ผมกลับไปค้นหนังสือไนท์ซาฟารีเพื่อมาอ้างอิงเขียนบทความชิ้นนี้….เป็นเรื่องของนายปลอดประสพ สุรัสวดีเมื่อ 8-10 ปีก่อนนั่นเพราะดูเหมือนหนังเรื่องเก่าคือกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิสดารกำลังจะฉายซ้ำรอยเดิม
เมื่อปี 2548 ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมยุคคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์เป็นประธานได้มีโครงการทำหนังสือข่าวเจาะด้านสิ่งแวดล้อม Environment: The Hidden Facts ขึ้นมาชุดหนึ่งในจำนวนนั้นมีเล่มที่ชื่อ “ไนท์ซาฟารี:หลุมดำดูดงบส่อเค้าถมไม่เต็ม” ซึ่งผมได้ร่วมเขียนด้วย หนังสือเล่มนี้ฟันธงว่าโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะขาดทุนต้องเอาเงินไปถมเพื่อหล่อเลี้ยงอยู่ตลอด อีกทั้งยังสืบค้นความไม่ชอบมาพากล ไม่ชัดเจนและไม่โปร่งใสของโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มสร้าง แม้เวลานั้นไม่มีใครสนใจเพราะกำลังเห่อกับของใหม่ที่ทักษิณเอามาประทานให้คนเชียงใหม่ แต่เวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงตามที่เขียนไว้ โครงการไนท์ซาฟารีมีปัญหาการบริหารจัดการมาโดยตลอด 6-7 ปีมานี้ จนกระทั่งล่าสุดเพิ่งจะเป็นข่าวเมื่อพนักงานและชาวบ้านรอบๆ ร่วมกันประท้วงที่รัฐมีแผนจะยุบรวมกับองค์การสวนสัตว์
ในที่นี้เราจะยังไม่พูดถึงปัญหาของไนท์ซาฟารีหรือการยุบรวม แต่จะขอย้อนกลับไปถึงกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการกำเนิดของไนท์ซาฟารีที่ทำกันแบบมั่วๆ ลอยๆ อ้างนายใหญ่สั่ง อ้างระบบฟาสต์แทร็ควิธีพิเศษ จัดซื้อจัดจ้างก็พิเศษ ก่อสร้างก็พิเศษ ไม่ต้องทำ EIA ทั้งๆ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งก็เดินหน้าทำโครงการแบบผิดกฏหมายอุทยานฯ ตำตาก็ยังทำไป
ยุคนั้นเป็นยุครัฐบาลเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง เหิมอำนาจ ไม่แยแสกฏหมาย ระเบียบวิธีการ ฝ่ายข้าราชการเองก็บ้าอำนาจพอกัน จึงกลายเป็นตำนานไนท์ซาฟารีขึ้นมาเป็นผลพวงรูปธรรมสะท้อนความล้มเหลวในการบริหาร และสะท้อนการจัดการแบบเผด็จการบ้าอำนาจขาดความโปร่งใสมาจนถึงวันนี้
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ที่เคยเป็นหัวหอกดำเนินการโครงการไนท์ซาฟารีในวันนั้นได้มานั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กำลังสนุกสนานกับการใช้งบประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาทอ้างว่าเพื่อการแก้ปัญหาน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน และก็บังเอิญอย่างร้ายกาจที่กระบวนการ วิธีการจัดการใช้งบประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาทของเขา ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับวิธีการเลี่ยงบาลีในนามของโครงการเร่งด่วนที่เคยทำมากับโครงการไนท์ซาฟารีอย่างน่าสนใจ
ลองเปรียบเทียบดูสิครับ
เมื่อปี 2545 จู่ๆ ทักษิณ ชินวัตรก็มีความคิดสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่เลียนแบบสิงคโปร์บอกว่าอยากมีไนท์ซาฟารีที่เชียงใหม่ (โดยยังไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้น) ทางจังหวัดก็เด้งผางรับสนองบัญชาไปเจอที่ดินแปลงหนึ่งของกรมป่าไม้บริเวณที่ตั้งไนท์ซาฟารีปัจจุบันอธิบดีกรมป่าไม้ตอนนั้นชื่อ ปลอดประสพ สุรัสวดี เรื่องจึงเข้าล็อกมาตั้งแต่ตอนนั้น
25 มี.ค.2545 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนและต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการวางแผนวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืน เรียกย่อๆ ว่า สสค. มีนายปลอดประสพ เป็นประธาน
อิทธิฤทธิ์ของ สสค.ชุดนี้ ขนาดยังไม่ทันศึกษาอะไรเป็นเรื่องราวแต่ก็รู้ดีรู้ไปหมดมองทะลุปรุโปร่งเป็นฉากๆ สสค.ตั้งเมื่อปลายมีนาคม พอกลางเมษายนเท่านั้น หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวใหญ่โตบรรยายลักษณะของไนท์ซาฟารีเชียงใหม่เสียเลิศลอย เช่น ข่าวสด 13 เม.ย.2545 พาดหัวว่า “ป่าไม้ลุยดิสนีย์ไทย-ลานสเก็ตน้ำแข็ง” อ้างว่าใช้ที่เป็นพันไร่ไม่ตัดไม้แม้แต่ต้นเดียว ลานสเก็ตมีนายทุนญี่ปุ่นลงทุนให้ มีปากปล่องภูเขาไฟให้นักท่องเที่ยวส่องดูสัตว์จากข้างบน มีดีสนีย์เวิลด์แสงสีเสียงครบ..ว่าไปโน่น
ไอ้การให้สัมภาษณ์ลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไรพูดแบบผีเจาะปากแบบนี้เป็นเรื่องปกติมากของคณะกรรมการตั้งไนท์ซาฟารีหาดูได้จากหนังสือพิมพ์ในยุคนั้นโดยทั่วไป เช่นต่อจากนั้นก็มีข่าวโคมลอยว่าไปเรื่อยๆ ว่าจะยุบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่ที่ถนนห้วยแก้วมาอยู่ที่แม่เหียะ แล้วก็บอกว่าจะให้แพนด้าก็จะย้ายมารวมกับไนท์ซาฟารี การพูดไปเรื่อยๆ อ้างโน่นนี่ โดยไม่หลักฐานอะไรมารองรับช่างละม้ายกับโครงการ 3.5 แสนล้านที่เป็นอยู่ตอนนี้มั้ยครับ คือมีแต่ข่าวออกมาแต่ไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการอะไรรองรับเป็นชิ้นเป็นอัน
จากนั้นปลอดประสพบินไปดูงานที่สิงคโปร์ ไปเชิญ ดร.เบอร์นาร์ด แฮริสัน ผู้เชี่ยวชาญที่ก่อตั้งไนท์ซาฟารีสิงคโปร์มา แล้วก็ของบจ้างบริษัทของดร.เบอร์นาร์ด เพื่อทำ “Conceptual Plan” ด้วยวิธีพิเศษ มูลค่า 4.4ล้านบาท
คุ้นๆ มั้ยครับ Conceptual Plan ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิธีพิเศษทั้งปวงของไนท์ซาฟารี เพราะคำ ๆ ถูกนำมาใช้ซ้ำในโครงการ 3.5 แสนล้านเชิญชวนเอกชน “ขายฝัน” ร่างโครงแบบความคิดของการจัดการน้ำแบบยั่งยืน โดยไม่ต้องมีหลักมีเกณฑ์แบบเดียวกับโครงการปกติเขาทำกัน จนกระทั่งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ต้องออกโรงมาวิจารณ์หนักๆ ตามที่เป็นข่าว
ย้อนกลับไปไนท์ซาฟารี เมื่อดร.เบอร์นาร์ดส่ง Conceptual Plan ในปลายปี 2545 ต่อจากนั้นก็เริ่มแล้วครับขั้นตอนกระบวนการพิสดารทั้งหลายก็ตามมา
เริ่มจากการทำหน้าซื่อแหกกฏหมาย ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฯ ไม่สามารถปลูกสร้าง ขุดบ่อ หรือเอาพืชสัตว์ต่างถิ่นเข้ามา แต่นายปลอดประสพย้ำอยู่นั่นว่าไม่ผิดกฏหมายไม่ต้องทำ EIA และด้วยความที่รัฐบาลยุคนั้นเป็นรัฐบาลเผด็จการจากการเลือกตั้งจึงไม่สนและแยแสใดๆ กับกฏหมาย จึงปล่อยให้ไนท์ซาฟารีเดินหน้าตามประสงค์ของนายใหญ่หัวโต๊ะ จนโน่นแหละรัฐบาลต่อๆ มาจึงต้องมาล้างขี้ที่ทำไว้ ตั้งเรื่องเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติ 800 กว่าไร่จุดดังกล่าว จนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่งจะมามีมติครม. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมานี้เองให้เพิกถอนออกมา แต่ก็ยังเหนียมไม่ระบุชื่อโครงการไนท์ซาฟารีให้ขายหน้าตัวเอง ไปเรียกเป็นพืชสวนโลกให้ดูกำกวมเสีย....
การทำหน้าซื่อไม่สนกฏหมาย ไม่สนใจ EIA แบบนี้คุ้นๆ มั้ยครับ !!!
ต่อจากนั้นก็เริ่มสิ่งที่เรียกว่า Fast Track ก็คือ การดำเนินงานโดยวิธีพิเศษไม่ปรากฏในแผนงบประมาณตาม พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่ต้องมีการออกแบบก่อสร้าง คือ ออกแบบไปพลางสร้างไปพลางตามใจผู้มีอำนาจชี้นิ้ว จัดจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญ เบอร์นาร์ดแฮริสันแอนด์เฟรนด์ ได้งานจัดทำแผนแม่บทไป ด้วยวงเงิน 19 ล้านกว่าบาท และก็ให้พรรคพวกกันคือบริษัทเทสโก้ จำกัด ได้งานออกแบบรายละเอียดมูลค่า 30 ล้านบาท
ทั้งสองบริษัทล้วนจัดจ้างวิธีพิเศษ สำหรับเบอร์นาร์ดนั้นเข้าใจได้เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำไนท์ซาฟารีสิงคโปร์มาก่อน แต่บริษัทไทยที่ชื่อว่า บริษัทเทสโก้ จำกัดนี่สิ ...เพราะกรรมการชุดปลอดประสพไม่เคยตอบคำถามเลยว่าโผล่มาได้ยังไง ทำไมจู่ๆ จึงคว้างาน ออกแบบรายละเอียด แบบออกไปพลาง ทำไปพลางประสา Fast Track ได้ยังไง
ความลับไม่มีในโลก...เรื่องมาแดงภายหลังเมื่อไม่นานมานี้เองเมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานสกู๊ปข่าวว่าด้วยบัญชีทรัพย์สินและกิจการของปลอดประสพ สุรัสวดี พาดหัวว่า “บ.หุ้นส่วนเมียปลอดประสพคว้าเงียบงบพัฒนาพื้นที่พิเศษงบ 14.2 ล้าน” คลิกอ่านดูเถอะครับว่า บริษัท เทสโก้ จำกัด ซึ่งเคยจู่ๆ โผล่มาคว้างานไนท์ซาฟารีด้วยวิธีพิเศษ นั้นมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับคนในครอบครัวสุรัสวดีกันแบบไหน ถึงขนาดร่วมหุ้นกันตั้งบริษัทใหม่และได้งานจากหน่วยงานอพท. ซึ่งก็คือหน่วยงานที่ตั้งมาเพื่อจัดการไนท์ซาฟารีเมื่อครั้งกระโน้นนั่นเอง
เอาเป็นว่า หลังจากทำ Conceptual Plan ที่ เขาก็อ้างความเร่งด่วนเพื่อได้ใช้วิธีพิสดาร คือ ออกแบบแผนแม่บทไปพลาง พร้อมๆ กับออกแบบแผนรายละเอียด และก่อสร้างไปพลางโดยใช้ทหารช่าง วงเงิน 1,155.90 ล้านบาท ในนามของ Fast Track ไม่ต้องประมูล ใช้วิธีพิเศษลูกเดียว
ผมคิดว่าคนในวงการก่อสร้างหรือทำโครงการใหญ่ก็คงงงแหละครับ แผนแม่บทร่างไปพลางฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งออกแบบรายละเอียด อีกฝ่ายหนึ่งก็สร้างไปพลางให้เสร็จใน 1 ปี 8 เดือน (ก.ค.46-มี.ค.48) ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ แต่ปลอดประสพก็ทำมาแล้ว
และที่สำคัญที่ปลอดประสพทำมาแล้ว คือบริษัทที่ออกแบบรายละเอียดที่เป็นหัวใจของงานนี่ “พวกเดียวกัน” ชัดเจน ดังนั้นจะหันซ้ายหันขวาเอาวัสดุแบบไหนทำอะไร ราคาเท่าไหร่ ล้วนกุมได้ทุกเม็ด
นายปลอดประสพเอารายงานผลการศึกษาโครงการเข้าอนุมัติครม. อ้างว่ามีการวิเคราะห์ผลตอบแทนโครงการ-ความเป็นไปได้ทางการเงิน ปรากฏว่าโครงการมีความเป็นไปได้ทางการเงินให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยมี NPV=88.38 B/C ratio=1.053 และ IRR=8 ซึ่งเวลาที่ผ่านมาก็ๆได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าตัวเลขประเมินนี้เป็นเลขที่ยกเมฆขึ้นมาเพื่อการขออนุมัติงบประมาณหรือเป็นเลขจริง
ในการออกรายการทีวี.ช่อง 9 ครั้งหนึ่ง ปลอดประสพโต้เถียงกับเอ็นจีโอใหญ่ ชัยพันธ์ ประภาสะวัตที่ยืนยันว่าโครงการนี้ขาดทุนแน่ ปลอดประสพรับคำท้าว่าถ้าขาดทุนเขาจะควักเงินตัวเองมาจ่ายให้รัฐ แต่จนบัดนี้ก็ไม่เห็นทำตามสัญญาที่เคยลั่นปากออกทีวี มิหนำซ้ำชัยพันธ์ ยังถูกคนติดตามของปลอดประสพทำร้ายร่างกายในห้องส่งต่อหน้าสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาด้วยซ้ำ (ทำให้ผมประเมินสรยุทธ์ใหม่ ก็แค่สื่อทำมาหาแหลก-ต่ำเตี้ยเรี่ยดินตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา)
อุทาหรณ์ของเรื่องนี้.., สำหรับประชาชนคนไทยเจ้าของเงิน (ที่แท้คือลูกหนี้ที่กู้มา) 3.5แสนล้านขอให้พึงทราบว่า อย่าได้เผลอให้รัฐบาลดีแต่คำโม้ ปากว่าโปร่งใสไม่โกงมาดำเนินโครงการใด ๆ ที่ไม่มีรายละเอียดชัดเจนให้กับท่าน มิฉะนั้นจะกลายเป็นเหยื่อให้กับพวกที่รู้จักช่องทางทำมาหากินกับงบรัฐ และที่สำคัญต้องฟังข่าวสารด้วยสติสัมปชัญญะเช่น อย่าไปเชื่อว่า จะมีการปรับเปลี่ยนสภาพป่าทั้งประเทศให้เป็นป่าดิบเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อจะหาข้ออ้างเอาเงินเราไปใช้ปรับสภาพป่า ทั้งๆ ที่ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นได้จริงในทางปฏิบัติ
ด้วยวีรกรรมที่ผ่านมาทั้งหลายแหล่ ผมจึงเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อคำป่าวประกาศและวิธีการใดๆ ของกบอ.โดยเด็ดขาด ยกเว้นจะมีเงื่อนไขรัดกุมรายละเอียดชัดเจนเป็นหลักฐานจับต้องได้ จะไม่เชื่อลมปากลอย ๆ วิธีการพูดให้พ้นๆ แบบยกโน่นนี่มาอ้างแบบที่เขาเคยทำมา
เพราะผมเชื่อภาษิตที่ว่า สันดอนขุดได้....................... !
เมื่อปี 2548 ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมยุคคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์เป็นประธานได้มีโครงการทำหนังสือข่าวเจาะด้านสิ่งแวดล้อม Environment: The Hidden Facts ขึ้นมาชุดหนึ่งในจำนวนนั้นมีเล่มที่ชื่อ “ไนท์ซาฟารี:หลุมดำดูดงบส่อเค้าถมไม่เต็ม” ซึ่งผมได้ร่วมเขียนด้วย หนังสือเล่มนี้ฟันธงว่าโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะขาดทุนต้องเอาเงินไปถมเพื่อหล่อเลี้ยงอยู่ตลอด อีกทั้งยังสืบค้นความไม่ชอบมาพากล ไม่ชัดเจนและไม่โปร่งใสของโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มสร้าง แม้เวลานั้นไม่มีใครสนใจเพราะกำลังเห่อกับของใหม่ที่ทักษิณเอามาประทานให้คนเชียงใหม่ แต่เวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงตามที่เขียนไว้ โครงการไนท์ซาฟารีมีปัญหาการบริหารจัดการมาโดยตลอด 6-7 ปีมานี้ จนกระทั่งล่าสุดเพิ่งจะเป็นข่าวเมื่อพนักงานและชาวบ้านรอบๆ ร่วมกันประท้วงที่รัฐมีแผนจะยุบรวมกับองค์การสวนสัตว์
ในที่นี้เราจะยังไม่พูดถึงปัญหาของไนท์ซาฟารีหรือการยุบรวม แต่จะขอย้อนกลับไปถึงกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการกำเนิดของไนท์ซาฟารีที่ทำกันแบบมั่วๆ ลอยๆ อ้างนายใหญ่สั่ง อ้างระบบฟาสต์แทร็ควิธีพิเศษ จัดซื้อจัดจ้างก็พิเศษ ก่อสร้างก็พิเศษ ไม่ต้องทำ EIA ทั้งๆ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งก็เดินหน้าทำโครงการแบบผิดกฏหมายอุทยานฯ ตำตาก็ยังทำไป
ยุคนั้นเป็นยุครัฐบาลเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง เหิมอำนาจ ไม่แยแสกฏหมาย ระเบียบวิธีการ ฝ่ายข้าราชการเองก็บ้าอำนาจพอกัน จึงกลายเป็นตำนานไนท์ซาฟารีขึ้นมาเป็นผลพวงรูปธรรมสะท้อนความล้มเหลวในการบริหาร และสะท้อนการจัดการแบบเผด็จการบ้าอำนาจขาดความโปร่งใสมาจนถึงวันนี้
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ที่เคยเป็นหัวหอกดำเนินการโครงการไนท์ซาฟารีในวันนั้นได้มานั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กำลังสนุกสนานกับการใช้งบประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาทอ้างว่าเพื่อการแก้ปัญหาน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน และก็บังเอิญอย่างร้ายกาจที่กระบวนการ วิธีการจัดการใช้งบประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาทของเขา ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับวิธีการเลี่ยงบาลีในนามของโครงการเร่งด่วนที่เคยทำมากับโครงการไนท์ซาฟารีอย่างน่าสนใจ
ลองเปรียบเทียบดูสิครับ
เมื่อปี 2545 จู่ๆ ทักษิณ ชินวัตรก็มีความคิดสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่เลียนแบบสิงคโปร์บอกว่าอยากมีไนท์ซาฟารีที่เชียงใหม่ (โดยยังไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้น) ทางจังหวัดก็เด้งผางรับสนองบัญชาไปเจอที่ดินแปลงหนึ่งของกรมป่าไม้บริเวณที่ตั้งไนท์ซาฟารีปัจจุบันอธิบดีกรมป่าไม้ตอนนั้นชื่อ ปลอดประสพ สุรัสวดี เรื่องจึงเข้าล็อกมาตั้งแต่ตอนนั้น
25 มี.ค.2545 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนและต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการวางแผนวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืน เรียกย่อๆ ว่า สสค. มีนายปลอดประสพ เป็นประธาน
อิทธิฤทธิ์ของ สสค.ชุดนี้ ขนาดยังไม่ทันศึกษาอะไรเป็นเรื่องราวแต่ก็รู้ดีรู้ไปหมดมองทะลุปรุโปร่งเป็นฉากๆ สสค.ตั้งเมื่อปลายมีนาคม พอกลางเมษายนเท่านั้น หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวใหญ่โตบรรยายลักษณะของไนท์ซาฟารีเชียงใหม่เสียเลิศลอย เช่น ข่าวสด 13 เม.ย.2545 พาดหัวว่า “ป่าไม้ลุยดิสนีย์ไทย-ลานสเก็ตน้ำแข็ง” อ้างว่าใช้ที่เป็นพันไร่ไม่ตัดไม้แม้แต่ต้นเดียว ลานสเก็ตมีนายทุนญี่ปุ่นลงทุนให้ มีปากปล่องภูเขาไฟให้นักท่องเที่ยวส่องดูสัตว์จากข้างบน มีดีสนีย์เวิลด์แสงสีเสียงครบ..ว่าไปโน่น
ไอ้การให้สัมภาษณ์ลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไรพูดแบบผีเจาะปากแบบนี้เป็นเรื่องปกติมากของคณะกรรมการตั้งไนท์ซาฟารีหาดูได้จากหนังสือพิมพ์ในยุคนั้นโดยทั่วไป เช่นต่อจากนั้นก็มีข่าวโคมลอยว่าไปเรื่อยๆ ว่าจะยุบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่ที่ถนนห้วยแก้วมาอยู่ที่แม่เหียะ แล้วก็บอกว่าจะให้แพนด้าก็จะย้ายมารวมกับไนท์ซาฟารี การพูดไปเรื่อยๆ อ้างโน่นนี่ โดยไม่หลักฐานอะไรมารองรับช่างละม้ายกับโครงการ 3.5 แสนล้านที่เป็นอยู่ตอนนี้มั้ยครับ คือมีแต่ข่าวออกมาแต่ไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการอะไรรองรับเป็นชิ้นเป็นอัน
จากนั้นปลอดประสพบินไปดูงานที่สิงคโปร์ ไปเชิญ ดร.เบอร์นาร์ด แฮริสัน ผู้เชี่ยวชาญที่ก่อตั้งไนท์ซาฟารีสิงคโปร์มา แล้วก็ของบจ้างบริษัทของดร.เบอร์นาร์ด เพื่อทำ “Conceptual Plan” ด้วยวิธีพิเศษ มูลค่า 4.4ล้านบาท
คุ้นๆ มั้ยครับ Conceptual Plan ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิธีพิเศษทั้งปวงของไนท์ซาฟารี เพราะคำ ๆ ถูกนำมาใช้ซ้ำในโครงการ 3.5 แสนล้านเชิญชวนเอกชน “ขายฝัน” ร่างโครงแบบความคิดของการจัดการน้ำแบบยั่งยืน โดยไม่ต้องมีหลักมีเกณฑ์แบบเดียวกับโครงการปกติเขาทำกัน จนกระทั่งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ต้องออกโรงมาวิจารณ์หนักๆ ตามที่เป็นข่าว
ย้อนกลับไปไนท์ซาฟารี เมื่อดร.เบอร์นาร์ดส่ง Conceptual Plan ในปลายปี 2545 ต่อจากนั้นก็เริ่มแล้วครับขั้นตอนกระบวนการพิสดารทั้งหลายก็ตามมา
เริ่มจากการทำหน้าซื่อแหกกฏหมาย ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฯ ไม่สามารถปลูกสร้าง ขุดบ่อ หรือเอาพืชสัตว์ต่างถิ่นเข้ามา แต่นายปลอดประสพย้ำอยู่นั่นว่าไม่ผิดกฏหมายไม่ต้องทำ EIA และด้วยความที่รัฐบาลยุคนั้นเป็นรัฐบาลเผด็จการจากการเลือกตั้งจึงไม่สนและแยแสใดๆ กับกฏหมาย จึงปล่อยให้ไนท์ซาฟารีเดินหน้าตามประสงค์ของนายใหญ่หัวโต๊ะ จนโน่นแหละรัฐบาลต่อๆ มาจึงต้องมาล้างขี้ที่ทำไว้ ตั้งเรื่องเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติ 800 กว่าไร่จุดดังกล่าว จนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่งจะมามีมติครม. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมานี้เองให้เพิกถอนออกมา แต่ก็ยังเหนียมไม่ระบุชื่อโครงการไนท์ซาฟารีให้ขายหน้าตัวเอง ไปเรียกเป็นพืชสวนโลกให้ดูกำกวมเสีย....
การทำหน้าซื่อไม่สนกฏหมาย ไม่สนใจ EIA แบบนี้คุ้นๆ มั้ยครับ !!!
ต่อจากนั้นก็เริ่มสิ่งที่เรียกว่า Fast Track ก็คือ การดำเนินงานโดยวิธีพิเศษไม่ปรากฏในแผนงบประมาณตาม พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่ต้องมีการออกแบบก่อสร้าง คือ ออกแบบไปพลางสร้างไปพลางตามใจผู้มีอำนาจชี้นิ้ว จัดจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญ เบอร์นาร์ดแฮริสันแอนด์เฟรนด์ ได้งานจัดทำแผนแม่บทไป ด้วยวงเงิน 19 ล้านกว่าบาท และก็ให้พรรคพวกกันคือบริษัทเทสโก้ จำกัด ได้งานออกแบบรายละเอียดมูลค่า 30 ล้านบาท
ทั้งสองบริษัทล้วนจัดจ้างวิธีพิเศษ สำหรับเบอร์นาร์ดนั้นเข้าใจได้เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำไนท์ซาฟารีสิงคโปร์มาก่อน แต่บริษัทไทยที่ชื่อว่า บริษัทเทสโก้ จำกัดนี่สิ ...เพราะกรรมการชุดปลอดประสพไม่เคยตอบคำถามเลยว่าโผล่มาได้ยังไง ทำไมจู่ๆ จึงคว้างาน ออกแบบรายละเอียด แบบออกไปพลาง ทำไปพลางประสา Fast Track ได้ยังไง
ความลับไม่มีในโลก...เรื่องมาแดงภายหลังเมื่อไม่นานมานี้เองเมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานสกู๊ปข่าวว่าด้วยบัญชีทรัพย์สินและกิจการของปลอดประสพ สุรัสวดี พาดหัวว่า “บ.หุ้นส่วนเมียปลอดประสพคว้าเงียบงบพัฒนาพื้นที่พิเศษงบ 14.2 ล้าน” คลิกอ่านดูเถอะครับว่า บริษัท เทสโก้ จำกัด ซึ่งเคยจู่ๆ โผล่มาคว้างานไนท์ซาฟารีด้วยวิธีพิเศษ นั้นมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับคนในครอบครัวสุรัสวดีกันแบบไหน ถึงขนาดร่วมหุ้นกันตั้งบริษัทใหม่และได้งานจากหน่วยงานอพท. ซึ่งก็คือหน่วยงานที่ตั้งมาเพื่อจัดการไนท์ซาฟารีเมื่อครั้งกระโน้นนั่นเอง
เอาเป็นว่า หลังจากทำ Conceptual Plan ที่ เขาก็อ้างความเร่งด่วนเพื่อได้ใช้วิธีพิสดาร คือ ออกแบบแผนแม่บทไปพลาง พร้อมๆ กับออกแบบแผนรายละเอียด และก่อสร้างไปพลางโดยใช้ทหารช่าง วงเงิน 1,155.90 ล้านบาท ในนามของ Fast Track ไม่ต้องประมูล ใช้วิธีพิเศษลูกเดียว
ผมคิดว่าคนในวงการก่อสร้างหรือทำโครงการใหญ่ก็คงงงแหละครับ แผนแม่บทร่างไปพลางฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งออกแบบรายละเอียด อีกฝ่ายหนึ่งก็สร้างไปพลางให้เสร็จใน 1 ปี 8 เดือน (ก.ค.46-มี.ค.48) ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ แต่ปลอดประสพก็ทำมาแล้ว
และที่สำคัญที่ปลอดประสพทำมาแล้ว คือบริษัทที่ออกแบบรายละเอียดที่เป็นหัวใจของงานนี่ “พวกเดียวกัน” ชัดเจน ดังนั้นจะหันซ้ายหันขวาเอาวัสดุแบบไหนทำอะไร ราคาเท่าไหร่ ล้วนกุมได้ทุกเม็ด
นายปลอดประสพเอารายงานผลการศึกษาโครงการเข้าอนุมัติครม. อ้างว่ามีการวิเคราะห์ผลตอบแทนโครงการ-ความเป็นไปได้ทางการเงิน ปรากฏว่าโครงการมีความเป็นไปได้ทางการเงินให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยมี NPV=88.38 B/C ratio=1.053 และ IRR=8 ซึ่งเวลาที่ผ่านมาก็ๆได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าตัวเลขประเมินนี้เป็นเลขที่ยกเมฆขึ้นมาเพื่อการขออนุมัติงบประมาณหรือเป็นเลขจริง
ในการออกรายการทีวี.ช่อง 9 ครั้งหนึ่ง ปลอดประสพโต้เถียงกับเอ็นจีโอใหญ่ ชัยพันธ์ ประภาสะวัตที่ยืนยันว่าโครงการนี้ขาดทุนแน่ ปลอดประสพรับคำท้าว่าถ้าขาดทุนเขาจะควักเงินตัวเองมาจ่ายให้รัฐ แต่จนบัดนี้ก็ไม่เห็นทำตามสัญญาที่เคยลั่นปากออกทีวี มิหนำซ้ำชัยพันธ์ ยังถูกคนติดตามของปลอดประสพทำร้ายร่างกายในห้องส่งต่อหน้าสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาด้วยซ้ำ (ทำให้ผมประเมินสรยุทธ์ใหม่ ก็แค่สื่อทำมาหาแหลก-ต่ำเตี้ยเรี่ยดินตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา)
อุทาหรณ์ของเรื่องนี้.., สำหรับประชาชนคนไทยเจ้าของเงิน (ที่แท้คือลูกหนี้ที่กู้มา) 3.5แสนล้านขอให้พึงทราบว่า อย่าได้เผลอให้รัฐบาลดีแต่คำโม้ ปากว่าโปร่งใสไม่โกงมาดำเนินโครงการใด ๆ ที่ไม่มีรายละเอียดชัดเจนให้กับท่าน มิฉะนั้นจะกลายเป็นเหยื่อให้กับพวกที่รู้จักช่องทางทำมาหากินกับงบรัฐ และที่สำคัญต้องฟังข่าวสารด้วยสติสัมปชัญญะเช่น อย่าไปเชื่อว่า จะมีการปรับเปลี่ยนสภาพป่าทั้งประเทศให้เป็นป่าดิบเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อจะหาข้ออ้างเอาเงินเราไปใช้ปรับสภาพป่า ทั้งๆ ที่ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นได้จริงในทางปฏิบัติ
ด้วยวีรกรรมที่ผ่านมาทั้งหลายแหล่ ผมจึงเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อคำป่าวประกาศและวิธีการใดๆ ของกบอ.โดยเด็ดขาด ยกเว้นจะมีเงื่อนไขรัดกุมรายละเอียดชัดเจนเป็นหลักฐานจับต้องได้ จะไม่เชื่อลมปากลอย ๆ วิธีการพูดให้พ้นๆ แบบยกโน่นนี่มาอ้างแบบที่เขาเคยทำมา
เพราะผมเชื่อภาษิตที่ว่า สันดอนขุดได้....................... !