xs
xsm
sm
md
lg

ดูขุนศึก...ถามหา เสมา คนรักชาติบ้านเมือง

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

หลังจากไปทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินและไปทำบุญ ด้วยการไปร่วมต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดองที่หน้ารัฐสภากันมากว่าสามวัน ในที่สุดนักการเมืองก็ไม่สามารถจะเอาหน้าด้านๆ เดินถือ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ล้างผิด มุดรูหมาลอด ผ่านร่างออกมาได้

เนื่องจากพันธมิตรได้แถลงข่าวว่าพวกเราจะเตรียมพร้อมในที่ตั้ง และคอยตามข่าวอย่างใกล้ชิด ทำให้พวกเราที่เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้กลับเข้ามาทำงานในสภาวะปรกติ

การทำงานแบบปรกติอีกครั้ง ทำให้ได้กลับบ้านตามเวลา ได้ดูรายการทีวีที่อยากจะดูหรือที่สนใจอยู่ และแน่นอนสำหรับคนไทยแล้วละก็ การนั่งดูละครหลังข่าว น่าจะถือว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะของคนไทยแทบทุกคนที่จะทำกัน ดูคนเดียวดูกับครอบครัวก็เป็นอะไรที่มีความสุขและผ่อนคลายจากการทำงานหนักมาทั้งวัน

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมีเวลาได้ดูละครขุนศึก ซึ่ง เป็นผลงานประพันธ์เรื่องสุดท้ายของนักเขียนระดับตำนาน ไม้ เมืองเดิม เป็นนามปากกาของก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา เคยใช้นามปากกา กฤษณะ พึ่งบุญ เป็นชาวกรุงเทพฯ เกิดที่ ต.วัดมหรรณ์ เมื่อ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2448 ในช่วงปลายรัชกาลที่ 5

หลังเข้ารับการศึกษาจาก รร.วัดมหรรณพาราม รร.วัดบวรนิเวศ และ รร.วัดราชบพิธ เมื่ออายุ 12 ปี บิดานำไปฝากเข้ารับราชการอยู่ในสังกัดกรมมหาดเล็กในรัชกาลที่ 6 รับราชการอยู่ 5 ปี จึงได้ลาออก เมื่ออายุ 17 ปีเพื่อประกอบทำงานส่วนตัว

แต่ชีวิตมิได้เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงกลายเป็นคนว่างงาน เที่ยวเตร่ไปตามหัวเมืองต่าง ๆสัมผัสกับชีวิตผู้คนในชนบท คบเพื่อนฝูงมากมาย และ "เริ่มติดสุราจนเป็นนิสัย"

ผลงานที่มีชื่อเสียงของไม้เมืองเดิมมีอีกมาก เช่น แผลเก่า บางระจัน แสนแสบ ฯลฯ โดยเฉพาะเรื่อง “ขุนศึก” เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เล่าเนื้อหา หลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ยกทัพไปตีเมืองแกลงและได้ทรงหลั่งอุทกธาราประกาศตัดไมตรีกับพม่า

ตัวเอกของเรื่อง เสมาเป็นลูกชายช่างตีเหล็กได้เป็นทหารสมกับความมุ่งมั่น แต่เกิดไปมีเรื่องกับหัวหมู่ จึงต้องหนีเตลิดเข้าป่าและได้พบกับทหารหลวงอีกกลุ่มหนึ่ง เสมาจึงอาสาร่วมรบตีทัพพม่าจนแตกกระเจิง เมื่อบ้านเมืองสงบลง เสมาจึงได้รับยศเป็นขุนแสนศึกพ่ายและได้ขอพระราชทาน แต่งงานกับแม่หญิงเรไรสมดังปรารถนา

ขุนศึกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2482 ลงเป็นตอนๆ ในนิตยสารเพลินจิตรายสัปดาห์ เขาใช้เวลาสองปีเศษในการสร้างสรรค์งานเขียนชิ้นนี้ในยามที่ร่างกายป่วยไข้อย่างหนัก เป็นอัมพาตและมือสั่นจนเขียนหนังสือไม่ได้ ต้องเอาด้ายดิบพันนิ้วมือทุกนิ้วให้แน่นเสียก่อนเขียน

ตอนหลังอาการหนักนั่งเขียนเองไม่ไหว มีเพื่อนฝูงที่รักใคร่สมัครมาเขียนให้ โดยเจ้าตัวนอนบอกเนื้อความให้จด บางครั้งเพื่อนติดธุระต้องให้ภรรยาเป็นผู้จดคำบอก

เขาเสียชีวิตก่อนเขียนนวนิยายเรื่องนี้จบ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2484 ด้วยวัยเพียง 37 ปี ตอนสุดท้ายของนวนิยายเรื่องขุนศึกที่ ไม้ เมืองเดิม เขียน ลงตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2485

หลังจากนั้น กิ่ง พึ่งบุญ ณ อยุธยา น้องชายของ ไม้ เมืองเดิม ได้เขียนขุนศึกตอนท้ายๆ ต่อจนเสร็จสมบูรณ์

มีการนำวรรณกรรม ขุนศึก มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ครั้งแรกใน พ.ศ. 2502 และภาพยนตร์ครั้งแรกใน พ.ศ. 2519 ต่อมามีการสร้างเป็นละครและภาพยนตร์อีกหลายครั้งสลับกันไป ครั้งล่าสุดที่กำลังออกอากาศเป็นละครโทรทัศน์ ฉายทางช่อง 3 ใน พ.ศ. 2555 นับเป็นครั้งที่ 7 แล้วครับ

นวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "ขุนศึก" เป็นบทประพันธ์อมตะชิ้นสุดท้ายของ "ไม้ เมืองเดิมที่เขารักมาก และประสบความสำเร็จมาก

ไม้เมืองเดิม เขียน "ขุนศึก"ในช่วงเวลาประเทศไทย อยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2482-2488) เงื่อนไขของสังคมในตอนนั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม้ เมืองเดิม พาผู้อ่านหวนหาอดีตหลีกหนีสภาพความเป็นจริงที่ผู้คนหวาดกลัวภัยสงคราม ไปสู่เรื่องราวชีวิตในประวัติศาสตร์เพื่อช่วยปลุกปลอบใจ

ไม้ เมืองเดิม สร้างชายชาตรียอดนักรบอย่างเสมา เน้นคุณสมบัติสำคัญ คือ กล้าหาญ มีฝีมือในการใช้ดาบสองมือ เสียสละ ซื่อสัตย์ รักชาติรักแผ่นดิน พลีชีวิตเพื่อบ้านเมือง เมื่อทำผิดก็มอบตัว ยอมรับโทษทัณฑ์ กตัญญู และ จงรักภักดี

ขุนศึกเป็นนวนิยายชิงรักหักสวาทและชิงดีชิงเด่นในหน้าที่ราชการ โดยมีประวัติศาสตร์สมัยพระนเศวรกอบกู้บ้านเมืองเป็นฉากหลัง ชีวิตไม่แน่นอน ชะตากรรมของผู้คนผกผันไปตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองยามมีศึกสงคราม และอำนาจทางการเมือง

ทางด้านเทคนิค มีข่าวว่าละครขุนศึกในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้เป็นละครโทรทัศน์ ที่ถ่ายทำโดยใช้กล้องภาพยนตร์ ทำให้ภาพ และมุมกล้องเหมือนภาพยนตร์

ละครย้อนยุค จากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ อย่างขุนศึก เรียกว่าครบเครื่อง ทำให้แฟนละครพูดถึงพ่อหนุ่มนักรบอย่างเสมา และสาวใจงามอย่างแม่หญิงเรไร

ที่จริง นี่เป็นโอกาสหนึ่งเหมือนกันนะครับ ที่ครอบครัว โรงเรียน และสังคมไทย ควรจะได้ใช้เงื่อนไขแบบนี้ พูดคุยกันในเรื่องคุณธรรมศีลธรรม และการปลูกสร้างสำนึกที่ขาดหายไปมากขึ้นทุกวันของคนยุคนี้ เช่น สำนึกประวัติศาสตร์ สำนึกความรักชาติบ้านเมือง สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี ฯลฯ

อย่างนี้แหละครับ ที่ควรจะได้ประโยชน์จาก ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว ย้อนดูสังคมรอบตัว ไม่ใช่เพียงแค่ดูสนุก แล้วทิ้งเนื้อหาสาระที่ดีๆให้หายไปพร้อมกับสายลม เผื่อวันหน้า ถามหา เสมา คนรักชาติบ้านเมือง จะได้มีเสียงขานรับมากับสายลมบ้าง ดีไหมล่ะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น