xs
xsm
sm
md
lg

สนทำไมไม่มีเลือกตั้ง ?..สนเรื่องอื่นดีกว่า !

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

เมื่อการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลเดินทางมาถึงช่วงปลาย ..ห้วงระยะของการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวย่อมคึกคักจากปกติเสมอ และยิ่งหากเกิดในสังคมที่การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพด้วยกระแสความเคลื่อนไหวของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ดูจะยิ่งผันผวนตาม

คนจำนวนหนึ่งกลัวไม่มีเลือกตั้ง กลัวรัฐประหารข่าวนี้ดังหนาหูเป็นระลอก เงียบแล้วดังต่อ ๆ หลายขยัก ช่วงก่อนสงกรานต์นิตยสารมหาประชาชนของคนเสื้อแดงพาดหัวทำนองว่าหากไม่มีเลือกตั้งก็ต้องใช้เลือดล้างแผ่นดินกันข้างนึง แล้วก็มีการแถลงข่าวของ ผบ.สส. ทำให้กระแสนี้ดูเหมือนจะซาลงที่ไหนได้ นายตู่ขึ้นเวทีวันที่ 10 เมษายนก็ลากยาวให้เกิดความเดือดดาลปะทุขึ้นมาต่อ

นักการเมืองและคนที่ผูกพันกับขั้วการเมืองทั้งขาแห่หาเชียร์และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งพยายามจะสร้างบรรยากาศการต่อสู้ระหว่าง 2 ขั้วทำนองฝ่ายเลือกตั้งเป็นเทพ และฝ่ายไม่ให้มีเลือกตั้งเป็นมารร้ายประชาธิปไตยซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการตั้งโจทย์ที่ง่ายไปหน่อยการเมืองไม่มีเทพมารหรอกมีแต่มารกับมาร...เพราะอันที่จริงแล้วเจ้าข่าวลือปฏิวัติอะไรเหล่านี้มันย่อมมาด้วยกันกับการเมืองที่ไร้เสถียรภาพแบบประเทศเรา สภาพแบบนี้มันก็เลยเปิดโอกาสให้นักฉวยโอกาสทางการเมือง นักเลือกตั้งและกลุ่มผลประโยชน์กระโดดขึ้นบนเวทีในฐานะพระเอกนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารพูดตรง ๆ ว่ากลัวเห็นภาพการนองเลือด..แต่พร้อมกันนั้นก็ไม่เห็นด้วยกับนักการเมืองไร้สำนึกที่อาศัยสถานการณ์ที่การเมืองอ่อนแอจังหวะนี้มาตีกิน คนอย่างจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นส.ส.แต่ไม่เคยทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่างเก่งก็แค่ใช้ฝีปากอภิปรายไม่ไว้วางใจกลายเป็นแกนนำปกป้องระบอบประชาธิปไตย ขอถามคนเสื้อแดงหน่อยเถอะว่าระบบประชาธิปไตยของประเทศไหนบ้างที่ประชาชนปล่อยให้ ส.ส.หลังยาวที่ไม่เคยร่วมโหวตลอยนวลแถมยกย่องให้เป็นแกนนำใหญ่โต เสนาะ เทียนทองอีกคนไม่เคยร่วมประชุมกินเงินภาษีชาวบ้านฟรี ๆ พอปี่กลองดังก็ออกจากบ้านมาชูมือปั้นนายกฯ บนเวทีพรรคเพื่อไทยพอไม่ได้ดั่งใจก็ปล่อยข่าวออกไปตั้งพรรคใหม่ รวมไปถึงส.ส.ที่ทำสภาล่มซ้ำซากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพวกที่เสนอหน้าในฐานะนักประชาธิปไตยอยากให้มีการเลือกตั้งทั้งนั้น

ไม่เอาด้วยหรอกครับการจัดขั้วแบ่งข้างว่าฝ่ายที่ไม่ต้องการเลือกตั้งเป็นยักษ์มาร ส่วนฝ่ายที่อยากให้มีเลือกตั้งเป็นเทพผู้ปกป้องรักษาประชาธิปไตย ! เพราะมันหยาบและยิ่งทำให้สังคมโง่ลงไปอีก !!! .ใกล้เลือกตั้งแบบนี้สนใจทำไมยักษ์ทหารไปสนใจยักษ์นักการเมืองที่จะฉวยโอกาสสวมหน้ากากหลอกคนดีกว่า

ในวาระที่รัฐบาลประกาศส่งมอบอำนาจคืนประชาชนและจะจัดให้มีเลือกตั้งแบบที่กำลังเกิดในห้วงเวลานี้มันสะท้อนภาพความเป็นจริงของประเทศเราออกมาได้ค่อนข้างชัด คนที่เบื่อระบบการเมืองแบบเดิม ๆ อย่างกลุ่มพันธมิตรฯก็รณรงค์โหวตโน คือ ไม่เลือกใคร ซึ่งมันก็เป็นวิธีการที่สังคมประชาธิปไตยยอมรับ ก็ทีในสภาฯ ยังมีส.ส.-ส.ว.เสียบบัตรแต่ไม่ออกเสียงเลยทำไมประชาชนจะทำไม่ได้ ปรากฏมีการให้ข้อมูลทำนองว่าพวกนี้เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับฝ่ายที่อยากให้มีเลือกตั้ง (จึงไม่ใช่เทพเหมือนพวกเรา-ฮา) แต่พร้อมกันนั้นฝ่ายที่อยากเห็นการเลือกตั้งเต็มแก่กลับไม่สนใจใยดีอยากรู้ว่านโยบายของแต่ละพรรคการเมืองเป็นเช่นไร พรรคที่ตัวเองถือหางอย่างประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย มีนโยบายอะไรออกมา !??

กลุ่มก้อนประชาชนที่คุยนักคุยหนาว่าประชาชนตื่นแล้วแบบที่ประกาศว่านี่คือยุคของการรวมตัวเป็นเครือข่ายแนวราบในโซเชี่ยลมีเดียก็ไม่เห็นจะรวมตัวเพื่อผลักดันนโยบายสาธารณะของประชาชนออกมา

อันที่จริงกลุ่มก่อนประชาชนที่ภาษาวิชาการเรียกกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มประชาสังคม กลุ่มอุดมการณ์ก็มีหลากหลายนะ แบบที่ผลักดันนโยบายต่อเนื่องอย่างกลุ่มปฏิรูปที่ดินก็ทำอย่างนึง หรืออย่างกลุ่มที่ติดแบดจ์ไม่เอาม.112 ซึ่งน่าจะจัดเป็นกลุ่มอุดมการณ์ก็ไปอีกแบบ น่าแปลกที่กลุ่มนี้เสนอแนวคิดต่อทุกเวที-ผ่านสื่อผ่านอะไรจิปาถะแถมบอกว่าเป็นคนเสื้อแดงที่รักพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าจะผลักดันนโยบายนี้ผ่านพรรคการเมืองที่ตัวชอบยังไง แบบไหน ?

อยากเห็นจริง ๆ เจ้ากรอบนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคในยุคที่นักต่อสู้ข้างถนนหลายคนประกาศว่าเมืองไทยผ่านการตื่นตัวของประชาชนครั้งใหญ่ เพราะหากประชาชนตลอดถึงรากหญ้าและไพร่ “ตื่น” อย่างแท้จริงพวกเขาจะรอเปรียบเทียบนโยบายของพรรคการเมือง บ้างก็ผลักดันสิ่งที่กลุ่มของตนต้องการเช่น ชาวสวนลำไยจะผลักดันมาตรการแก้ปัญหาเรื่องราคาแบบที่ตนอยากเห็น ชาวสวนปาล์มน้ำมันผลักดันนโยบายรับประกันราคาขั้นต่ำ ฯลฯ

แต่หากเป็นแค่กลุ่มประชาชนที่ไม่สนใจว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค? ใครมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ไหน? ใครจะลงเขตไหน? จะมีนโยบายอะไร? กูไม่สนทั้งสิ้น !!! เพราะกูเงื้อมาจากบ้านว่าจะเลือกพรรคนี้ ..อีแบบนี้มันก็คงเป็นแค่ประชาชนที่ตื่นขึ้นมาขี้ตาเปรอะแบบสลึมสลือ หาได้ตื่นอย่างแท้จริงไม่ !

สำหรับผมแล้วผมกำลังตั้งตารอดูนโยบายพรรคการเมืองแต่ละพรรคเพราะนี่เป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า การเมืองไทยก้าวหน้าหรือแย่ลง นโยบายที่อยากได้ยินจากพรรคการเมืองใหญ่ก็เช่น นโยบายการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นโยบายเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่ดินและภาษีก้าวหน้า นโยบายสิ่งแวดล้อมและปัญหากระทบจากภาวะอากาศโลกรวมถึงพิบัติภัย นโยบายกระจายอำนาจ(รวมถึงกระจายอำนาจการคลัง) ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนเสาเข็มฐานรากที่ใคร่มีคนสนใจมากนัก (เพราะส่วนใหญ่ไปสนใจเรื่องรถไฟฟ้า การขนส่งมวลชน การสงเคราะห์แบบ 30 บาทหรือรักษาฟรี เหล่านี้มากกว่า)

ในฐานะที่อยู่ต่างจังหวัด ผมรู้สึกว่าพรรคการเมืองไทยเป็นผลิตผลของกลุ่มผู้ได้ประโยชน์จากการรวมอำนาจรวมทรัพยากรดังนั้น นักการเมืองและพรรคการเมืองจึงเป็นปฏิปักษ์กับแนวคิดการกระจายอำนาจ(โดยรู้ตัวหรือไม่ก็ไม่รู้) ยุคที่ผ่านมาเป็นยุคของนักการเมืองระดับชาติใช้การใช้องค์กรปกครองท้องถิ่นและโครงสร้างการกระจายอำนาจมาเพื่อเป็นฐานอำนาจของตนเองผ่านเงื่อนไขของงบอุดหนุน และผ่านการจัดตั้งในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งแท้จริงแล้วมันก็คือการบอนไซไม่ให้ท้องถิ่นโตและยืนได้ด้วยตนเองนั่นเอง – ผมอยากได้ยินแนวคิดนโยบายกระจายอำนาจจากพรรคการเมืองชัด ๆ และมีแนวโน้มจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีความชัดเจนในเรื่องการกระจายอำนาจ ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่มีพรรคการเมืองไหนประกาศความชัดเจนเรื่องนี้หรอก

และในฐานะที่สนใจปัญหาสภาพอากาศและพิบัติภัยอยากได้ยินพรรคการเมืองพูดเรื่องนโยบายเตรียมรับอย่างเป็นรูปธรรมที่มากกว่าการจะตั้งกระทรวงใหม่ซึ่งมันเลอะเทอะไปกันใหญ่ จะทำยังไงกับการคาดการณ์น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ที่มีผู้รู้บางท่านเสนอให้ย้ายเมืองหลวง บางท่านเสนอให้สร้างเขื่อน ฯลฯ ตลอดถึงระบบการเตรียมรองรับพิบัติภัยขนาดต่าง ๆ และแน่นอนที่สุดนโยบายสีเขียวที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ปากหนึ่งบอกรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งสร้างอาคารสร้างหิมะหนาวสุด ๆ มูลค่า 71 ล้านเอาหมีขั้วโลกมาแสดง (ซึ่งแท้จริงมันยิ่งทำให้โลกร้อนขึ้น)

ที่ยกตัวอย่างมาก็เพื่อจะบอกว่า อย่าไปสนใจเทพมารฝ่ายเลือกตั้งไม่มีเลือกตั้งอะไรนั่นนักหนาเพราะความเป็นไปได้ของการเอารถถังออกมารัฐประหารในยุคนี้มีน้อยลงมาก (ถ้าเป็นแบบอียิปต์ ดอกมะลิ People Uprising น่ะมีโอกาสมากกว่าเสียอีก) สนใจเรื่องราววิธีการต้มตุ๋นหลอกลวงของนักการเมืองที่เสนอตัวมาเสวยอำนาจดีกว่า อย่างน้อยพรรคการเมืองต้องประกาศว่าจะแก้ปัญหาและลงโทษส.ส.หลังยาวไม่เข้าสภา โดดประชุม ไม่ร่วมโหวต เพื่อรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมยังไง (เพราะทั้งหมดมันภาษีประชาชนนะโว้ย)

ถ้านักการเมืองในระบบตลอดถึงพรรคการเมืองยังใช้วิธีการเดิม ๆ หาเสียงแบบไม่มีนโยบายสำคัญ ไม่มีเรื่องรากฐาน มีแต่เรื่องเปลือก ๆ ไว้หาเสียง ปล่อยคนไม่เคยเข้าทำงานในสภามาเพ่นพ่านในนามของนักประชาธิปไตย แบ่งสรรปันส่วนกันกินบ้านเมือง ฯลฯ แบบที่เคยเป็นมา..ประชาชนที่เริ่มเบื่อหน่ายการเมืองแบบเดิม ๆ ก็จะยิ่งเบื่อมากขึ้น ๆ ส่วนใครจะเบื่ออยู่แล้วมากน้อยแค่ไหนก็ไม่ทราบได้หรอกนะครับ แต่สำหรับผมอาการเบื่อการเมืองของผมมันเพิ่มขึ้นทุกวันจนแทบล้นคอหอยออกมามะรอมมะร่อ....

ผู้คนจำนวนหนึ่งไม่สนว่าพรรคจะส่งใครมาลง พรรคส่งเสาไฟฟ้ามาก็จะเลือกไม่ว่าสาวกประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือตลอดถึงพรรคเนวิน พรรคเติ้ง แต่ผมไม่ใช่คนจำพวกนั้นเด็ดขาด แค่เรื่องพื้น ๆ เอาง่าย ๆ พอเห็นคนที่โดดประชุมเป็นว่าเล่นตอแหลเสนอหน้าออก ทีวี.พูดทำนองว่าจะทุ่มเทอาสามาทำงานแทนประชาชนก็ยังทนไม่ได้แทบจะกระโดดถีบทีวี.ทุกคราไป !
กำลังโหลดความคิดเห็น