ซ้ายแดงฟังไว้ : ประชาธิปัตย์ขวาเพื่อไทยไม่ซ้าย
บัณรส บัวคลี่
ขอสารภาพว่าจนกระทั่งบัดนี้ผมยังงงกับนิยาม “ซ้าย-ขวา” ที่ใช้ในสังคมบ้านเรา ตอนเด็ก ๆ คำว่าซ้ายนี่ต้องหมายถึงคอมมิวนิสต์อย่างแน่นอน หลังเกิดเหตุ 6 ตุลา 2519 เด็กบ้านนอกอย่างผมค่อยได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่อีกคำคือ “ขวาหรือขวาจัด” ที่พวกซ้ายชี้ว่าหมายถึงพวกกระทิงแดง-ลูกเสือชาวบ้านและก็นายทุนขุนศึก ในยุคนั้นการแบ่งซ้ายขวาเข้าใจได้ไม่ยากเพราะอยู่ในช่วงสงครามเย็นซึ่งเป็นกระแสหลักครอบโลก แบบว่าถ้าเอียงมาทางคอมมิวนิสต์ล่ะก็ซ้ายแล้วถ้าเอียงข้างจักรวรรดินิยมล่ะก็ต้องขวาแน่นอน
พอโตขึ้นจึงค่อยเข้าใจเพิ่ม คำซ้าย-ขวาหาใช่การแบ่งคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย(แบบนายทุนขุนศึก)อย่างที่เคยเข้าใจเพราะต้นกำเนิดมีมาตั้งแต่ฝรั่งเศสปฏิวัติใหม่ ๆ เขาจัดที่นั่งซ้าย-ขวาของประธานสภาให้พรรคที่มีแนวคิดต่างกัน 200 กว่าปีผ่านปีคำซ้ายขวาทางการเมืองพัฒนาขึ้นใช้กับการเมืองและระบบเศรษฐกิจคู่กันด้วย
อ่านจากตำราว่าเวลาจำแนกมักจะแยกจากทัศนะทางเศรษฐกิจการเมืองอย่างเช่นอังกฤษพรรคคอนเซอร์เวทีฟถูกจัดเป็นขวา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ขวาสุดซ้ายสุดเพราะนักการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นกลาง ๆ ติดเอียงเล็ก ๆ ทางวิชาการจึงเริ่มจัดแบ่งกลุ่มทัศนะทางการเมืองจากจุดกึ่งกลาง คือ centre-right กับ centre-left นโยบายเศรษฐกิจของขวาหนักไปทางเสรีนิยม ขณะที่อีกฟากคือพรรคเลเลอร์ที่เป็นซ้ายทัศนะด้านการเศรษฐกิจการเมืองของพรรคนี้ออกไปทาง democratic socialist party ก็คือรัฐควรโอบอุ้มดูแลอยู่พอประมาณ เห็นอกเห็นใจคนระดับล่างมากกว่า ส่วนในอเมริกานี่ทำความเข้าใจยากกว่าเดิมอีกเพราะการจัดแบ่งของเขาจัดบนพื้นฐาน liberal/conservative เป็นหลักขณะที่ซ้ายขวานี่สามารถแบ่งย่อย ๆ เป็นเรื่อง ๆ ได้เช่นศาสนา เชื้อชาติ แต่หากเป็นทัศนะทางระบบเศรษฐกิจ Neo-liberal ให้ถือเป็นขวา ที่กล่าวมาคือหลักกว้าง ๆ สรุปแบบคนอ่านผิวเผินไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
อุตส่าห์ยกตัวอย่างเปิดตำราซ้าย-ขวามาอ้างเพราะปัจจุบันสังคมของเรา(โคตร)ค่อนข้างสับสนในวาทกรรมซ้าย-ขวาทางการเมือง จริงอยู่การเมือเรื่องกีฬาสีบ้านเราแบ่งเป็น 2 ขั้วหลักคือเอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณมานาน 5 ปี ระยะหลังมานี้มีแดงห้อยโหน แดงล้มเจ้า แดงเทียม แดงอุดมการณ์ซะป๊ะแดงออกมาเคลื่อนไหวรวมอยู่ในขบวนเดียวกันแล้วก็มักทึกทักเอาว่าฝ่ายตรงข้ามคืออำมาตย์-นิยมเจ้า-นิยมทหาร-ไม่เอาประชาธิปไตยแล้วก็งัดป้าย “ฝ่ายขวา” ออกมาคล้องคอให้กับฝ่ายตรงกันข้าม ส่วนตัวเองนั้นเป็นฝ่ายซ้ายพิธีกรรมแบบซ้ายไม่มีอะไรมากบ้างก็ไปหาหมวกดาวแดงแบบสุรชัย แซ่ด่านมาสวม ประกาศตนไม่ชอบอำมาตย์ไม่ชอบเจ้าเพราะพวกตัวเองเป็นไพร่ วาทกรรมไพร่ที่ป้าธิดาแกเอามาเผยแพร่ในเวทีแดงเป็นวาทกรรมแบบซ้ายดั้งเดิมตกทอดมาตั้งแต่ 1789 แล้วก็ตอกย้ำความเป็นซ้ายอีกรอบตอนสงครามเย็น
อันที่จริงความเป็นซ้ายนี่มันเท่นะครับ แบบว่าภาพของมันคือขบถที่เป็นอิสระ อยากออกนอกกรอบอะไรสักอย่างตอนหนุ่ม ๆ ผมก็เหมือนกันอยากเป็นซ้ายแต่บังเอิญยุคนั้นป่าแตกไปแล้ว (ฮา) พี่หงาก็ออกจากป่ามาเล่นคอนเสิร์ตเพื่อยูนิเซฟแล้วความเป็นซ้ายของเด็กรุ่นหนุ่มจะสะท้อนออกมาโดยการกินเหล้าล้อมวง(ฟังเพื่อน)เล่นกีร์ต้าเพลงคาราวานอย่างเก่งก็ออกค่ายแล้วสะกดจิตทำให้ตัวเองเชื่อว่านี่คือการอุทิศตนให้กับมวลชนเท่าที่นักศึกษาคนหนึ่งจะทำได้ เอาตัวเองมาเทียบก็พอจะเข้าใจเด็กหนุ่มสาวปัจจุบันที่เที่ยวไปโพสต์ไปปล่อยคลิปในยูทูปแสดงออกซึ่งความเป็นขบถอยู่พอสมควรแล้วก็รวมถึงพวกที่ประกาศตนเป็นแดงอิสระ อาการแบบนี้ผมเคยผ่านมาแล้วครับขอยอมรับว่าตอนนั้นเชื่อจริง ๆ ว่ากูนี่ก้าวหน้ามาก ๆ (ฮา)
ลักษณะของคนหนุ่มขบถโมแลนติกอีกประการคือชอบทึกทักจัดเอาคนโน้นคนนี้ที่ดูเท่ ๆ มาไว้ในกลุ่มเดียวกับตัวเองนี่ก็เป็นอาการของซ้ายมือใหม่มองโลกในแง่ดีว่าคนดี ๆ ต้องอยู่ร่วมกับคนดี ๆ ดังนั้นคนที่สวมเสื้อสีเดียวกันออกมาประท้วงเรื่องเดียวกันนี่ต้องดีหมด (ฮา) ไม่ได้ล้อเล่นนะครับผมเคยทึกทักเอาแบบนั้นจริง ๆ แหละครับพวกที่ออกมาประท้วงคือผู้ลำเค็ญเป็นผู้ทุกข์ทนยังไงก็พวกเดียวกับเรา แต่พอโตขึ้นเห็นอะไรมาก ๆ เข้าประเภทวันนี้ทุกข์ยากอยู่หยกๆ อีกวันรับจ้างนักการเมืองนำม็อบอีกขบวนแล้วก็มี..เจอบ่อย ๆ เข้าจึงค่อยเลิกคิดอะไรที่โรแมนติกแบบนั้น
ยกตัวอย่างก็แล้วอารัมภบทก็พอสมควรกลับเข้าประเด็นหลักของวันนี้เสียที ! คำถามที่สงสัยคือขบวนการแดงเป็นซ้ายจริงหรือ ?
แดงจำนวนหนึ่งคิดว่าตัวเองและขบวนแดงเป็นซ้ายจริง ๆ แดงพวกนี้ชอบปรามาสฝ่ายตรงกันข้ามด้วยศัพท์แปลก ๆ ราชาชาตินิยม ฟาสซิสม์ เผด็จการทหาร ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นศัพท์สะท้อนความเป็นขวาสุดกู่ในทางวิชาการทั้งนั้น พวกเขาโดยอาจจะลืมไปว่าภาพของซ้ายสุด ๆ ของ Far left/radical left ก็เป็นภาพที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน อย่างกลุ่มซ้ายตกขอบสุด ๆ ที่ฝรั่งเขาจัดแบ่งก็เช่นพวกเผาบ้านเผาเมือง (anarchists) พวกปฏิวัติโค่นล้ม (revolutionary left) ลำดับถัด ๆ มาจากปีกซ้ายสุดก็ก็รวมพวกคอมมิวนิสต์ สังคมนิยมเข้าไปอยู่ในปีกนี้ด้วย
มีนักเขียนมีปัญญาชนเสื้อแดงไม่น้อยที่ประกาศตัวเองเชื่อในตลาดเสรี ชมชอบแนวทางเสรีนิยม ประกาศตนชมชอบเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม ชีวิตปัจเจกที่มีสุขประสาตนเอง ฯลฯ ไอ้แบบนี้เรียกว่าซ้ายหรือเปล่า ? เปล่าเลย ! เพราะอาการแบบนี้น่ะคือ “ขวา” ครับถ้ายึดตามที่โลกเขาจัดแบ่งเอาไว้
ขอถามพวกเสื้อแดงปัญญาชนที่ชอบฝันหวานจัดอีกฝ่ายเป็นขวาแล้วโมเมเหมาตัวเองเป็นซ้ายน่ะว่า ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ปลอดประสพ ยงยุทธหัวหน้าพรรค เฮียเพ้ง เสี่ยสันติ สุดารัตน์ เก่งดอนเมือง แรมโบ้อีสาน ฯลฯ ตลอดถึงพรรคเพื่อไทยที่เชียร์กันนั้นเป็นซ้ายด้วยหรือเปล่า ?
ก็เปล่าอีก ! ไม่มีเครื่องชี้วัดใดที่ชี้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย.., ทักษิณน่ะพ่อค้าที่โตมากับธุรกิจกึ่งผูกขาดเป็นธุรกิจประเภทที่ต้องวิ่งเต้นเพื่อจะได้มาอย่างดาวเทียมไทยคมก็วิ่งกับบิ๊กจ๊อดไล่เรื่อยมาจนถึงสัมปทานมือถืออาศัยช่องโหว่เติบโตในตลาดกึ่งเสรีเพื่อจะได้เปรียบและเอาตัวรอดได้เต็มที่ในตลาดเสรี นโยบายตั้งแต่ยุคไทยรักไทยเรื่อยมาไม่มีเลยที่เห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการที่ซ้ายก้าวหน้าหลายคนกล่าวถึง นักการเมืองแทบทั้งพรรคเขาแค่ปลุกคนเสื้อแดงออกมาโค่นล้มเพื่อจะได้อำนาจไปครอบครองแทนวาทกรรมไพร่อำมาตย์น่ะแค่ของเล่นปลุกระดมเพราะแทบทุกคนที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีล้วนแต่มีวิถีอำมาตย์กันทั้งนั้น บางรายนี่เลือดอำมาตย์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าเลย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณสืบมาจากเจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง/เวียงจันทน์ ปลอดประสพ นามสกุลก็รู้ว่าสุรัสวดี ซึ่งเป็นตำแหน่งด้านการเกณฑ์ทหารเชื้อสายก็ฝ่ายปกครองเมืองทางอีสานมีทรัพย์สินหลายสตังค์แถวประตูน้ำ วิชัยดิษฐ์ตระกูลใหญ่เป็นอำมาตย์ท้องถิ่นเมืองกาญจนดิษฐ์สุราษฏร์ธานี แม้กระทั่ง ณ ระนอง (ที่มีข่าวอยู่ในโผ)นี่ก็อำมาตย์มีชื่อคณะราษฎร์ปฏิวัติขุนนางทั้งหลายไม่มีใครกล้ามาช่วยก็ได้คนตระกูล ณ ระนองนี่แหละช่วยเหลือจัดการเจ้านายลี้ภัยไปอยู่ปีนัง-บันดุง
ผมว่ามันเลอะเทอะน่ะครับไอ้การจำแนกกลุ่มการเมืองไทยแบบซ้าย-ขวา เพราะตอนนี้มันผสมปนเปมั่วไปหมดซ้ายล้มเจ้ากอดคออำมาตย์เทคโนแครตที่อยู่กับอำนาจนิยมมาชั่วชีวิต อย่างนายปลอดประสพน่ะขึ้นชื่อเรื่องบ้าตราอาร์มสัญลักษณ์เครื่องหมายประจำตระกูลตามแบบขุนนางยุโรป นอกจากนั้นยังบ้าเครื่องแบบอุตส่าห์ออกแบบลายเครื่องแบบลายพรางใหม่ให้ลูกน้องใส่ พอไปต่างจังหวัดชอบให้ลูกน้องเข้าไปยืนแถวหน้ากระดานตะเบ๊ะที่สนามบิน ฯลฯ...คนแบบนี้หรือที่ขบวนการเสื้อแดงยอมรับว่าเป็นซ้ายเป็นไพร่พวกเดียวกัน
ดังนั้นจึงขอใช้ศัพท์อังกฤษว่า Political View ในขบวนการสีแดงมันมีตั้งแต่ซ้ายสุดขั้วมาจนถึงขวาสุดขอบจู่ ๆ ปนยาชันผู้โรแมนติกก็มาประกาศพวกกูเป็นซ้ายก้าวหน้าพวกมึงเป็นขวาล้าหลังแล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่องกันอยู่ในกลุ่มเลอะเทอะสิ้นดี
ผมคิดว่าหลังสถานการณ์วุ่น ๆ มา 5 ปี หลังการเลือกตั้งรอบนี้การเมืองไทยอยู่ระหว่างการเซ็ตตัวใหม่ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวกัน...!!!
ประชาธิปัตย์กลับไปเลือกกรรมการใหม่เห็นราง ๆ ว่ากำลังปรับยุทธศาสตร์การเอาชนะเลือกตั้งใหม่กันตั้งแต่ไก่โห่ สำหรับผมแล้วบอกตรง ๆ ว่าผิดหวังกับประชาธิปัตย์ที่ยังติดกับดักการเลือกตั้ง(ครั้งต่อไป) พวกคุณมีรากฐานความเป็นพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เมืองไทยจะหาได้เพราะพรรคอื่นเป็นพรรคหัวหน้าตั้งกันแทบทั้งนั้น ปัญหาก็คือประชาธิปัตย์ไม่ได้วางตัวเองเป็นพรรคมวลชนยังคงกึ่งเปิดกึ่งปิด ถ้าเป็นระบบเปิดจริง ๆ ว่าที่เลขาพรรคและตำแหน่งบริหารอื่น ๆ ต้องเสนอตัวแสดงท่าทีอยากเข้ามาเป็น และควรมีกระบวนการเสนอแนวคิดเพื่อให้สมาชิกและสาธารณะรับทราบมองเห็นตั้งแต่ต้น ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการโหวตภายใน การเมืองไทยยังติดกับดัก “คนอยากได้ตำแหน่งไม่ควรเสนอหน้า” หรือแสดงตัวออกนอกหน้าเช่นที่เคยเป็นมาตลอด 50-60 ปี ยังคิดว่าไม่ควรกระเหี้ยนกระหือรือกับตำแหน่ง ควรเก็บท่าทีหงิม ๆ แล้วตำแหน่งจะมาเอง (หลังจากคุยกันงุงิ ๆ ภายใน)
การจะเป็นพรรคการเมืองที่วางอยู่บนฐานมวลชนจริง ๆ ต้องแสดงออกผ่านกระบวนการครับ กระบวนการคัดเลือกภายในอย่างเป็นระบบและกว้างขวางของเดโมแครต/รีพับลิกันเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า “กระบวนการ” มีความสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ สำหรับพรรคการเมือง
น่าผิดหวังที่ประชาธิปัตย์เลือกตั้งใหม่กันเองรอบนี้ก็ยังคงอยู่ภายใต้บรรยากาศงุงิ ๆ ไม่มีอะไรใหม่ที่น่าประทับใจ ผมคิดเอาเองว่าตอนอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นหัวหน้าโหวตแข่งกับบัญญัติเป็นนิมิตหมายความก้าวหน้าของพรรค แต่มารอบนี้กลับถอยหลังลงไปอีก หากประชาธิปัตย์อยากชนะรอบหน้า กลยุทธ์ศึกภายใต้แม่บ้านใจถึงก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกขาหนึ่งคือการรณรงค์ทางการเมืองแบบใหม่ที่ชูผู้นำ-วิสัยทัศน์-ความสามารถและความเด็ดขาดขึ้นมาแข่ง ที่กล่าวมามันคือภาพลักษณ์ของทักษิณนั่นแหละโจทย์เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องควานหาเหมือนกัน เพราะสไตล์แบบยิ่งลักษณ์คงจะใช้ได้แก้ขัดชั่วคราวสำหรับคนคิดถึงทักษิณเท่านั้น
นอกจากประชาธิปัตย์ที่อยู่ระหว่างการเซ็ตตัวใหม่ พรรคเพื่อไทยเองก็เช่นกันต่อไปแดงซ้ายจัดไม่เอาเจ้า (ซ้ายในที่นี้อนุโลมจากยุคสงครามเย็น) ก็คงอยู่ยากกลยุทธ์ของประชาธิปัตย์ที่ประกาศจะต่อสู้กับลัทธิใหม่หรือระบอบการปกครองใหม่นั้นแหลมคมทีเดียว หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ขยับทำอะไรก็เหมือนจะหลิ่วตาเห็นด้วยกับกลุ่มนี้ มาถึงตอนนี้คนทั่วไปแทบทั้งประเทศเขาเห็นเขารู้อะไร ๆ บ้างอยู่พอสมควรถึงการดำรงอยู่ของกลุ่มอุดมการณ์ดังกล่าว อย่างน้อยเปิดเว็บไซต์ก็เจอเปิดยูทูปก็เห็น เชื่อว่าต่อไปรัฐบาลปูและกลุ่มการเมืองของทักษิณจะถูกสถานการณ์บังคับให้ตัดขาดกับกลุ่มอุดมการณ์นี้
การเซ็ตตัวลำดับต่อไปคือพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนประเภทใดแน่ ตอนนี้ยากจะจำแนกขบวนการแดงและพรรคเพื่อไทยว่าจัดอยู่ในกลุ่มที่มีทัศนะทางการเมืองแบบใดแต่ต่อไปสถานการณ์จะบังคับให้มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ นี่เป็นเหตุผลทางธรรมชาติเพราะเพื่อไทยและทักษิณโตมากับรากหญ้าและชนชั้นล่างเป็นฐานใหญ่สุด
เพื่อไทยวางตัวเองกับชนชั้นรากหญ้า ชนชั้นกรรมาชีพเป็นฐานสำคัญอย่างไรเสียนโยบายที่เป็นจุดยืนและปรัชญาพื้นฐานของนโยบายก็ต้องชัดเจนว่าเอาจริงเอาจังกับรากหญ้าชนชั้นล่างมากน้อยแค่ไหน จะเอาจริงเรื่องการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจแค่ไหนอย่างไร มีกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเคลื่อนขบวนมอเตอร์ไซด์จากภาคเหนือเข้าไปร้องขอให้พรรคเพื่อไทยบรรจุการปฏิรูปที่ดินเข้าในนโยบายด้วย หากเพื่อไทยรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้คือรับแบบประชาธิปัตย์ผ่านไป 2 ปีได้โฉนดแค่ 2 แผ่นกฏหมายภาษีที่ดินไม่เกิดจริง กฏหมายมรดกอยู่ไหนไม่รู้พรรคเพื่อไทยก็จะเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาว่ายังเป็นพรรคของนายทุนอำมาตย์ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่น ๆ แต่อย่างใด
ดูเหมือนไม่ยากแต่แท้จริงยากมากนะครับนโยบายของพรรคการเมืองที่วางตนเองเป็นตัวแทนของชนชั้นล่างจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาหลอกใช้ชนชั้นล่างด้วยประชานิยมเพื่อชนชั้นสูงเป็นหลัก ถ้าเอาจริงกับคนจนเรื่องการปรับโครงสร้างเพื่อลดการเหลื่อมล้ำต้องเป็นนโยบายหลักที่ต้องเอาจริง !!@?????
ก็ต้องดูนโยบายที่คุณนายกปูยิ่งลักษณ์จะแถลงรอบนี้ เพราะนี่คือเครื่องสะท้อนอะไร ๆ อีกตั้งหลายอย่างของการเมืองไทยในระยะต่อไป
ประชาธิปัตย์เป็นขวาแน่นอน เพราะพรรคนี้เดินตามแนวเสรีนิยมใหม่มานานไม่ได้เป็นพรรคคอนเซอร์เวทีฟอย่างที่ปนยาชันสีแดงหลายคนยัดเยียด วิกฤตเศรษฐกิจรอบแรกก็มาจากการเปิด BIBF ก่อให้เกิดกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับ ประชาธิปัตย์เป็นขวาทั้งในความหมายยุคสงครามเย็นและเป็นขวาตามนิยามแบบการเมืองอเมริกัน แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่พรรคขั้วตรงกันข้ามคือเป็นฝ่ายซ้ายจริง เพราะถ้าเอาแนวคิดสังคมนิยมประเภท socialism หรือ social democracy เป็นตัวตั้งพรรคเพื่อไทยก็ห่างไกลจากนิยามดังกล่าวไกลโข ไทยรักไทย-พลังประชาชนยุคก่อนหน้าก็ไม่ได้แสดงตนเป็นซ้ายเลย
การแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีปู ยิ่งลักษณ์รอบนี้จะยิ่งสะท้อนชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นซ้ายแค่ไหน นอกจากนั้นยังจะสะท้อนการปรับตัวเองของพรรคการเมืองวางตัวเองเป็นตัวแทนของคนรากหญ้ามุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างได้จริงแค่ไหน... หรือแค่หลอกรากหญ้าเป็นคราว ๆ ไป
ที่สุดแล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ซ้ายหรอก...เพื่อไทยคงจะไม่หลงบ้าวางตัวเองเป็นพรรคฝ่ายซ้ายเพื่อให้เป็นที่รวมของคนมีอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายเพื่อจะสถาปนาประชาธิปไตยของชนชั้นผู้ด้อยโอกาสอะไรที่ปนยาชันโมแรนติกสีแดงเพ้อฝัน ...แถมดีไม่ดีพรรคเพื่อไทยและขบวนการแดงของทักษิณอาจจะสลัดซ้ายโรแมนติกนักเพ้อฝันทั้งหลายออกไปเป็นกลุ่มแรก ๆ ด้วยซ้ำไป
บัณรส บัวคลี่
ขอสารภาพว่าจนกระทั่งบัดนี้ผมยังงงกับนิยาม “ซ้าย-ขวา” ที่ใช้ในสังคมบ้านเรา ตอนเด็ก ๆ คำว่าซ้ายนี่ต้องหมายถึงคอมมิวนิสต์อย่างแน่นอน หลังเกิดเหตุ 6 ตุลา 2519 เด็กบ้านนอกอย่างผมค่อยได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่อีกคำคือ “ขวาหรือขวาจัด” ที่พวกซ้ายชี้ว่าหมายถึงพวกกระทิงแดง-ลูกเสือชาวบ้านและก็นายทุนขุนศึก ในยุคนั้นการแบ่งซ้ายขวาเข้าใจได้ไม่ยากเพราะอยู่ในช่วงสงครามเย็นซึ่งเป็นกระแสหลักครอบโลก แบบว่าถ้าเอียงมาทางคอมมิวนิสต์ล่ะก็ซ้ายแล้วถ้าเอียงข้างจักรวรรดินิยมล่ะก็ต้องขวาแน่นอน
พอโตขึ้นจึงค่อยเข้าใจเพิ่ม คำซ้าย-ขวาหาใช่การแบ่งคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย(แบบนายทุนขุนศึก)อย่างที่เคยเข้าใจเพราะต้นกำเนิดมีมาตั้งแต่ฝรั่งเศสปฏิวัติใหม่ ๆ เขาจัดที่นั่งซ้าย-ขวาของประธานสภาให้พรรคที่มีแนวคิดต่างกัน 200 กว่าปีผ่านปีคำซ้ายขวาทางการเมืองพัฒนาขึ้นใช้กับการเมืองและระบบเศรษฐกิจคู่กันด้วย
อ่านจากตำราว่าเวลาจำแนกมักจะแยกจากทัศนะทางเศรษฐกิจการเมืองอย่างเช่นอังกฤษพรรคคอนเซอร์เวทีฟถูกจัดเป็นขวา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ขวาสุดซ้ายสุดเพราะนักการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นกลาง ๆ ติดเอียงเล็ก ๆ ทางวิชาการจึงเริ่มจัดแบ่งกลุ่มทัศนะทางการเมืองจากจุดกึ่งกลาง คือ centre-right กับ centre-left นโยบายเศรษฐกิจของขวาหนักไปทางเสรีนิยม ขณะที่อีกฟากคือพรรคเลเลอร์ที่เป็นซ้ายทัศนะด้านการเศรษฐกิจการเมืองของพรรคนี้ออกไปทาง democratic socialist party ก็คือรัฐควรโอบอุ้มดูแลอยู่พอประมาณ เห็นอกเห็นใจคนระดับล่างมากกว่า ส่วนในอเมริกานี่ทำความเข้าใจยากกว่าเดิมอีกเพราะการจัดแบ่งของเขาจัดบนพื้นฐาน liberal/conservative เป็นหลักขณะที่ซ้ายขวานี่สามารถแบ่งย่อย ๆ เป็นเรื่อง ๆ ได้เช่นศาสนา เชื้อชาติ แต่หากเป็นทัศนะทางระบบเศรษฐกิจ Neo-liberal ให้ถือเป็นขวา ที่กล่าวมาคือหลักกว้าง ๆ สรุปแบบคนอ่านผิวเผินไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
อุตส่าห์ยกตัวอย่างเปิดตำราซ้าย-ขวามาอ้างเพราะปัจจุบันสังคมของเรา(โคตร)ค่อนข้างสับสนในวาทกรรมซ้าย-ขวาทางการเมือง จริงอยู่การเมือเรื่องกีฬาสีบ้านเราแบ่งเป็น 2 ขั้วหลักคือเอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณมานาน 5 ปี ระยะหลังมานี้มีแดงห้อยโหน แดงล้มเจ้า แดงเทียม แดงอุดมการณ์ซะป๊ะแดงออกมาเคลื่อนไหวรวมอยู่ในขบวนเดียวกันแล้วก็มักทึกทักเอาว่าฝ่ายตรงข้ามคืออำมาตย์-นิยมเจ้า-นิยมทหาร-ไม่เอาประชาธิปไตยแล้วก็งัดป้าย “ฝ่ายขวา” ออกมาคล้องคอให้กับฝ่ายตรงกันข้าม ส่วนตัวเองนั้นเป็นฝ่ายซ้ายพิธีกรรมแบบซ้ายไม่มีอะไรมากบ้างก็ไปหาหมวกดาวแดงแบบสุรชัย แซ่ด่านมาสวม ประกาศตนไม่ชอบอำมาตย์ไม่ชอบเจ้าเพราะพวกตัวเองเป็นไพร่ วาทกรรมไพร่ที่ป้าธิดาแกเอามาเผยแพร่ในเวทีแดงเป็นวาทกรรมแบบซ้ายดั้งเดิมตกทอดมาตั้งแต่ 1789 แล้วก็ตอกย้ำความเป็นซ้ายอีกรอบตอนสงครามเย็น
อันที่จริงความเป็นซ้ายนี่มันเท่นะครับ แบบว่าภาพของมันคือขบถที่เป็นอิสระ อยากออกนอกกรอบอะไรสักอย่างตอนหนุ่ม ๆ ผมก็เหมือนกันอยากเป็นซ้ายแต่บังเอิญยุคนั้นป่าแตกไปแล้ว (ฮา) พี่หงาก็ออกจากป่ามาเล่นคอนเสิร์ตเพื่อยูนิเซฟแล้วความเป็นซ้ายของเด็กรุ่นหนุ่มจะสะท้อนออกมาโดยการกินเหล้าล้อมวง(ฟังเพื่อน)เล่นกีร์ต้าเพลงคาราวานอย่างเก่งก็ออกค่ายแล้วสะกดจิตทำให้ตัวเองเชื่อว่านี่คือการอุทิศตนให้กับมวลชนเท่าที่นักศึกษาคนหนึ่งจะทำได้ เอาตัวเองมาเทียบก็พอจะเข้าใจเด็กหนุ่มสาวปัจจุบันที่เที่ยวไปโพสต์ไปปล่อยคลิปในยูทูปแสดงออกซึ่งความเป็นขบถอยู่พอสมควรแล้วก็รวมถึงพวกที่ประกาศตนเป็นแดงอิสระ อาการแบบนี้ผมเคยผ่านมาแล้วครับขอยอมรับว่าตอนนั้นเชื่อจริง ๆ ว่ากูนี่ก้าวหน้ามาก ๆ (ฮา)
ลักษณะของคนหนุ่มขบถโมแลนติกอีกประการคือชอบทึกทักจัดเอาคนโน้นคนนี้ที่ดูเท่ ๆ มาไว้ในกลุ่มเดียวกับตัวเองนี่ก็เป็นอาการของซ้ายมือใหม่มองโลกในแง่ดีว่าคนดี ๆ ต้องอยู่ร่วมกับคนดี ๆ ดังนั้นคนที่สวมเสื้อสีเดียวกันออกมาประท้วงเรื่องเดียวกันนี่ต้องดีหมด (ฮา) ไม่ได้ล้อเล่นนะครับผมเคยทึกทักเอาแบบนั้นจริง ๆ แหละครับพวกที่ออกมาประท้วงคือผู้ลำเค็ญเป็นผู้ทุกข์ทนยังไงก็พวกเดียวกับเรา แต่พอโตขึ้นเห็นอะไรมาก ๆ เข้าประเภทวันนี้ทุกข์ยากอยู่หยกๆ อีกวันรับจ้างนักการเมืองนำม็อบอีกขบวนแล้วก็มี..เจอบ่อย ๆ เข้าจึงค่อยเลิกคิดอะไรที่โรแมนติกแบบนั้น
ยกตัวอย่างก็แล้วอารัมภบทก็พอสมควรกลับเข้าประเด็นหลักของวันนี้เสียที ! คำถามที่สงสัยคือขบวนการแดงเป็นซ้ายจริงหรือ ?
แดงจำนวนหนึ่งคิดว่าตัวเองและขบวนแดงเป็นซ้ายจริง ๆ แดงพวกนี้ชอบปรามาสฝ่ายตรงกันข้ามด้วยศัพท์แปลก ๆ ราชาชาตินิยม ฟาสซิสม์ เผด็จการทหาร ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นศัพท์สะท้อนความเป็นขวาสุดกู่ในทางวิชาการทั้งนั้น พวกเขาโดยอาจจะลืมไปว่าภาพของซ้ายสุด ๆ ของ Far left/radical left ก็เป็นภาพที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน อย่างกลุ่มซ้ายตกขอบสุด ๆ ที่ฝรั่งเขาจัดแบ่งก็เช่นพวกเผาบ้านเผาเมือง (anarchists) พวกปฏิวัติโค่นล้ม (revolutionary left) ลำดับถัด ๆ มาจากปีกซ้ายสุดก็ก็รวมพวกคอมมิวนิสต์ สังคมนิยมเข้าไปอยู่ในปีกนี้ด้วย
มีนักเขียนมีปัญญาชนเสื้อแดงไม่น้อยที่ประกาศตัวเองเชื่อในตลาดเสรี ชมชอบแนวทางเสรีนิยม ประกาศตนชมชอบเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม ชีวิตปัจเจกที่มีสุขประสาตนเอง ฯลฯ ไอ้แบบนี้เรียกว่าซ้ายหรือเปล่า ? เปล่าเลย ! เพราะอาการแบบนี้น่ะคือ “ขวา” ครับถ้ายึดตามที่โลกเขาจัดแบ่งเอาไว้
ขอถามพวกเสื้อแดงปัญญาชนที่ชอบฝันหวานจัดอีกฝ่ายเป็นขวาแล้วโมเมเหมาตัวเองเป็นซ้ายน่ะว่า ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ปลอดประสพ ยงยุทธหัวหน้าพรรค เฮียเพ้ง เสี่ยสันติ สุดารัตน์ เก่งดอนเมือง แรมโบ้อีสาน ฯลฯ ตลอดถึงพรรคเพื่อไทยที่เชียร์กันนั้นเป็นซ้ายด้วยหรือเปล่า ?
ก็เปล่าอีก ! ไม่มีเครื่องชี้วัดใดที่ชี้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย.., ทักษิณน่ะพ่อค้าที่โตมากับธุรกิจกึ่งผูกขาดเป็นธุรกิจประเภทที่ต้องวิ่งเต้นเพื่อจะได้มาอย่างดาวเทียมไทยคมก็วิ่งกับบิ๊กจ๊อดไล่เรื่อยมาจนถึงสัมปทานมือถืออาศัยช่องโหว่เติบโตในตลาดกึ่งเสรีเพื่อจะได้เปรียบและเอาตัวรอดได้เต็มที่ในตลาดเสรี นโยบายตั้งแต่ยุคไทยรักไทยเรื่อยมาไม่มีเลยที่เห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการที่ซ้ายก้าวหน้าหลายคนกล่าวถึง นักการเมืองแทบทั้งพรรคเขาแค่ปลุกคนเสื้อแดงออกมาโค่นล้มเพื่อจะได้อำนาจไปครอบครองแทนวาทกรรมไพร่อำมาตย์น่ะแค่ของเล่นปลุกระดมเพราะแทบทุกคนที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีล้วนแต่มีวิถีอำมาตย์กันทั้งนั้น บางรายนี่เลือดอำมาตย์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าเลย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณสืบมาจากเจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง/เวียงจันทน์ ปลอดประสพ นามสกุลก็รู้ว่าสุรัสวดี ซึ่งเป็นตำแหน่งด้านการเกณฑ์ทหารเชื้อสายก็ฝ่ายปกครองเมืองทางอีสานมีทรัพย์สินหลายสตังค์แถวประตูน้ำ วิชัยดิษฐ์ตระกูลใหญ่เป็นอำมาตย์ท้องถิ่นเมืองกาญจนดิษฐ์สุราษฏร์ธานี แม้กระทั่ง ณ ระนอง (ที่มีข่าวอยู่ในโผ)นี่ก็อำมาตย์มีชื่อคณะราษฎร์ปฏิวัติขุนนางทั้งหลายไม่มีใครกล้ามาช่วยก็ได้คนตระกูล ณ ระนองนี่แหละช่วยเหลือจัดการเจ้านายลี้ภัยไปอยู่ปีนัง-บันดุง
ผมว่ามันเลอะเทอะน่ะครับไอ้การจำแนกกลุ่มการเมืองไทยแบบซ้าย-ขวา เพราะตอนนี้มันผสมปนเปมั่วไปหมดซ้ายล้มเจ้ากอดคออำมาตย์เทคโนแครตที่อยู่กับอำนาจนิยมมาชั่วชีวิต อย่างนายปลอดประสพน่ะขึ้นชื่อเรื่องบ้าตราอาร์มสัญลักษณ์เครื่องหมายประจำตระกูลตามแบบขุนนางยุโรป นอกจากนั้นยังบ้าเครื่องแบบอุตส่าห์ออกแบบลายเครื่องแบบลายพรางใหม่ให้ลูกน้องใส่ พอไปต่างจังหวัดชอบให้ลูกน้องเข้าไปยืนแถวหน้ากระดานตะเบ๊ะที่สนามบิน ฯลฯ...คนแบบนี้หรือที่ขบวนการเสื้อแดงยอมรับว่าเป็นซ้ายเป็นไพร่พวกเดียวกัน
ดังนั้นจึงขอใช้ศัพท์อังกฤษว่า Political View ในขบวนการสีแดงมันมีตั้งแต่ซ้ายสุดขั้วมาจนถึงขวาสุดขอบจู่ ๆ ปนยาชันผู้โรแมนติกก็มาประกาศพวกกูเป็นซ้ายก้าวหน้าพวกมึงเป็นขวาล้าหลังแล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่องกันอยู่ในกลุ่มเลอะเทอะสิ้นดี
ผมคิดว่าหลังสถานการณ์วุ่น ๆ มา 5 ปี หลังการเลือกตั้งรอบนี้การเมืองไทยอยู่ระหว่างการเซ็ตตัวใหม่ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวกัน...!!!
ประชาธิปัตย์กลับไปเลือกกรรมการใหม่เห็นราง ๆ ว่ากำลังปรับยุทธศาสตร์การเอาชนะเลือกตั้งใหม่กันตั้งแต่ไก่โห่ สำหรับผมแล้วบอกตรง ๆ ว่าผิดหวังกับประชาธิปัตย์ที่ยังติดกับดักการเลือกตั้ง(ครั้งต่อไป) พวกคุณมีรากฐานความเป็นพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เมืองไทยจะหาได้เพราะพรรคอื่นเป็นพรรคหัวหน้าตั้งกันแทบทั้งนั้น ปัญหาก็คือประชาธิปัตย์ไม่ได้วางตัวเองเป็นพรรคมวลชนยังคงกึ่งเปิดกึ่งปิด ถ้าเป็นระบบเปิดจริง ๆ ว่าที่เลขาพรรคและตำแหน่งบริหารอื่น ๆ ต้องเสนอตัวแสดงท่าทีอยากเข้ามาเป็น และควรมีกระบวนการเสนอแนวคิดเพื่อให้สมาชิกและสาธารณะรับทราบมองเห็นตั้งแต่ต้น ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการโหวตภายใน การเมืองไทยยังติดกับดัก “คนอยากได้ตำแหน่งไม่ควรเสนอหน้า” หรือแสดงตัวออกนอกหน้าเช่นที่เคยเป็นมาตลอด 50-60 ปี ยังคิดว่าไม่ควรกระเหี้ยนกระหือรือกับตำแหน่ง ควรเก็บท่าทีหงิม ๆ แล้วตำแหน่งจะมาเอง (หลังจากคุยกันงุงิ ๆ ภายใน)
การจะเป็นพรรคการเมืองที่วางอยู่บนฐานมวลชนจริง ๆ ต้องแสดงออกผ่านกระบวนการครับ กระบวนการคัดเลือกภายในอย่างเป็นระบบและกว้างขวางของเดโมแครต/รีพับลิกันเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า “กระบวนการ” มีความสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ สำหรับพรรคการเมือง
น่าผิดหวังที่ประชาธิปัตย์เลือกตั้งใหม่กันเองรอบนี้ก็ยังคงอยู่ภายใต้บรรยากาศงุงิ ๆ ไม่มีอะไรใหม่ที่น่าประทับใจ ผมคิดเอาเองว่าตอนอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นหัวหน้าโหวตแข่งกับบัญญัติเป็นนิมิตหมายความก้าวหน้าของพรรค แต่มารอบนี้กลับถอยหลังลงไปอีก หากประชาธิปัตย์อยากชนะรอบหน้า กลยุทธ์ศึกภายใต้แม่บ้านใจถึงก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกขาหนึ่งคือการรณรงค์ทางการเมืองแบบใหม่ที่ชูผู้นำ-วิสัยทัศน์-ความสามารถและความเด็ดขาดขึ้นมาแข่ง ที่กล่าวมามันคือภาพลักษณ์ของทักษิณนั่นแหละโจทย์เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องควานหาเหมือนกัน เพราะสไตล์แบบยิ่งลักษณ์คงจะใช้ได้แก้ขัดชั่วคราวสำหรับคนคิดถึงทักษิณเท่านั้น
นอกจากประชาธิปัตย์ที่อยู่ระหว่างการเซ็ตตัวใหม่ พรรคเพื่อไทยเองก็เช่นกันต่อไปแดงซ้ายจัดไม่เอาเจ้า (ซ้ายในที่นี้อนุโลมจากยุคสงครามเย็น) ก็คงอยู่ยากกลยุทธ์ของประชาธิปัตย์ที่ประกาศจะต่อสู้กับลัทธิใหม่หรือระบอบการปกครองใหม่นั้นแหลมคมทีเดียว หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ขยับทำอะไรก็เหมือนจะหลิ่วตาเห็นด้วยกับกลุ่มนี้ มาถึงตอนนี้คนทั่วไปแทบทั้งประเทศเขาเห็นเขารู้อะไร ๆ บ้างอยู่พอสมควรถึงการดำรงอยู่ของกลุ่มอุดมการณ์ดังกล่าว อย่างน้อยเปิดเว็บไซต์ก็เจอเปิดยูทูปก็เห็น เชื่อว่าต่อไปรัฐบาลปูและกลุ่มการเมืองของทักษิณจะถูกสถานการณ์บังคับให้ตัดขาดกับกลุ่มอุดมการณ์นี้
การเซ็ตตัวลำดับต่อไปคือพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนประเภทใดแน่ ตอนนี้ยากจะจำแนกขบวนการแดงและพรรคเพื่อไทยว่าจัดอยู่ในกลุ่มที่มีทัศนะทางการเมืองแบบใดแต่ต่อไปสถานการณ์จะบังคับให้มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ นี่เป็นเหตุผลทางธรรมชาติเพราะเพื่อไทยและทักษิณโตมากับรากหญ้าและชนชั้นล่างเป็นฐานใหญ่สุด
เพื่อไทยวางตัวเองกับชนชั้นรากหญ้า ชนชั้นกรรมาชีพเป็นฐานสำคัญอย่างไรเสียนโยบายที่เป็นจุดยืนและปรัชญาพื้นฐานของนโยบายก็ต้องชัดเจนว่าเอาจริงเอาจังกับรากหญ้าชนชั้นล่างมากน้อยแค่ไหน จะเอาจริงเรื่องการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจแค่ไหนอย่างไร มีกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเคลื่อนขบวนมอเตอร์ไซด์จากภาคเหนือเข้าไปร้องขอให้พรรคเพื่อไทยบรรจุการปฏิรูปที่ดินเข้าในนโยบายด้วย หากเพื่อไทยรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้คือรับแบบประชาธิปัตย์ผ่านไป 2 ปีได้โฉนดแค่ 2 แผ่นกฏหมายภาษีที่ดินไม่เกิดจริง กฏหมายมรดกอยู่ไหนไม่รู้พรรคเพื่อไทยก็จะเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาว่ายังเป็นพรรคของนายทุนอำมาตย์ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่น ๆ แต่อย่างใด
ดูเหมือนไม่ยากแต่แท้จริงยากมากนะครับนโยบายของพรรคการเมืองที่วางตนเองเป็นตัวแทนของชนชั้นล่างจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาหลอกใช้ชนชั้นล่างด้วยประชานิยมเพื่อชนชั้นสูงเป็นหลัก ถ้าเอาจริงกับคนจนเรื่องการปรับโครงสร้างเพื่อลดการเหลื่อมล้ำต้องเป็นนโยบายหลักที่ต้องเอาจริง !!@?????
ก็ต้องดูนโยบายที่คุณนายกปูยิ่งลักษณ์จะแถลงรอบนี้ เพราะนี่คือเครื่องสะท้อนอะไร ๆ อีกตั้งหลายอย่างของการเมืองไทยในระยะต่อไป
ประชาธิปัตย์เป็นขวาแน่นอน เพราะพรรคนี้เดินตามแนวเสรีนิยมใหม่มานานไม่ได้เป็นพรรคคอนเซอร์เวทีฟอย่างที่ปนยาชันสีแดงหลายคนยัดเยียด วิกฤตเศรษฐกิจรอบแรกก็มาจากการเปิด BIBF ก่อให้เกิดกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับ ประชาธิปัตย์เป็นขวาทั้งในความหมายยุคสงครามเย็นและเป็นขวาตามนิยามแบบการเมืองอเมริกัน แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่พรรคขั้วตรงกันข้ามคือเป็นฝ่ายซ้ายจริง เพราะถ้าเอาแนวคิดสังคมนิยมประเภท socialism หรือ social democracy เป็นตัวตั้งพรรคเพื่อไทยก็ห่างไกลจากนิยามดังกล่าวไกลโข ไทยรักไทย-พลังประชาชนยุคก่อนหน้าก็ไม่ได้แสดงตนเป็นซ้ายเลย
การแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีปู ยิ่งลักษณ์รอบนี้จะยิ่งสะท้อนชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นซ้ายแค่ไหน นอกจากนั้นยังจะสะท้อนการปรับตัวเองของพรรคการเมืองวางตัวเองเป็นตัวแทนของคนรากหญ้ามุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างได้จริงแค่ไหน... หรือแค่หลอกรากหญ้าเป็นคราว ๆ ไป
ที่สุดแล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ซ้ายหรอก...เพื่อไทยคงจะไม่หลงบ้าวางตัวเองเป็นพรรคฝ่ายซ้ายเพื่อให้เป็นที่รวมของคนมีอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายเพื่อจะสถาปนาประชาธิปไตยของชนชั้นผู้ด้อยโอกาสอะไรที่ปนยาชันโมแรนติกสีแดงเพ้อฝัน ...แถมดีไม่ดีพรรคเพื่อไทยและขบวนการแดงของทักษิณอาจจะสลัดซ้ายโรแมนติกนักเพ้อฝันทั้งหลายออกไปเป็นกลุ่มแรก ๆ ด้วยซ้ำไป