“จุรินทร์” ยัน ปชป.ขอประชุมสภาเช้า แต่รับเสียเปรียบเพราะมีเสียงน้อย ซัดเพื่อไทยขอทำงานบ่ายสะท้อนกลัวประชุม โอ่ถ้าไม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็อย่ากลัว ยันไม่จำเป็นต้องอภิปรายนโยบายรัฐจันทร์นี้ ชี้ยังมีเวลาภายใต้กรอบ 15 วัน สับทำตรวจสอบยาก ซัดพฤติกรรม “สุรพงษ์” สะท้อนรัฐพูดอย่างทำอย่าง
วันนี้ (17 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการกำหนดวันเวลาประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันที่จะให้มีการประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าเหมือนที่เคยปฏิบัติมา ส่วนจะตกลงกันได้หรือไม่นั้นก็อยู่ที่ที่ประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ แม้ฝ่ายค้านจะเสียเปรียบเพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมาก แต่รัฐบาลก็ควรที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าอะไรเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์สูงสุด เพราะถ้าประชุมเหมือนที่เคยปฎิบัติ ก็จะช่วยให้งานในสภาฯ เดินหน้าไปได้ เพราะเชื่อว่าจะมีกฎหมายหลายฉบับที่จะเข้าสู่สภาฯ และสภาฯ ก็จะทำเรื่องที่มีประโยชน์ต่อประชาชน นอกจากนี้ตนยังเป็นห่วงเรื่องอยู่ในห้องประชุมแล้วไม่ยอมกดบัตรเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่พยายามบีบให้การประชุมมีเวลาน้อยลง นายจุรินทร์กล่าวว่า คิดว่ามันสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกลัวการประชุมสภาฯ ทั้งที่เมื่อสภาฯ เป็นเวทีควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หากรัฐบาลถ้าไม่คิดที่จะไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องไปกลัว ส่วนเรื่องการแถลงนโยบายนั้น ตอนแรกเข้าใจว่าจะเป็นวันที่ 24 ส.ค.นี้ และจะเปิดโอกาสให้มีการพูดกัน แต่ไปๆ มาๆ กลับบีบเหลือ 2 วัน และพยายามที่จะให้อภิปรายวันจันทร์ให้ได้ ตนคิดว่าไม่มีความจำเป็น เพราะเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ภายใน 15 วันนั้นก็ยังมีเวลาอยู่ ดังนั้นไม่จำเป็นฯต้องไปประชุมตั้งแต่วันจันทร์ และหากมีการประชุมจริงก็จะเป็นปัญหา เพราะรัฐบาลพูดทำนองเหมือนกับว่าจะส่งเอกสารให้ตั้งแต่วันศุกร์ จะทำให้ฝ่ายค้านหรือสภาฯไม่มีเวลาพอที่จะดูเอกสารและเตรียมข้อมูลสำหรับการพูดได้ ทำให้การทำงานในการควบคุมการทำงานและตรวจสอบรัฐบาลทำงานได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลมั่นใจว่านโยบายถูกต้องเป็นประโยชน์ ก็ไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องมากังวลว่าจะมีการอภิปรายตรวจสอบนโยบาย
เมื่อถามกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการตรวจสอบนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จากกรณีการประสานงานประเทศญี่ปุ่นเพื่อขอวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นประเด็นที่ตนเคยตั้งข้อสังเกตไว้ หลังทราบชื่อ ครม.และเป็นเรื่องที่ติดตามต่อไปสำหรับการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีวาระพิเศษอะไรหรือไม่จึงตั้งนายสุรพงษ์มาเป็น รมว.ต่างประเทศ โดยกรณีดังกล่าวได้ส่อให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลที่พยายามบอกว่าจะไม่ทำอะให้เพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว เป็นการพูดอย่างทำอย่าง ทั้งนี้ในส่วนของวิปฝ่ายค้านก็จะมีคณะทำงานเพื่อติดตามตรวจสอบการทำงานตรงนี้ของพรรคเพื่อไทยด้วยเพราะถือเป็นหน้าที่