การเมืองไทยเริ่มผันแปรด้วยเหตุที่มีปัจจัยเรื่องทักษิณเข้ามาทำให้เกิดความเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำให้ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีเริ่มคลอนแคลนขึ้น
ข่าวทักษิณจะมาบรรยายเรื่องเศรษฐกิจไทยกับญี่ปุ่นตามคำเชิญขององค์กรเอกชนในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นปมปริศนาที่พัวพันไปถึงรมว.กระทรวงการต่างประเทศของไทยว่า เขาเป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ทางญี่ปุ่นออกวีซ่าให้คุณทักษิณเสียเองและทำในนามรัฐบาลไทยด้วย
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรก็ต้องมีการพิสูจน์กัน แต่เรื่องนี้ก็มีสื่อมวลชนในญี่ปุ่นเสนอข่าวเกรียวกราวไปแล้ว
นอกจากจะมีข่าวเรื่องไปญี่ปุ่นแล้ว ยังมีข่าวว่าคุณทักษิณจะมาเยือนในฐานะแขกส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซ็นแห่งกัมพูชาด้วยในปลายเดือนสิงหาคมศกนี้ แต่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณยังคงปฏิเสธเรื่องวันเวลาอยู่ เพียงแต่บอกว่าถ้ามาเมื่อไรจะแถลงให้ทราบ แต่ก็บอกว่าถ้ามาก็คงไม่ได้มาพูดคุยเรื่องธุรกิจหรือเกี่ยวกับผลประโยชน์และขอให้มั่นใจว่าทักษิณจะไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายแน่
สรุปกันว่านายนภดลยังมองว่าการเคลื่อนไหวของทักษิณนับเป็นการสร้างโอกาส ให้ประเทศไทยได้สร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ที่ประเทศไทยได้ประโยชน์ไปด้วย
แต่น่าสังเกตว่านับแต่คุณยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลนี้ คุณทักษิณมีการเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ และรัฐมนตรีต่างประเทศก็มีกิจกรรมที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของทักษิณเป็นงานแรกเสียด้วย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดา จนเราอาจกล่าวได้ว่าการเคลื่อนไหวของทักษิณนี้อาจมีผลดีผลเสียต่อรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ได้ในอนาคต
การที่ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวมากผิดสังเกตนี้ ทำให้ประชาธิปัตย์เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลและวิจารณ์ในเชิงลบทำให้โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาให้ความเห็นว่า ที่พรรคปชป.ฉวยเอาเรื่องคุณทักษิณขึ้นมาโจมตีอยู่เรื่อยๆ ว่า ขอให้เลิกวนเวียนอยู่กับประเด็นเก่าได้แล้ว ควรกันมาพูดเรื่องใหม่ๆ บ้าง เพราะบ้านเมืองมีปัญหา ควรประสานกับพรรครัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนในด้านบำบัดทุกข์ของประชาชนในปัญหาใหญ่ๆ ขณะนี้ เช่น เรื่องน้ำท่วมจะได้ประโยชน์มากกว่า
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าทำงานวันแรก ก็ตกเป็นเป้าของสื่อมวลชนในปัญหาเรื่องวีซ่าที่ตนอธิบายว่า ไม่มีความสามารถที่จะสั่งให้ออกวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ และพบกับทูตญี่ปุ่นที่พรรคเพื่อไทยก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยเท่านั้น และทูตถามว่ามีนโยบายห้ามทักษิณเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่าไม่มีนโยบายห้ามก็ให้เป็นเรื่องรัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณา
ตนเข้ามาอยู่กระทรวงนี้ไม่ใช่มาทำเรื่องทักษิณเป็นเรื่องแรก เพราะการไปขอวีซ่าญี่ปุ่นเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามาบริหารกระทรวงอย่างเป็นทางการ
สำหรับกรณีที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การขอวีซ่าให้ทักษิณเข้าประเทศนั้นทำในนามรัฐบาลไทย นายอภิสิทธิ์บอกว่า คำว่ารัฐบาลต้องดูว่าใครเป็นตัวแทน ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ติดตามอยู่
หลังจากทีมกฎหมายศึกษาข้อกฎหมายแล้ว ก็สรุปว่ารมว.ต่างประเทศเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น และโดยที่ทักษิณมีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีคดี จะเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เว้นแต่เป็นกรณีพิเศษ
จากหลักฐานพบว่านายสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศให้การช่วยเหลือและการให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่นให้ประโยชน์ต่อไทย และเลขาธิการครม.ญี่ปุ่นแถลงว่า รัฐบาลไทยเป็นผู้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นให้ทักษิณเข้าประเทศ จึงสรุปว่ารมว.ต่างประเทศผิด ๒ ลักษณะ คือ พูดว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนรัฐบาลชุดที่แล้วเป็นการพูดถึงนโยบายก่อนการเข้าแถลงนโยบายต่อสภาทำผิดขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ ๒ คือ หลักฐานว่าช่วยทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี จึงต้องดำเนินคดีอาญาต่อนายสุรพงษ์ด้วย
นอกจากนี้ทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ได้เล็งว่า จะขยายผลถึงตัวนายกรัฐมนตรีด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ในฐานะเกี่ยวข้องด้วย
ประธานวิปฝ่ายค้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ จะดำเนินการตรวจสอบถอดถอน รมว.ต่างประเทศ ว่าตรงนี้เป็นประเด็นที่เคยตั้งเป็นข้อสังเกตไว้หลังรู้ชื่อครม.ว่ามีวาระพิเศษอะไร จึงตั้งรมว.คนนี้เพราะส่อให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามบอกว่าจะไม่ทำเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว แต่แล้วงานแรกของกระทรวงต่างประเทศกลับทำให้เห็นว่าเป็นการทำเพื่อคนคนเดียว
ครับ..การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคุณทักษิณจึงอาจเป็นเหตุให้รัฐบาลนี้พังได้ เพราะตั้งแต่เรื่องทักษิณพ่นพิษว่ามีส่วนตั้งครม.ไปจนถึงเคลื่อนไหวเข้าญี่ปุ่น และจะมากัมพูชาดูจะวุ่นวายถึงประเทศไทยด้วย จนเป็นวิกฤตแห่งศรัทธากับรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ไปแล้ว
ข่าวทักษิณจะมาบรรยายเรื่องเศรษฐกิจไทยกับญี่ปุ่นตามคำเชิญขององค์กรเอกชนในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นปมปริศนาที่พัวพันไปถึงรมว.กระทรวงการต่างประเทศของไทยว่า เขาเป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ทางญี่ปุ่นออกวีซ่าให้คุณทักษิณเสียเองและทำในนามรัฐบาลไทยด้วย
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรก็ต้องมีการพิสูจน์กัน แต่เรื่องนี้ก็มีสื่อมวลชนในญี่ปุ่นเสนอข่าวเกรียวกราวไปแล้ว
นอกจากจะมีข่าวเรื่องไปญี่ปุ่นแล้ว ยังมีข่าวว่าคุณทักษิณจะมาเยือนในฐานะแขกส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซ็นแห่งกัมพูชาด้วยในปลายเดือนสิงหาคมศกนี้ แต่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณยังคงปฏิเสธเรื่องวันเวลาอยู่ เพียงแต่บอกว่าถ้ามาเมื่อไรจะแถลงให้ทราบ แต่ก็บอกว่าถ้ามาก็คงไม่ได้มาพูดคุยเรื่องธุรกิจหรือเกี่ยวกับผลประโยชน์และขอให้มั่นใจว่าทักษิณจะไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายแน่
สรุปกันว่านายนภดลยังมองว่าการเคลื่อนไหวของทักษิณนับเป็นการสร้างโอกาส ให้ประเทศไทยได้สร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ที่ประเทศไทยได้ประโยชน์ไปด้วย
แต่น่าสังเกตว่านับแต่คุณยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลนี้ คุณทักษิณมีการเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ และรัฐมนตรีต่างประเทศก็มีกิจกรรมที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของทักษิณเป็นงานแรกเสียด้วย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดา จนเราอาจกล่าวได้ว่าการเคลื่อนไหวของทักษิณนี้อาจมีผลดีผลเสียต่อรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ได้ในอนาคต
การที่ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวมากผิดสังเกตนี้ ทำให้ประชาธิปัตย์เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลและวิจารณ์ในเชิงลบทำให้โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาให้ความเห็นว่า ที่พรรคปชป.ฉวยเอาเรื่องคุณทักษิณขึ้นมาโจมตีอยู่เรื่อยๆ ว่า ขอให้เลิกวนเวียนอยู่กับประเด็นเก่าได้แล้ว ควรกันมาพูดเรื่องใหม่ๆ บ้าง เพราะบ้านเมืองมีปัญหา ควรประสานกับพรรครัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนในด้านบำบัดทุกข์ของประชาชนในปัญหาใหญ่ๆ ขณะนี้ เช่น เรื่องน้ำท่วมจะได้ประโยชน์มากกว่า
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าทำงานวันแรก ก็ตกเป็นเป้าของสื่อมวลชนในปัญหาเรื่องวีซ่าที่ตนอธิบายว่า ไม่มีความสามารถที่จะสั่งให้ออกวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ และพบกับทูตญี่ปุ่นที่พรรคเพื่อไทยก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยเท่านั้น และทูตถามว่ามีนโยบายห้ามทักษิณเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่าไม่มีนโยบายห้ามก็ให้เป็นเรื่องรัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณา
ตนเข้ามาอยู่กระทรวงนี้ไม่ใช่มาทำเรื่องทักษิณเป็นเรื่องแรก เพราะการไปขอวีซ่าญี่ปุ่นเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามาบริหารกระทรวงอย่างเป็นทางการ
สำหรับกรณีที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การขอวีซ่าให้ทักษิณเข้าประเทศนั้นทำในนามรัฐบาลไทย นายอภิสิทธิ์บอกว่า คำว่ารัฐบาลต้องดูว่าใครเป็นตัวแทน ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ติดตามอยู่
หลังจากทีมกฎหมายศึกษาข้อกฎหมายแล้ว ก็สรุปว่ารมว.ต่างประเทศเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น และโดยที่ทักษิณมีสถานะเป็นนักโทษหลบหนีคดี จะเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เว้นแต่เป็นกรณีพิเศษ
จากหลักฐานพบว่านายสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศให้การช่วยเหลือและการให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่นให้ประโยชน์ต่อไทย และเลขาธิการครม.ญี่ปุ่นแถลงว่า รัฐบาลไทยเป็นผู้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นให้ทักษิณเข้าประเทศ จึงสรุปว่ารมว.ต่างประเทศผิด ๒ ลักษณะ คือ พูดว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนรัฐบาลชุดที่แล้วเป็นการพูดถึงนโยบายก่อนการเข้าแถลงนโยบายต่อสภาทำผิดขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ ๒ คือ หลักฐานว่าช่วยทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี จึงต้องดำเนินคดีอาญาต่อนายสุรพงษ์ด้วย
นอกจากนี้ทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ได้เล็งว่า จะขยายผลถึงตัวนายกรัฐมนตรีด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ในฐานะเกี่ยวข้องด้วย
ประธานวิปฝ่ายค้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ จะดำเนินการตรวจสอบถอดถอน รมว.ต่างประเทศ ว่าตรงนี้เป็นประเด็นที่เคยตั้งเป็นข้อสังเกตไว้หลังรู้ชื่อครม.ว่ามีวาระพิเศษอะไร จึงตั้งรมว.คนนี้เพราะส่อให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามบอกว่าจะไม่ทำเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว แต่แล้วงานแรกของกระทรวงต่างประเทศกลับทำให้เห็นว่าเป็นการทำเพื่อคนคนเดียว
ครับ..การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคุณทักษิณจึงอาจเป็นเหตุให้รัฐบาลนี้พังได้ เพราะตั้งแต่เรื่องทักษิณพ่นพิษว่ามีส่วนตั้งครม.ไปจนถึงเคลื่อนไหวเข้าญี่ปุ่น และจะมากัมพูชาดูจะวุ่นวายถึงประเทศไทยด้วย จนเป็นวิกฤตแห่งศรัทธากับรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ไปแล้ว