นมาก็เพื่อเป้นฐานอำนาจให้กับอำมาตย์ใหม่ หากธิดาและขบวนการนปช. มีความเชื่อและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและการเมืองที่ดีจริงๆ แล้ว พวกเขาย่อมต้องตั้งเป้าการเคลื่อนไหวใหม่เพื่อให้เกิดการเมืองที่เป็นประโยชน์กับคนตัวเล็กตัวน้อยที่เป็นคนส่วนใหญ่จริงๆ เช่น
*เรียกร้องระบบการคัดสรรผู้สมัคร หรือที่เรียกว่า Primary ในพรรคการเมืองที่ตนสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคมากขึ้น ไม่ใช่เจ๊ๆ เฮีย ผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคไม่กี่คน
*เรียกร้องระบบคุณธรรม พิทักษ์สิทธิ์ของข้าราชการส่วนใหญ่ที่ถูกเด็กนาย เด็กนักการเมืองและพวกซื้อตำแหน่งข้ามหัว สร้างระบบราชการที่เป็นเพื่อนของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่องค์กรส่วนตัวของนักการเมืองที่เปลี่ยนหน้ากันเข้ามา
*ผลักดันนโยบายใหญ่ที่ฝ่ายการเมืองไม่กล้าทำ นี่ยกมาบ่อยๆ แต่จะยกต่อไปเช่นเรื่องการปฏิรูปที่ดิน จัดสรรที่ดินให้ถึงคนเล็กคนน้อย ไม่ให้นายทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลกว้านซื้อถือครองไมได้ทำประโยชน์ แต่ปรากฏว่าไม่เคยได้ยินเหวง ธิดา หรือนักประชาธิปไตยก้าวหน้าที่อ้างประชาชนบ่อยๆ พูดถึงเรื่องนี้เลย
*ล้างระบบอำมาตย์ หมายถึง ระบบเจ้าขุนมูลนายเล่นพรรคเล่นพวก คนธรรมดาไปอำเภอ ไปสำนักงานที่ดิน โรงพยาบาลต้องเข้าคิวรอนาน ก็มีแต่เจ้าขุนมูลนายเล่นพรรคพวกนี่แหละที่ไม่ต้องเข้าคิว มีช่องพิเศษไปนั่งรอห้องหัวหน้าแพล็บเดียวก็เสร็จ ระบบอำมาตย์แบบนี้ต่างหากที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศผจญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ธิดาและพวกไม่ได้สนใจ
ฯลฯ (ตัวอย่างอีกมากมาย) เป็นต้น
การเมืองที่ดีที่เป็นประชาธิปไตยจริงจะเกิดไม่ได้หากพรรคการเมืองยังอยู่ภายใต้การบงการของญาติพี่น้องนายใหญ่กลุ่มเดียว
การเมืองที่ดีที่เป็นประชาธิปไตยจริงจะเกิดไม่ได้หากยังมีกลุ่มคนนักการเมืองและพวกพ้องใช้อำนาจรัฐเพื่อตนเอง ทั้งในการประมูลงาน การกินหัวคิวโครงการ การแต่งตั้งโยกย้าย การทำผิดเป็นถูก การเมืองแบบที่คนกลุ่มเดียวบิดเบือนอำนาจได้ ไม่ต้องสนหลักคุณธรรมและกฎหมายเขาไม่เรียกประชาธิปไตยอย่างแน่นอน อย่างเก่งก็แค่เผด็จการที่ใช้การเลือกตั้งบังหน้า (ปนยาชันจำไว้นะ)
ด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้สึกขบขันกับคำประกาศกวาดล้างอำมาตย์ของธิดาและพวก เอาอีกแล้ว ! วาทกรรมหลอกไพร่ ล้างสมองปนยาชัน ล้างอำมาตย์เก่าเพื่อสร้างระบบเผด็จการอำมาตย์ใหม่ขึ้นมาแทน
ต่างกันเพียงยุคก่อนอำนาจเผด็จการมาจากกระบอกปืน แต่ปัจจุบันอำนาจเผด็จการมาจากทุน-ก็เท่านั้น !