xs
xsm
sm
md
lg

จากนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ถึงสื่อไทย เหรียญคนละด้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผ่านพ้นไปแล้ว กว่าหนึ่งสัปดาห์ ที่ "นิวส์ ออฟเดอะ เวิลด์" หนังสือพิมพ์แทบล็อยด์ ที่มีผู้อ่านสูงสุดในอังกฤษ และมีอายุเก่าแก่ถึง 168 ปี ประกาศปิดตัวเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อ พฤติกรรมการดักฟังโทรศัพท์ ของนักข่าวในสังกัด แต่ผลสะเทือนที่เกิดขึ้น ไม่ได้ยุติลงตามความคาดหวังของรูเพิร์ต เมอร์ด็อค ที่ต้องการตัดไฟแต่ต้นลม หากกำลังบานปลายส่งผลกระทบต่ออาณาจักรสื่อของเมอร์ด็อค และสถานะทางการเมืองของนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

เซอร์พอลล์ สตีเวนสัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งมหานครลอนดอน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่มาก คือเหยื่อรายล่าสุด ที่ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะไปว่างจ้างอดีต ผู้ชวยบรรณาธิการ นิวส์ ออฟเดอะเวิลด์ ชื่อ นีลส์ วาลลิส เป็นที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2009 ถึงเดือนกันยายน ปี 2010 โดยได้รับค่าจ้าง 24,000 ปอนด์ สำหรับการทำงานเดือนละ 2 วัน

เซอร์พอลล์ ยังถูกกล่าวหาว่า เขาและภรรยา เคยไปพักรีสอร์ตสปาหรู ที่นายวาลลิส เป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ฟรีหลายครั้ง กองบัญชาการตำรวจลอนดอน ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความจริง

นายวาลลิส ถูกตำรววจจับในข้อหามีส่วนรู้เห็นในการดักฟังโทรศัพท์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และได้รับการประกันตัวออกไป

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างนักข่าว นิวส์ ออฟเดอะเวิลด์ กับตำรวจ ถูกระบุว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ ตำรวจไม่ยอมดำเนินดคีกับ นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ กรณีดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งเป็นความผิดอาญา หลังจากการดำเนินคดีกับบรรณาธิการข่าวราชสำนักของนิวส์ ออฟเดอะเวิลด์ที่ว่าจ้างนักสืบเอกชน ให้เจาะเข้าไปฟังข้อความในวอยซ์เมลล์ ของเจ้าหน้าที่วังบักกิงแฮม จนได้เรื่องการเจ็บหัวเข่าของเจ้าชายวิลเลียมส์ มาตีพิมพ์เป็นข่าวพาดหัว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005

เรื่องนี้ทำให้วังบักกิงแฮมสงสัยว่า ข่าวหลุดออกไปได้อย่างไร ตำรวจจึงลงมือสอบสวนและสาวไปถึงตัวผู้บงการ นายกู๊ดแมน ถูกตัดสินจำคุก 4 เดือน และนักสืบรายนั้นถูกจำคุก 6 เดือน ในการทำคดีนี้ ตำรวจค้นพบหลักฐานที่เป็นรายชื่อของเหยื่อที่อาจจะถูกนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ดักฟังโทรศัพท์ มากถึง 4,000 คน มีทั้งคนที่มีชื่อเสียงในสังคม นักกีฬาดาวเด่น ดาราภาพยนตร์ ญาติของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงลอนดอน เมือวันที่ 7 ก.ค. 2005 และครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตในอิรัก และอาฟกานิสถาน

ในปี 2009 หลังจากหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน แฉว่า นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ดักฟังโทรศัพท์ คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม สื่อ และกีฬาของสภาผู้แทนราษฎร ได้สอบสวนเรื่องนี้ มีการเรียกนายเอ็ดดี โคลว์สัน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารนิวส์ ออฟเดอะ เวิลด์ ในช่วงที่มีการดักฟังโทรศัพท์ ไปให้ปากคำ แม้จะไม่มีหลักฐานว่า โคลว์สัน รู้เห็นกับการดักฟังโทรศัพท์แต่กรรมาธิการก็ไม่เชื่อว่าจะไม่มีผู้บริหารคนอื่นๆ รับรู้ และเห็นชอบให้นักข่าวทำการดักฟังโทรศัพท์

ผู้เสียหายบางรายตัดสินใจฟ้องร้องนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์เอง ซึ่งนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ยอมจ่ายค่าเสียหายให้ เป็นเงินหลักหมื่นถึงหลักแสนปอนด์

แรงกดดันให้นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ตัดสินใจปิดตัวเอง มาจากการประกาศถอนโฆษณาของสปอนเซอร์ที่รับไมได้กับพฤติกรรมดังกล่าว และการเคลื่อนไหวบอยคอตของผู้อ่าน หลังจากนั้น เมื่อเป็นข่าวใหญ่แล้ว ตำรวจถึงได้ตื่น จับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งตัวซีอีโอ นิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล นางรีเบคกา บรูคส์ ซึ่งเป็นบรรณาธิการในช่วงที่มีการดักฟัง และนายโคลวํสันไปสอบสวน

ก่อนหน้านั้น ในอีเมล์ของผู้บริหาร นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ที่ตำรวจไปยึดมาได้ ยังระบุถึงการจ่ายสินบนให้กับตำรวจ เพื่อแลกกับข้อมูลในการเขียนข่าวด้วย

นอกจากตำรวจแล้ว นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึง วิจารณญาณในการแต่งตั้ง โคลว์สัน เป็นผู้อำนวยการด้านสื่อ หลังจากเขาลาออกจากนิวส์ ออฟเดอะ เวิลด์ ด้วยเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ ตามคำแนะนำของรูเพิร์ต เมอร์ด็อค ซึ่งให้การสนับสนุนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา จากที่เคยให้การสนับสนุนพรรคเลเบอร์ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้อาจสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯเลยทีเดียว

เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้บัญชาการตำรวจลอนดอน และตำรวจอังกฤษ ที่ไปรับสินบนจากนักข่าวนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นกับสื่อไทย สิ่งเกิดขึ้นเป็นไปในทางตรงกันข้าม คือ ตำรวจต้องเป็นฝ่ายติดสินบน เลี้ยงดูสื่อ เพื่อให้ลงข่าวที่เป็นประโยชน์เป็นการสร้างถาพให้กับตัวเอง งดเว้นข่าวที่เป็นลบ ถึงแม้ว่าข่าวนั้นจะเป็นประโยชน์กับสังคม

นักการเมืองก็เช่นกัน ที่รู้จักวิธีการใช้สื่อ ด้วยการให้ผลประโยชน์ เพื่อเลี้ยงเป็นพรรคพวก ตั้งแต่ระดับองค์กร ที่มีการอนุมัติงบประมาณในการโฆษณา จัดงานอีเวนท์ กระทรวงไหนยอมให้งบ รัฐมนตรีกระทรวงนั้นจะไม่ถูกสื่อแตะต้องเลย จะมีแต่ข่าวประชาสัมพันธ์ผลงาน

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ จะไม่เห็นข่าววิพากษ์วิจารณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ หรือ บริษัทปตท. ฯลฯ มีแต่ข่าวบวก บางครั้งถึงกับขึ้นหน้าหนึ่งด้วยซ้ำ เพราะว่า เป็นข้อตกลงในการว่าจ้าง

ในระดับตัวบุคคล ก็มีการจ่ายเงินจ่ายทอง เลี้ยงดู ปูเสื่อ แลกกับการช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลข่าวในกอง บรรณาธิการ ไม่ให้มีข่าวในเชิงลบของนักการเมือง หรือพรรคการเมืองที่เป็นผู้ให้เงินสนับสนุนนั้นปรากฎออกมา ให้มีแต่ข่าวดีๆ

เรื่องที่น่ากลัวคือ สื่อไทยโดยเฉพาะสื่อใหญ่ๆ นั้นได้รับความน่าเชื่อถืออย่างมาก แม้ว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมา จะชี้ให้เห็นตัวตนที่แท้จริง สัปดาห์ที่แล้ว เว็บมาสเตอร์ของแมเนเจอร์ออนไลน์ไปให้การกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี มีอีเมลจากผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง ระบุว่า ได้จ่ายเงินให้บุคลากรในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หลายบับ รายละ 2 หมื่นบาทแลกกับการนำเสนอภาพ และข่าวการหาเสียง ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้โดดเด่น

แทนที่จะพิจารณาเป็นเบื้องต้นก่อนว่า เนื้อหาของอีเมลนั้นมีความน่าเชื่อถือในตัวเองสักเพียงไร กรรมการบางคนที่เป็นผู้สอนวิชาด้านสื่อสารมวลชนกลับตั้งคำถามที่แสดงถึงอคติว่าสื่อที่ถูกกล่าวหาล้วนเป็นสื่อใหญ่ๆ ทั้งนั้น ไม่น่าจะมีพฤติกรรมรับเงินรับทองอย่างที่ถูกกล่าวหา
กำลังโหลดความคิดเห็น