นับตั้งแต่เริ่มรณรงค์เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็เริ่มฉายแววว่า เขาจะเข้ามามีบทบาทอีกครั้งในการเมืองไทย และเป็นบทบาทที่ไม่ธรรมดา แต่จะมีส่วนกำหนดชะตากรรมของพรรคเพื่อไทยไปอีกนาน และอาจมีส่วนกำหนดชะตากรรมของประเทศไทยด้วย
แน่นอนว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้นต่างก็ได้ยอมรับบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณไปโดยปริยายไปนานแล้วและถือว่าเขาคือหัวเรือใหญ่ของพรรคคนหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณจึงเป็นคนที่เข้ามาเกี่ยวพันอย่างแจ่มชัด และแสดงบทบาทชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาจนกล่าวกันว่า เขามีบทบาทหรือมีส่วนในการคัดตัวผู้สมัครบางคนเสียด้วยซ้ำไป และหากจะกล่าวโดยสรุปก็กล่าวได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณคือ คนที่อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้สนับสนุนที่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
การเข้ามาเล่นการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการรุกคืบเข้ามาพร้อมๆ กับการการเตรียมการของการให้คุณยิ่งลักษณ์รับอาสาเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยอาจกล่าวได้ว่านี่คือ แผนการที่พ.ต.ท.ทักษิณได้วางไว้ให้กับน้องสาวของตัวเองอย่างแยบยล
มันเป็นการรุกเพื่อให้สกุลชินวัตรได้ผงาดขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดในประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และเป็นการทดสอบอีกครั้งด้วยการประชาชนยังคงนิยมพวกชินวัตรอยู่หรือไม่ และประชานิยมและนโยบายสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณจะยังคงขายได้อยู่อีกหรือไม่
จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่เมื่อคุณยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้งแล้ว บทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณจะทวีความเข้มข้นขึ้น เขาเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาบรรยายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นถึงกับต้องหารือกับรัฐบาลไทยว่าเราไม่ขัดข้องที่จะให้เขาออกวีซ่าให้พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ และการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการให้เครดิตกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในด้านบทบาทของเขาในเวทีสากล
บทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณทั้งในเวทีโลกและในเวทีภูมิภาคในจังหวะนี้เป็นที่โลดแล่น และเทียบชั้นไปพร้อมกันกับน้องสาวของเขาที่กำลังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทย
พ.ต.ท.ทักษิณยังเดินทางมาเยือนกัมพูชาโดยเป็นแขกของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งก็บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณยิ่งลักษณ์เดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการด้วย และก็เป็นเวลาเดียวกันกับกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปเล่นฟุตบอลเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับกัมพูชาและคนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะพบกับเขาด้วย
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ นี้ เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น และบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้หยุดลงแค่นี้ แต่เขายังมีบทบาทที่เข้ามาส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมืองด้วย
มันหมายความว่า เขาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ไม่ว่าในฐานะอะไร เขามีบทบาทที่สามารถมีอิทธิพลอยู่ในรัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ได้อย่างแน่ชัดโดยที่คุณยิ่งลักษณ์หรือใครในรัฐบาลชุดนี้จะปฏิเสธไม่ได้
มันเป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงให้เห็นว่าถ้าเขาจะทำ เขาก็สามารถทำได้จริง
เมื่อไม่นานมานี้ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เรียกประชุมรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทยเพื่อทบทวนนโยบายหลักและเพื่อดูว่ารัฐมนตรีคนไหนทำอะไรคืบหน้าและจะประสานงานในเรื่องต่างๆ อย่างไรกัน
ในที่ประชุมนั้น ปรากฏว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้สไกป์เข้ามากลางวงประชุมประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยได้แนะนำให้เดินหน้าช่วยประชาชนหลังน้ำท่วมว่าจะทำอย่างไร ไม่ว่าเป็นกองทุนตั้งตัวได้ที่ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาดูแลให้รอบคอบและเชิญผู้เกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์จากทุกฝ่ายมาเข้าร่วมและให้กำชับเร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกองทุนหมู่บ้านที่จะต้องเพิ่มงบประมาณเข้าไป นโยบายเอสเอ็มแอล โดยเฉพาะพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่หลังน้ำลดจะต้องเร่งฟื้นฟูใช้กองทุนเอสเอ็มแอลเข้าไปช่วยเหลือ
นอกจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณยังชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ทำอยู่แล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศให้ดำเนินการต่อหากเป็นโครงการใหม่ให้ทำอย่างรอบคอบ
โดยสรุปพ.ต.ท.ทักษิณก็เหมือนกับนั่งเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นประธานที่ปรึกษาในที่ประชุม ซึ่งมีทั้งชี้แนะและสั่งการรวมทั้งมอบนโยบายที่สำคัญๆ ด้วย
ทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นนายกรัฐมนตรีเงานั่นแหละครับ และมันเท่ากับว่าในการประชุมพรรคทุกครั้งหากมีการเรียกประชุมรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเมื่อไร และพ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนร่วมเมื่อไร ก็เท่ากับว่าเรามีนายกฯ ถึงสองคนนั้นเอง และนี่เองเป็นดาบสองคม หากทำกันโจ่งแจ้งเช่นนี้ ประชาชนจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีกำลังเสียเครดิตลงทุกวันและการบริหารประเทศได้รับการแทรกแซงจากผู้อื่นได้
รัฐบาลจะอายุสั้นไม่เป็นที่ศรัทธาของประชาชนในที่สุด
แน่นอนว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้นต่างก็ได้ยอมรับบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณไปโดยปริยายไปนานแล้วและถือว่าเขาคือหัวเรือใหญ่ของพรรคคนหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณจึงเป็นคนที่เข้ามาเกี่ยวพันอย่างแจ่มชัด และแสดงบทบาทชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาจนกล่าวกันว่า เขามีบทบาทหรือมีส่วนในการคัดตัวผู้สมัครบางคนเสียด้วยซ้ำไป และหากจะกล่าวโดยสรุปก็กล่าวได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณคือ คนที่อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้สนับสนุนที่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง
การเข้ามาเล่นการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการรุกคืบเข้ามาพร้อมๆ กับการการเตรียมการของการให้คุณยิ่งลักษณ์รับอาสาเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยอาจกล่าวได้ว่านี่คือ แผนการที่พ.ต.ท.ทักษิณได้วางไว้ให้กับน้องสาวของตัวเองอย่างแยบยล
มันเป็นการรุกเพื่อให้สกุลชินวัตรได้ผงาดขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดในประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และเป็นการทดสอบอีกครั้งด้วยการประชาชนยังคงนิยมพวกชินวัตรอยู่หรือไม่ และประชานิยมและนโยบายสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณจะยังคงขายได้อยู่อีกหรือไม่
จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่เมื่อคุณยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้งแล้ว บทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณจะทวีความเข้มข้นขึ้น เขาเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาบรรยายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นถึงกับต้องหารือกับรัฐบาลไทยว่าเราไม่ขัดข้องที่จะให้เขาออกวีซ่าให้พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ และการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการให้เครดิตกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในด้านบทบาทของเขาในเวทีสากล
บทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณทั้งในเวทีโลกและในเวทีภูมิภาคในจังหวะนี้เป็นที่โลดแล่น และเทียบชั้นไปพร้อมกันกับน้องสาวของเขาที่กำลังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทย
พ.ต.ท.ทักษิณยังเดินทางมาเยือนกัมพูชาโดยเป็นแขกของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งก็บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณยิ่งลักษณ์เดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการด้วย และก็เป็นเวลาเดียวกันกับกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปเล่นฟุตบอลเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับกัมพูชาและคนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะพบกับเขาด้วย
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ นี้ เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น และบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้หยุดลงแค่นี้ แต่เขายังมีบทบาทที่เข้ามาส่วนร่วมในการบริหารบ้านเมืองด้วย
มันหมายความว่า เขาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ไม่ว่าในฐานะอะไร เขามีบทบาทที่สามารถมีอิทธิพลอยู่ในรัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ได้อย่างแน่ชัดโดยที่คุณยิ่งลักษณ์หรือใครในรัฐบาลชุดนี้จะปฏิเสธไม่ได้
มันเป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงให้เห็นว่าถ้าเขาจะทำ เขาก็สามารถทำได้จริง
เมื่อไม่นานมานี้ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เรียกประชุมรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทยเพื่อทบทวนนโยบายหลักและเพื่อดูว่ารัฐมนตรีคนไหนทำอะไรคืบหน้าและจะประสานงานในเรื่องต่างๆ อย่างไรกัน
ในที่ประชุมนั้น ปรากฏว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้สไกป์เข้ามากลางวงประชุมประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยได้แนะนำให้เดินหน้าช่วยประชาชนหลังน้ำท่วมว่าจะทำอย่างไร ไม่ว่าเป็นกองทุนตั้งตัวได้ที่ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาดูแลให้รอบคอบและเชิญผู้เกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์จากทุกฝ่ายมาเข้าร่วมและให้กำชับเร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกองทุนหมู่บ้านที่จะต้องเพิ่มงบประมาณเข้าไป นโยบายเอสเอ็มแอล โดยเฉพาะพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่หลังน้ำลดจะต้องเร่งฟื้นฟูใช้กองทุนเอสเอ็มแอลเข้าไปช่วยเหลือ
นอกจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณยังชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ทำอยู่แล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศให้ดำเนินการต่อหากเป็นโครงการใหม่ให้ทำอย่างรอบคอบ
โดยสรุปพ.ต.ท.ทักษิณก็เหมือนกับนั่งเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นประธานที่ปรึกษาในที่ประชุม ซึ่งมีทั้งชี้แนะและสั่งการรวมทั้งมอบนโยบายที่สำคัญๆ ด้วย
ทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นนายกรัฐมนตรีเงานั่นแหละครับ และมันเท่ากับว่าในการประชุมพรรคทุกครั้งหากมีการเรียกประชุมรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเมื่อไร และพ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนร่วมเมื่อไร ก็เท่ากับว่าเรามีนายกฯ ถึงสองคนนั้นเอง และนี่เองเป็นดาบสองคม หากทำกันโจ่งแจ้งเช่นนี้ ประชาชนจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีกำลังเสียเครดิตลงทุกวันและการบริหารประเทศได้รับการแทรกแซงจากผู้อื่นได้
รัฐบาลจะอายุสั้นไม่เป็นที่ศรัทธาของประชาชนในที่สุด
