xs
xsm
sm
md
lg

วงจรอุบาทว์เลือกตั้ง(๑)

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ไหนๆ ไม่นานก็จะมีการเลือกตั้งกันแล้ว

คอลัมน์พระบาทก็จะใช้พื้นที่มากหน่อยพูดถึงเรื่องนี้

และหวังว่าจะเป็นความรู้สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อย

ขอเริ่มจากปัญหาเรื่องการเลือกตั้งแล้วกัน

เรารู้ๆ กันอยู่ว่า เลือกตั้งในบ้านเรามีปัญหาที่เป็นวงจรอุบาทว์อยู่ตรงที่เราเลือกส.ส.ทีไรได้ส.ส.ที่มาจากการซื้อขายเสียงทุกที และเมื่อเลือกตั้งใหม่คนพวกนี้ก็ใช้วิธีซื้อขายเสียงกลับเข้ามานั่งในสภา

วงจรอุบาทว์นี้ เราจึงได้ส.ส.เดิม คุณภาพเดิม

พยายามแก้กัน แต่ก็แก้กันไม่หาย

วงจรอุบาทว์ในที่นี้ก็คือ ระบบการซื้อขายเสียงที่เราควรวิเคราะห์

และต้องทำความเข้าใจว่า ส.ส.ซื้อขายกันอย่างไร

เพราะหากเราเข้าใจ จะได้ช่วยกันคิดว่าจะแก้กันได้อย่างไร

จึงจะยุติการซื้อขายเสียงนี้ได้เสียที เพราะมันผิดกฎหมายและเป็นการได้ส.ส.มาอย่างไม่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม

แต่เราจะต้องดูว่าในบริบทของสังคมไทยนั้น มีช่องโหว่อยู่มาก

อย่างน้อยค่านิยมไทยเรื่องบุญคุณและการตอบแทนคุณคนเป็นเรื่องสำคัญ

การจ่ายเงินซื้อเสียง โดยผู้ให้เงินกับผู้รับเงินเป็นการแลกเปลี่ยนที่กลายเป็นว่า การให้กับการรับที่มีบุญคุณต่อกัน ไม่ใช่แลกกันเฉยๆ

สังคมไทยมีขนบธรรมเนียม ประเพณีดังเดิมที่การตอบแทนระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ผู้ใหญ่กับผู้น้อย คนมีอำนาจกับผู้ด้อยอำนาจ นายกับบ่าว ฯลฯ อิทธิพลความเชื่อเหล่านี้

เมื่อปรับกับการเมือง

ทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องที่ต้องตอบแทนกัน

ผู้สมัครส.ส.ในต่างจังหวัดนั้น ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า มักจะเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัด

ดังนั้นจึงเป็นที่เคารพของชาวบ้านโดยนัยยะอยู่แล้ว

เมื่อหันมาลงสมัครรับเลือกตั้งและเริ่มแจกเงินเพื่อแลกกับคะแนนเสียง

ชาวบ้านเห็นว่า เป็นเรื่องที่ต้องตอบแทน เพราะผู้สมัครเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รักใคร่

หรือเคยทำความเจริญมาให้พื้นที่ของตนมาก่อน

ดังนั้นการลงคะแนนจากเงินที่ให้มาจึงเป็นเรื่องมากกว่าตอบแทนค่าของเงิน

แต่เป็นเรื่องของบุญคุณกันเลยทีเดียว

สำหรับส.ส.ที่แม้จะไม่ใช่ผู้มีบารมีแต่มีอำนาจเงินเพียงอย่างเดียว เงินก็ถูกจัดการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

ผ่านทางหัวคะแนนครับ

หัวคะแนนอาจเป็นผู้มีอิทธิพล

บ้างก็เป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านที่ประชาชนนับถืออยู่แล้ว

การซื้อเสียงก็จะง่ายเข้า การควบคุมเงินและคะแนนก็ง่าย

ส.ส.ก็ใช้เงินแบบเหมารวมและไม่ต้องออกพื้นที่ให้เหนื่อยยากทุกวัน แค่ปราศรัยเป็นบางจุดใหญ่ๆ ก็พอ

การซื้อขายเสียงนี่ ไม่ใช่แค่จะมีแต่ในต่างจังหวัดเท่านั้นนะครับ

ชานเมืองกทม.บางเขตก็มีเหมือนกัน

ไม่ใช่ไม่มีและจ่ายกันหัวละพันบาทครับ

นอกเหนือจากการซื้อๆ ขายๆ แล้ว ยังมีรายการแจกจ่ายสิ่งของอีกมากมาย รวมทั้งพวกให้สัญญาว่าจะสร้างโน่นสร้างนี่ต่างหาก ที่นิยมกันมาก แม้ในกทม.ก็คือที่พักป้ายรถเมล์ สะพานในสลัม ถนนสายต่างๆ ฯลฯ การให้สัญญาแบบนี้ความจริงผิดกฎหมาย แต่นิยมทำกันเกือบทุกพรรคแหละครับ

เรื่องการซื้อขายเสียง แก้อย่างไรก็แก้ได้ยาก

แถมยังมีการพัฒนาให้ทันสมัยไปอีกมาก เทคนิคการซื้อเสียงได้ก้าวหน้าทันสมัยไปเยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว

มีการพัฒนาไปเป็นศาสตร์และกลายเป็นหลักวิชาสำหรับการเลือกตั้งเพื่อให้การโกงสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แนบเนียนยิ่งขึ้น

ส.ส.ที่มีความรู้ เรียนหนังสือมาเยอะ เป็นกลุ่มที่ใช้หลักวิชาเข้ามาจัดการเลือกตั้งให้รัดกุมขึ้น

เรียกว่าให้ซื้อเสียงอย่างละเอียดมากขึ้น

มีวิชาการทันสมัย มีเครือข่ายก้าวหน้า ทั้งอุปกรณ์อื่นๆ ทีวี ระบบงานและกลยุทธหรือเล่ห์กลอีกมากมาย

เราอาจจะกล่าวมาบ้างในตอนแรกนี้พอให้เข้าใจได้บ้าง

สำหรับคอลัมน์พระบาท อาทิตย์นี้เราพอจะสรุปสั้นๆ ว่าวิชาการเพื่อการซื้อเสียงนี้ทำกันมาร่วมสิบกว่าปีแล้ว

และใช้กันแพร่หลายแบบประกันสอบได้แน่ๆ เสียด้วย

จะขอเกริ่นพอเป็นสังเขปดังนี้ เพื่ออธิบายอีกทีในครั้งหน้านะครับ

วิธีบริหารเลือกตั้ง เรียกว่า อีเล็กชั่น แมนเนจเม้นท์ หรือ Electioneering เป็นกระบวนการให้ได้มาซึ่งการเลือกตั้งที่ผู้สมัครจะชนะการเลือกตั้ง (ในที่นี้ด้วยการซื้อเสียง)

การซื้อเสียงทำได้ด้วยการบริหารคะแนน หรือ ที่เรียกว่าโหวตแมนเนจเม้นท์ (Vote Management) ซึ่งผู้สมัครจัดการซื้อเสียงด้วยวิธีเข้าไปจัดการกับการซื้อคะแนนเสียงครับ

นอกจากสองสามอย่างที่กล่าวมานี้ยังมีอีกสองสามอย่างที่จะกล่าวถึงโดยละเอียดในตอนหน้าครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น