รวบ 2 คู่หูพก “ปืนลูกซอง-ปืนสั้น-ปืนปากกา” 9 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนมาก แถมตรวจพบมีสารเสพติดในร่างกาย คาด เชื่อมโยงแก๊งค้ายา เตรียมขยายผลตามจับเครือข่าย ด้านผู้ต้องหา อ้างครอบครองปืนบางส่วน แต่อีกส่วนหนึ่งมีคนนำมาจำนำไว้ นัดเพื่อนมารับปืนไปให้พรรคพวกดู เพราะเห็นเป็นปืนดี แต่ไม่มีใครมาไถ่คืน ปฏิเสธไม่เคยนำไปก่อเหตุ อีกรายจับโจ๋ลอบค้ากัญชาให้วัยรุ่นย่านสะพานสูง
วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่กองกำกับการสายตรวจ 191 พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สปพ.พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.แถลงการจับนายกฤษณ มีศิริ อายุ 39 ปี และ นายทรงพล นิลแท้ อายุ 26 ปี พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาดต่างๆ จำนวน 5 กระบอก ปืนปากกา 3 กระบอก แม็กกาซีนและกระสุนปืนขนาดต่างๆ กว่า 100 นัด มีดพกสั้น 2 เล่ม และรถยนต์โตโยต้า รุ่นวิส สีดำ ทะเบียน ษย 9651 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณอาคารเบญจาอพาร์ตเม้นต์ ถนนบางแค แขวงและเขตบางแค กทม.
พ.ต.อ.ณภัทร กล่าวว่า สืบเนื่องจากสายตรวจ 191 สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณอาคารเบญจาอพาร์ตเม้นต์ จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินลงมาจากอาคารแล้วตรงมาที่ลานจอดรถกำลังจะขับรถต้องสงสัยออกไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบปืนจำนวน 4 กระบอก อยู่ในกระเป๋าสะพาย จากนั้นได้คุมตัวไปตรวจค้นห้องพักในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เลขที่ 2305 ชั้น 3 พบปืนที่เหลือและมีดพกอยู่ภายในห้อง จึงยึดเอาไว้ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่า นายทรงพล มีสารเสพติดในร่างกาย และทั้งคู่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และจำหน่ายอาวุธปืนให้กับแก๊งค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
จากการสอบสวน นายกฤษณ ให้การว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านทำเบาะรถยนต์ ส่วนปืนของกลางมีเพียงปืนพกสั้น จำนวน 5 กระบอก เท่านั้นที่เป็นของตน ซึ่งปืนชนิดอื่นเป็นของคนที่เอามาจำนำไว้ในราคากระบอกละ 40,000-50,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นของนายทรงพล ที่รู้จักกันที่สนามยิงปืน และวันนี้ได้นัดมาเจอกันที่อพาร์ตเมนต์ เพื่อจะให้นายทรงพลมาเอาปืนที่ตนรับจำนำไว้ เพื่อนำไปให้เพื่อนๆ ช่วยดูว่าปืนดีหรือไม่ เพราะบางกระบอกเจ้าของไม่มาไถ่คืน ตนก็จะทำเรื่องโอนเป็นของตนเองเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เอาไปใช้ก่อเหตุอะไร และทุกกระบอกก็มีทะเบียน
ด้าน นายทรงพล ให้การว่า ปืนที่เหลือมีทะเบียนทั้งหมด ยกเว้นปืนปากกาที่ซื้อมาจากเว็บไซต์หนึ่งในราคากระบอกละ 1,000 บาท ซึ่งซื้อมาได้ 4 เดือนแล้ว และเว็บดังกล่าวก็ปิดไปนานแล้ว แค่ซื้อมาดูเล่นเฉยๆ ไม่ได้นำไปขายหรือเอาไปก่อเหตุใดๆ เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต(ผิดมือ) และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายกฤษณ ส่วน นายทรงพล ได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพสารเสพติด ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป
อีกรายเจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 3 ได้จับกุม นายทรงพล หรือ แก้ว วงศ์สายถนอม อายุ 26 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน 3 มัด น้ำหนัก 3 กิโลกรัม หลังสืบทราบว่า นายทรงพลลักลอบค้ากัญชาให้วัยรุ่นย่านสะพานสูง และพื้นที่ใกล้เคียง จึงทำการล่อซื้อและนัดส่งของกันที่ป้ายรถเมล์หน้า รพ.เกษมราษฎร์ ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงและเขตสะพานสูง กทม.ซึ่งเมื่อผู้ต้องหานำยามาส่งให้ ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ขยายผลและดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่กองกำกับการสายตรวจ 191 พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สปพ.พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.แถลงการจับนายกฤษณ มีศิริ อายุ 39 ปี และ นายทรงพล นิลแท้ อายุ 26 ปี พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาดต่างๆ จำนวน 5 กระบอก ปืนปากกา 3 กระบอก แม็กกาซีนและกระสุนปืนขนาดต่างๆ กว่า 100 นัด มีดพกสั้น 2 เล่ม และรถยนต์โตโยต้า รุ่นวิส สีดำ ทะเบียน ษย 9651 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณอาคารเบญจาอพาร์ตเม้นต์ ถนนบางแค แขวงและเขตบางแค กทม.
พ.ต.อ.ณภัทร กล่าวว่า สืบเนื่องจากสายตรวจ 191 สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณอาคารเบญจาอพาร์ตเม้นต์ จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินลงมาจากอาคารแล้วตรงมาที่ลานจอดรถกำลังจะขับรถต้องสงสัยออกไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบปืนจำนวน 4 กระบอก อยู่ในกระเป๋าสะพาย จากนั้นได้คุมตัวไปตรวจค้นห้องพักในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เลขที่ 2305 ชั้น 3 พบปืนที่เหลือและมีดพกอยู่ภายในห้อง จึงยึดเอาไว้ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่า นายทรงพล มีสารเสพติดในร่างกาย และทั้งคู่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และจำหน่ายอาวุธปืนให้กับแก๊งค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
จากการสอบสวน นายกฤษณ ให้การว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านทำเบาะรถยนต์ ส่วนปืนของกลางมีเพียงปืนพกสั้น จำนวน 5 กระบอก เท่านั้นที่เป็นของตน ซึ่งปืนชนิดอื่นเป็นของคนที่เอามาจำนำไว้ในราคากระบอกละ 40,000-50,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นของนายทรงพล ที่รู้จักกันที่สนามยิงปืน และวันนี้ได้นัดมาเจอกันที่อพาร์ตเมนต์ เพื่อจะให้นายทรงพลมาเอาปืนที่ตนรับจำนำไว้ เพื่อนำไปให้เพื่อนๆ ช่วยดูว่าปืนดีหรือไม่ เพราะบางกระบอกเจ้าของไม่มาไถ่คืน ตนก็จะทำเรื่องโอนเป็นของตนเองเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เอาไปใช้ก่อเหตุอะไร และทุกกระบอกก็มีทะเบียน
ด้าน นายทรงพล ให้การว่า ปืนที่เหลือมีทะเบียนทั้งหมด ยกเว้นปืนปากกาที่ซื้อมาจากเว็บไซต์หนึ่งในราคากระบอกละ 1,000 บาท ซึ่งซื้อมาได้ 4 เดือนแล้ว และเว็บดังกล่าวก็ปิดไปนานแล้ว แค่ซื้อมาดูเล่นเฉยๆ ไม่ได้นำไปขายหรือเอาไปก่อเหตุใดๆ เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต(ผิดมือ) และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายกฤษณ ส่วน นายทรงพล ได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพสารเสพติด ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป
อีกรายเจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 3 ได้จับกุม นายทรงพล หรือ แก้ว วงศ์สายถนอม อายุ 26 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน 3 มัด น้ำหนัก 3 กิโลกรัม หลังสืบทราบว่า นายทรงพลลักลอบค้ากัญชาให้วัยรุ่นย่านสะพานสูง และพื้นที่ใกล้เคียง จึงทำการล่อซื้อและนัดส่งของกันที่ป้ายรถเมล์หน้า รพ.เกษมราษฎร์ ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงและเขตสะพานสูง กทม.ซึ่งเมื่อผู้ต้องหานำยามาส่งให้ ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ขยายผลและดำเนินคดีต่อไป