สถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯ บางพื้นที่ดีขึ้นมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปรกติ แต่ นักการเมืองกลับไม่ยอมให้ประชาชนได้มีเวลาพักหายใจ จากความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส เหน็ดเหนื่อยในการรับศึกจากน้ำท่วม
หลังจากที่บรรดานักการเมืองใช้น้ำลายในสภาแก้น้ำท่วมกันแล้ว ก็ยังใช้น้ำลายออกมาทำร้ายบ้านเมือง ต่อไป โดยเฉพาะรองนายก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่นั่งเป็นประธานการประชุม ครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้ฉวยโอกาสคิดว่าเป็นยามเผลอของประชาชน แอบหยิบยกเอาพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษขึ้นมาเป็นวาระจรลับในการประชุมครั้งนี้
คุณเฉลิมใช้จังหวะน้ำท่วมมาแก้ พ.ร.ฏ. เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ถึงแม้จริงๆแล้วรัฐบาลสามารถจะทำได้ แต่ด้วยมารยาททางการเมืองและสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมืองจากภัยพิบัติน้ำท่วมในช่วงนี้ การแอบมุบมิบหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลานี้ จึงเป็นเรื่องน่าเกลียด ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ภายหลังความลับรั่วออกมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว หลายฝ่ายออกมาคัดค้าน ทั้งพรรคฝ่ายค้านในสภา กลุ่มสว. ธุรกิจภาคเอกชน และ ภาคประชาชน
คนทำผิดแล้วยอมรับผิด ได้รับโทษจนรู้สำนึก คนแบบนี้ต่างหากที่ควรจะได้รับอภัยโทษ ไม่ใช่คนที่ทำผิดแล้วไม่รับผิด หนีออกต่างประเทศ ไปเที่ยวเคลื่อนไหวเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างแดน เที่ยวกางมือส่งแขนขามาแทรกแซงก่อกวนสร้างปัญหาให้บ้านเมืองไม่หยุดหย่อน แล้วยังไม่สำนึก จะกลับมาแบบไม่มีความผิดได้อย่างไร
แต่ก็นั่นแหละ โต้โผคนคิดคนทำเรื่องนี้เค้าเรียนมาสูงจนเป็น ด็อก-เตอร์แล้ว ทางด้านกฎหมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าพูดว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด แต่ทำสิ่งที่กฎหมายห้ามเท่านั้น ฟังดูยิ่งกว่าศรีธนญชัยตัวพ่อเสียอีกครับ
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นนักกฎหมายคนหนึ่งถึงเรื่องนี้ ได้รับคำตอบที่สั้นๆชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพระราชอำนาจแล้ว แต่ มันเป็นการสร้างเรื่องไม่บังควร ให้เป็นพระราชภาระ
เรื่องอภัยโทษคนที่กระทำผิดทุกคน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคนต้องโทษติดคุก ประพฤติตัวดี สำนึกตัวได้ในความผิดที่เคยกระทำมา
ไม่เหมือนผู้ชายที่ ชื่อทักษิณ ชินวัตร คนที่หนีออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะตัดสิน ถ้าตัดสินว่าไม่ผิดก็คงไม่เท่าไร แต่ดันหนีศาลไปแล้ว ก่อนจะถูกตัดสินว่าผิด
คนเราถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย แต่คนอย่างคุณทักษิณคงคิดแบบนี้ไม่เป็นหรือไม่ก็คิดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเค้าไม่มีสมองจะคิด แต่ชายคนนี้เอาสมองไปคิดเอาแต่ได้ หลงมัวเมาอำนาจ คิดแต่โลภ เห็นแก่ตัว ทำในเรื่องไม่ดีไม่รู้จักจบสิ้น
การชงเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่นายกฯยิ่งลักษณ์ น้องสาวนักโทษหนีคุก อยู่สิงห์บุรี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมว่านายกฯปูจะอ้างไม่ได้เลยว่าไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับการประชุมลับครั้งนี้ เพราะวิธีการสื่อสารมาเข้าร่วมประชุมนั้นมีหลายเวทีทำได้ง่ายๆ อีกทั้งระยะห่างจากกรุงเทพฯไปสิงห์บุรีก็ใกล้ๆ ประมาณ 150 กิโลเมตรเท่านั้น
กรณีเฮลิคอปเตอร์ไม่มีเรดาร์ ฟังดูปัญญาอ่อนพิลึก เฮลิคอปเตอร์มันมีรุ่นเดียวเหรอครับนายก รุ่นอื่นๆก็ใช้แทนได้ รัฐบาลไทยและกองทัพมีให้เลือกใช้มากมาย หรือเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็บินกลับมาตอนเช้าก็ยังทันถมเถไปครับ
ผมเชื่อว่าหลายคนเซ็งและอึดอัดมาก กับสิ่งที่รัฐบาลกำลังคิดจะทำ แถมคิดซะดังจนน่ารำคาญซะด้วยสิ มีรุ่นพี่ที่เคารพกันท่านหนึ่งบอกผมว่า รัฐบาลทำแบบนี้เหมือนตบหน้าประชาชน ดูถูกสติปัญญาคิดว่าประชาชนกินแกลบ มันยิ่งกว่าการซ้ำเติมน้ำท่วม ยิ่งกว่าการโกงถุงยังชีพเสียอีก
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมาจากการประชุม ครม. ผมเชื่อว่าคนคนนั้นเป็นคนที่จะเสียประโยชน์หากทักษิณกลับมา อาจจะเป็นพวกนอมินีที่กลัวตัวเองจะโดนถีบส่งกลับไปหลังฉาก ทั้งที่ตอนนี้ตัวเองมีอำนาจและอยู่หน้าฉาก เรียกได้ว่ากำลังสนุกในอำนาจที่ตัวเองอาจจะเพิ่งเคยมี
จนสุดท้ายแล้วพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ถอยทัพกรูดกลับพรรคเพื่อไทย และออกมาพูดว่าจะใช้ พ.ร.ฏ.ฉบับเดิม ก็ต้องมารอดูว่าการถอยครั้งนี้จะถอยจริงๆ หรือเป็นแค่ตัวหลอก หรือว่าเป็นแค่การเบี่ยงเบนประเด็นไปมาชนิดที่ว่าสับขาหลอกจนนักบอลอาชีพยังอาย เพราะพอมีข่าวนี้ขึ้นมา ทำให้เรื่องเน่าเหม็นในการทุจริตเงินทองและข้าวของบริจาคของประชาชนถูกกลบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญรัฐบาลนี้ หวังจะลดกระแสการเปิดโปงความล้มเหลวผิดพลาดในการทำงานของ ศปภ.จนสร้างความวิบัติเสียหายมหาศาลแก่บ้านเมือง และประชาชนหลายล้านคนทุกข์ระกำแสนสาหัส
อีกทั้งการเปิดเรื่องนี้ก็เป็นการโยนเผือกร้อนถามทาง ลองเช็กกระแสสังคมว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อผลออกมาเป็นลบ สังคมและประชาชนคัดค้าน ภาคประชาชนหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้าน แกนนำพันธมิตรประกาศนัดชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือคัดค้าน ทำให้ทักษิณนายใหญ่ต้องตัดสินใจถอย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลชุดนี้แวดล้อมไปด้วยพวกสมุนลิ่วล้อที่ไร้ปัญญา เป็นพวกได้รางวัลตอบแทนจากนายใหญ่ให้เข้ามานั่งมีอำนาจในตำแหน่งปูนบำเหน็จแจกจ่ายเงินจากภาษีชาวบ้าน รัฐบาลไม่เคยทำอะไรที่ดูแล้วไว้ใจได้ หลายคนออกมาพูดแต่เรื่องโกหกพกลม หลอกลวงชาวบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ดังนั้นประชาชนอย่างเราๆท่านๆ ก็ต้องเกาะติดข่าวสารกันให้ดีๆอย่าให้ใครฉกฉวยโอกาสที่จะทำร้ายประชาชนและประเทศชาติ
ผมอยากเห็นภาพความสามัคคีของคนไทยที่จะช่วยกันปกป้องประเทศชาติ ให้เหมือนที่เราไปช่วยกันก่อกระสอบทรายป้องกันชุมชน เราลองเปรียบชุมชนนั้นกับประเทศไทย มันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร มันคือบ้านของเราเหมือนๆกัน เพียงแต่วิธีการปกป้องบ้านกับประเทศไทยอาจจะต่างกันบ้าง แต่สิ่งที่ต้องใช้เหมือนกันคือความสามัคคี
เมื่อมีสัญญาณถอยมาจากทักษิณนายใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโดยพลตำรวจเอกประชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประกาศว่า จะใช้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ตามที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ทำมาแล้วในปี 2553 ทุกประการ ซึ่งยังคงเงื่อนไขว่าผู้ที่ต้องโทษด้วยคดียาเสพติดและคอร์รัปชันจะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ไม่ได้รับประโยชน์จากการพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้
ฟากประชาชนจึงปรับขบวน เมื่อเวลา 17.40 น.วันนี้ (20 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยผ่านรายการ “ชั่วโมงข่าวสุดสัปดาห์” ทางเอเอสทีวี ว่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เห็นว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนท่าที และถอยจากประเด็นนี้แล้ว จึงหมดเงื่อนไขที่จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 นี้
จึงขอประกาศยุติการชุมนุมตามนัดหมายเดิม แต่เปลี่ยนเป็นกิจกรรมย่อยพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแกนนำและผู้ปราศรัยรวมทั้งพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน โดยจัดเวทีกลางแจ้งที่บ้านเจ้าพระยา ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10.00-18.00 น.
วันนี้ พบกันตามนัดหมายใหม่นี้นะครับพ่อแม่พี่น้อง หลังจากนี้ก็ยังต้องติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเรื่องนี้ . ไม่ให้รัฐบาลที่ขลาดเบาปัญญา คดในข้องอในกระดูก แอบมุบมุบทำในที่ลับ ไม่กล้าเปิดเผยในที่สว่าง
ประชาชนต้องช่วยกันจับตามอง คอยระแวดระวัง อย่าให้ไอ้ปื๊ดแอบออกมาอาละวาดในเงามืดอีกนะครับ
หลังจากที่บรรดานักการเมืองใช้น้ำลายในสภาแก้น้ำท่วมกันแล้ว ก็ยังใช้น้ำลายออกมาทำร้ายบ้านเมือง ต่อไป โดยเฉพาะรองนายก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่นั่งเป็นประธานการประชุม ครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้ฉวยโอกาสคิดว่าเป็นยามเผลอของประชาชน แอบหยิบยกเอาพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษขึ้นมาเป็นวาระจรลับในการประชุมครั้งนี้
คุณเฉลิมใช้จังหวะน้ำท่วมมาแก้ พ.ร.ฏ. เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ ถึงแม้จริงๆแล้วรัฐบาลสามารถจะทำได้ แต่ด้วยมารยาททางการเมืองและสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมืองจากภัยพิบัติน้ำท่วมในช่วงนี้ การแอบมุบมิบหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลานี้ จึงเป็นเรื่องน่าเกลียด ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ภายหลังความลับรั่วออกมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว หลายฝ่ายออกมาคัดค้าน ทั้งพรรคฝ่ายค้านในสภา กลุ่มสว. ธุรกิจภาคเอกชน และ ภาคประชาชน
คนทำผิดแล้วยอมรับผิด ได้รับโทษจนรู้สำนึก คนแบบนี้ต่างหากที่ควรจะได้รับอภัยโทษ ไม่ใช่คนที่ทำผิดแล้วไม่รับผิด หนีออกต่างประเทศ ไปเที่ยวเคลื่อนไหวเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างแดน เที่ยวกางมือส่งแขนขามาแทรกแซงก่อกวนสร้างปัญหาให้บ้านเมืองไม่หยุดหย่อน แล้วยังไม่สำนึก จะกลับมาแบบไม่มีความผิดได้อย่างไร
แต่ก็นั่นแหละ โต้โผคนคิดคนทำเรื่องนี้เค้าเรียนมาสูงจนเป็น ด็อก-เตอร์แล้ว ทางด้านกฎหมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าพูดว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด แต่ทำสิ่งที่กฎหมายห้ามเท่านั้น ฟังดูยิ่งกว่าศรีธนญชัยตัวพ่อเสียอีกครับ
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นนักกฎหมายคนหนึ่งถึงเรื่องนี้ ได้รับคำตอบที่สั้นๆชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพระราชอำนาจแล้ว แต่ มันเป็นการสร้างเรื่องไม่บังควร ให้เป็นพระราชภาระ
เรื่องอภัยโทษคนที่กระทำผิดทุกคน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคนต้องโทษติดคุก ประพฤติตัวดี สำนึกตัวได้ในความผิดที่เคยกระทำมา
ไม่เหมือนผู้ชายที่ ชื่อทักษิณ ชินวัตร คนที่หนีออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะตัดสิน ถ้าตัดสินว่าไม่ผิดก็คงไม่เท่าไร แต่ดันหนีศาลไปแล้ว ก่อนจะถูกตัดสินว่าผิด
คนเราถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย แต่คนอย่างคุณทักษิณคงคิดแบบนี้ไม่เป็นหรือไม่ก็คิดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเค้าไม่มีสมองจะคิด แต่ชายคนนี้เอาสมองไปคิดเอาแต่ได้ หลงมัวเมาอำนาจ คิดแต่โลภ เห็นแก่ตัว ทำในเรื่องไม่ดีไม่รู้จักจบสิ้น
การชงเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่นายกฯยิ่งลักษณ์ น้องสาวนักโทษหนีคุก อยู่สิงห์บุรี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมว่านายกฯปูจะอ้างไม่ได้เลยว่าไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับการประชุมลับครั้งนี้ เพราะวิธีการสื่อสารมาเข้าร่วมประชุมนั้นมีหลายเวทีทำได้ง่ายๆ อีกทั้งระยะห่างจากกรุงเทพฯไปสิงห์บุรีก็ใกล้ๆ ประมาณ 150 กิโลเมตรเท่านั้น
กรณีเฮลิคอปเตอร์ไม่มีเรดาร์ ฟังดูปัญญาอ่อนพิลึก เฮลิคอปเตอร์มันมีรุ่นเดียวเหรอครับนายก รุ่นอื่นๆก็ใช้แทนได้ รัฐบาลไทยและกองทัพมีให้เลือกใช้มากมาย หรือเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็บินกลับมาตอนเช้าก็ยังทันถมเถไปครับ
ผมเชื่อว่าหลายคนเซ็งและอึดอัดมาก กับสิ่งที่รัฐบาลกำลังคิดจะทำ แถมคิดซะดังจนน่ารำคาญซะด้วยสิ มีรุ่นพี่ที่เคารพกันท่านหนึ่งบอกผมว่า รัฐบาลทำแบบนี้เหมือนตบหน้าประชาชน ดูถูกสติปัญญาคิดว่าประชาชนกินแกลบ มันยิ่งกว่าการซ้ำเติมน้ำท่วม ยิ่งกว่าการโกงถุงยังชีพเสียอีก
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมาจากการประชุม ครม. ผมเชื่อว่าคนคนนั้นเป็นคนที่จะเสียประโยชน์หากทักษิณกลับมา อาจจะเป็นพวกนอมินีที่กลัวตัวเองจะโดนถีบส่งกลับไปหลังฉาก ทั้งที่ตอนนี้ตัวเองมีอำนาจและอยู่หน้าฉาก เรียกได้ว่ากำลังสนุกในอำนาจที่ตัวเองอาจจะเพิ่งเคยมี
จนสุดท้ายแล้วพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ถอยทัพกรูดกลับพรรคเพื่อไทย และออกมาพูดว่าจะใช้ พ.ร.ฏ.ฉบับเดิม ก็ต้องมารอดูว่าการถอยครั้งนี้จะถอยจริงๆ หรือเป็นแค่ตัวหลอก หรือว่าเป็นแค่การเบี่ยงเบนประเด็นไปมาชนิดที่ว่าสับขาหลอกจนนักบอลอาชีพยังอาย เพราะพอมีข่าวนี้ขึ้นมา ทำให้เรื่องเน่าเหม็นในการทุจริตเงินทองและข้าวของบริจาคของประชาชนถูกกลบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญรัฐบาลนี้ หวังจะลดกระแสการเปิดโปงความล้มเหลวผิดพลาดในการทำงานของ ศปภ.จนสร้างความวิบัติเสียหายมหาศาลแก่บ้านเมือง และประชาชนหลายล้านคนทุกข์ระกำแสนสาหัส
อีกทั้งการเปิดเรื่องนี้ก็เป็นการโยนเผือกร้อนถามทาง ลองเช็กกระแสสังคมว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อผลออกมาเป็นลบ สังคมและประชาชนคัดค้าน ภาคประชาชนหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้าน แกนนำพันธมิตรประกาศนัดชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือคัดค้าน ทำให้ทักษิณนายใหญ่ต้องตัดสินใจถอย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลชุดนี้แวดล้อมไปด้วยพวกสมุนลิ่วล้อที่ไร้ปัญญา เป็นพวกได้รางวัลตอบแทนจากนายใหญ่ให้เข้ามานั่งมีอำนาจในตำแหน่งปูนบำเหน็จแจกจ่ายเงินจากภาษีชาวบ้าน รัฐบาลไม่เคยทำอะไรที่ดูแล้วไว้ใจได้ หลายคนออกมาพูดแต่เรื่องโกหกพกลม หลอกลวงชาวบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ดังนั้นประชาชนอย่างเราๆท่านๆ ก็ต้องเกาะติดข่าวสารกันให้ดีๆอย่าให้ใครฉกฉวยโอกาสที่จะทำร้ายประชาชนและประเทศชาติ
ผมอยากเห็นภาพความสามัคคีของคนไทยที่จะช่วยกันปกป้องประเทศชาติ ให้เหมือนที่เราไปช่วยกันก่อกระสอบทรายป้องกันชุมชน เราลองเปรียบชุมชนนั้นกับประเทศไทย มันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไร มันคือบ้านของเราเหมือนๆกัน เพียงแต่วิธีการปกป้องบ้านกับประเทศไทยอาจจะต่างกันบ้าง แต่สิ่งที่ต้องใช้เหมือนกันคือความสามัคคี
เมื่อมีสัญญาณถอยมาจากทักษิณนายใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโดยพลตำรวจเอกประชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ประกาศว่า จะใช้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ตามที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ทำมาแล้วในปี 2553 ทุกประการ ซึ่งยังคงเงื่อนไขว่าผู้ที่ต้องโทษด้วยคดียาเสพติดและคอร์รัปชันจะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ไม่ได้รับประโยชน์จากการพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้
ฟากประชาชนจึงปรับขบวน เมื่อเวลา 17.40 น.วันนี้ (20 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยผ่านรายการ “ชั่วโมงข่าวสุดสัปดาห์” ทางเอเอสทีวี ว่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เห็นว่า เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนท่าที และถอยจากประเด็นนี้แล้ว จึงหมดเงื่อนไขที่จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 นี้
จึงขอประกาศยุติการชุมนุมตามนัดหมายเดิม แต่เปลี่ยนเป็นกิจกรรมย่อยพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแกนนำและผู้ปราศรัยรวมทั้งพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน โดยจัดเวทีกลางแจ้งที่บ้านเจ้าพระยา ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10.00-18.00 น.
วันนี้ พบกันตามนัดหมายใหม่นี้นะครับพ่อแม่พี่น้อง หลังจากนี้ก็ยังต้องติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเรื่องนี้ . ไม่ให้รัฐบาลที่ขลาดเบาปัญญา คดในข้องอในกระดูก แอบมุบมุบทำในที่ลับ ไม่กล้าเปิดเผยในที่สว่าง
ประชาชนต้องช่วยกันจับตามอง คอยระแวดระวัง อย่าให้ไอ้ปื๊ดแอบออกมาอาละวาดในเงามืดอีกนะครับ