การเคลื่อนไหวก่อนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีอยู่หลายฝ่ายที่น่าสนใจ เช่น กรณีของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าแม้ตนจะไม่มีความกังวลอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำอะไรผิด แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดมาตรา ๖๘ และนำไปสู่การยุบพรรค นายยงยุทธแสดงความเห็นว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงเหนื่อย เพราะพรรคเราถูกยุบมา ๒ ครั้งแล้ว หากยุบอีก คนในพรรคก็คงเหนื่อยเมื่อถูกถามว่าถ้าโดนยุบพรรคจะมีผลทำให้เกิดความวุ่นวายนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ นายยงยุทธตอบว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่แล้ว
ส่วน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่า ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง และทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ที่รุนแรงขึ้นว่า ดูเหมือนพล.อ.ชวลิตบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญอย่าตัดสินเลย แต่ควรให้คำแนะนำดีกว่า ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการทำลายระบอบการปกครอง เพราะขอแก้ไขตามครรลองของรัฐธรรมนูญ โดยผ่านระบบรัฐสภา มีการถกเถียงและลงมติในรัฐสภา แต่คนที่สร้างรัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาจากการรัฐประหารและถูกสร้างด้วยการปกครองแบบเผด็จการซึ่งคิดเอง ตั้งคนขึ้นมาเอง อนุมัติเอง และบังคับให้ประชาชนรับ ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องบอกหรืออธิบายว่าสิ่งถูกต้องตามรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ หรือฉบับปฏิวัตินั้นควรเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะรับฟังและมาปฏิบัติ คิดว่าพล.อ.ชวลิตคงพูดคล้ายกับตนว่า ขอให้ศาลบอกมาว่าควรจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่ามาตัดสินว่าเป็นการทำลายล้างระบอบการปกครอง
สำหรับเรื่องคำแถลงปิดคดีของพรรคเพื่อไทยนั้น ทีมกฎหมายของพรรคมีการประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อแถลงปิดคดียื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยภายหลังมีการประชุมกว่า ๒ ชั่วโมง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า ทีมกฎหมายของพรรคเห็นว่า มีบางเรื่องต้องชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะบางประเด็นไม่สมบูรณ์ ซึ่งการทำคำแถลงปิดคดีในส่วนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาคงจะมอบให้ทางสภาเป็นผู้เขียนคำแถลงปิดคดี ส่วนรัฐบาลจะมอบให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการขณะที่พรรคเพื่อไทยจะให้ทีมกฎหมายเป็นผู้เขียนคำแถลงปิดคดี
นายอุดมเดชกล่าวว่า ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์แนวทางตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่า จะออกมา ๓ แนวทาง คือ ๑ ยกคำร้อง เพราะไม่เข้าข่ายการทำผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ ๒.ไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับตามมาตรา ๒๙๑ โดยให้ไปยกร่างใหม่เป็นรายมาตรา ๓.เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา ๖๘ และยุบพรรคแต่ทีมกฎหมายเห็นว่า ไม่น่าจะออกมาในแนวทางที่ ๓ เพราะเป็นการฝืนกระแสสังคมและรุนแรงไป น่าจะเป็นแนวทางที่ ๑ หรือ ๒
ส่วน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.กล่าวว่า ขอเดาว่าสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญน่าจะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องโดยตรงตามมาตรา ๖๘ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด และการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ สามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับ แต่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ แทนการให้อำนาจประธานรัฐสภาเป็นผู้ชี้ขาด ไม่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นการล้มล้างการปกครอง ไม่เช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญคงตอบสังคมไม่ได้ และคงต้องแบกรับผลกระทบที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่ส่วนตัวก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะจะเท่ากับทำให้ฝ่ายรัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติเสียหายถูกแทรกแซงจนเสียการถ่วงดุลใน ๓ อำนาจสูงสุด
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันที่ ๑๓ ก.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่ไปเคลื่อนไหวที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ต้องการให้ประเทศมีเรื่องมีราว ไม่ต้องการความรุนแรง แต่อยากฝากเตือนทุกฝ่ายต้องมีวุฒิภาวะมีเหตุผลมีสติปัญญา ไม่อย่างนั้นประเทศเสียหาย ดังนั้นต้องไปในทิศทางที่ดี เราในฐานะผู้ถูกกระทำต้องอดทนอดกลั้น โดยเวลา๑๐.๐๐น. วันที่ ๑๓ ก.ค. แกนนำคนเสื้อแดงทุกคนจะไปรอฟังคำตัดสินที่ ชั้น ๕ ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว และจะแถลงข่าวที่นั่นถึงทีท่าต่อไปด้วย
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษารมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ว่า เครือข่ายวิทยุชุมชนเสื้อแดงทุกสถานีและเครือข่ายวิทยุชุมชนแท็กซี่ ได้นัดหารือถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีมติร่วมกันว่าจะนัดหมายคนเสื้อแดงจัดการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ก.ค.ไปจนถึงเที่ยงคืนวันที่ ๑๓ ก.ค. จะมีวิทยากรมาร่วมอภิปรายถึงความไม่ชอบธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ หากผลออกมาทางลบ จะปักหลักชุมนุมไปเรื่อยๆ และจะระดมคนมาให้มากยิ่งขึ้น
ส่วน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่า ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง และทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ที่รุนแรงขึ้นว่า ดูเหมือนพล.อ.ชวลิตบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญอย่าตัดสินเลย แต่ควรให้คำแนะนำดีกว่า ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการทำลายระบอบการปกครอง เพราะขอแก้ไขตามครรลองของรัฐธรรมนูญ โดยผ่านระบบรัฐสภา มีการถกเถียงและลงมติในรัฐสภา แต่คนที่สร้างรัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาจากการรัฐประหารและถูกสร้างด้วยการปกครองแบบเผด็จการซึ่งคิดเอง ตั้งคนขึ้นมาเอง อนุมัติเอง และบังคับให้ประชาชนรับ ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องบอกหรืออธิบายว่าสิ่งถูกต้องตามรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ หรือฉบับปฏิวัตินั้นควรเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะรับฟังและมาปฏิบัติ คิดว่าพล.อ.ชวลิตคงพูดคล้ายกับตนว่า ขอให้ศาลบอกมาว่าควรจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่ามาตัดสินว่าเป็นการทำลายล้างระบอบการปกครอง
สำหรับเรื่องคำแถลงปิดคดีของพรรคเพื่อไทยนั้น ทีมกฎหมายของพรรคมีการประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อแถลงปิดคดียื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยภายหลังมีการประชุมกว่า ๒ ชั่วโมง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า ทีมกฎหมายของพรรคเห็นว่า มีบางเรื่องต้องชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะบางประเด็นไม่สมบูรณ์ ซึ่งการทำคำแถลงปิดคดีในส่วนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาคงจะมอบให้ทางสภาเป็นผู้เขียนคำแถลงปิดคดี ส่วนรัฐบาลจะมอบให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการขณะที่พรรคเพื่อไทยจะให้ทีมกฎหมายเป็นผู้เขียนคำแถลงปิดคดี
นายอุดมเดชกล่าวว่า ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์แนวทางตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่า จะออกมา ๓ แนวทาง คือ ๑ ยกคำร้อง เพราะไม่เข้าข่ายการทำผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ ๒.ไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับตามมาตรา ๒๙๑ โดยให้ไปยกร่างใหม่เป็นรายมาตรา ๓.เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา ๖๘ และยุบพรรคแต่ทีมกฎหมายเห็นว่า ไม่น่าจะออกมาในแนวทางที่ ๓ เพราะเป็นการฝืนกระแสสังคมและรุนแรงไป น่าจะเป็นแนวทางที่ ๑ หรือ ๒
ส่วน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.กล่าวว่า ขอเดาว่าสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญน่าจะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องโดยตรงตามมาตรา ๖๘ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด และการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ สามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับ แต่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ แทนการให้อำนาจประธานรัฐสภาเป็นผู้ชี้ขาด ไม่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นการล้มล้างการปกครอง ไม่เช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญคงตอบสังคมไม่ได้ และคงต้องแบกรับผลกระทบที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่ส่วนตัวก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะจะเท่ากับทำให้ฝ่ายรัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติเสียหายถูกแทรกแซงจนเสียการถ่วงดุลใน ๓ อำนาจสูงสุด
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันที่ ๑๓ ก.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่ไปเคลื่อนไหวที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ต้องการให้ประเทศมีเรื่องมีราว ไม่ต้องการความรุนแรง แต่อยากฝากเตือนทุกฝ่ายต้องมีวุฒิภาวะมีเหตุผลมีสติปัญญา ไม่อย่างนั้นประเทศเสียหาย ดังนั้นต้องไปในทิศทางที่ดี เราในฐานะผู้ถูกกระทำต้องอดทนอดกลั้น โดยเวลา๑๐.๐๐น. วันที่ ๑๓ ก.ค. แกนนำคนเสื้อแดงทุกคนจะไปรอฟังคำตัดสินที่ ชั้น ๕ ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว และจะแถลงข่าวที่นั่นถึงทีท่าต่อไปด้วย
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษารมช.คมนาคม ในฐานะแกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ว่า เครือข่ายวิทยุชุมชนเสื้อแดงทุกสถานีและเครือข่ายวิทยุชุมชนแท็กซี่ ได้นัดหารือถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีมติร่วมกันว่าจะนัดหมายคนเสื้อแดงจัดการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ก.ค.ไปจนถึงเที่ยงคืนวันที่ ๑๓ ก.ค. จะมีวิทยากรมาร่วมอภิปรายถึงความไม่ชอบธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ หากผลออกมาทางลบ จะปักหลักชุมนุมไปเรื่อยๆ และจะระดมคนมาให้มากยิ่งขึ้น
