มีคนหลายกลุ่มที่ให้ความสนใจปรากฏการณ์ปฏิวัติมุสลิมใหม่ในตะวันออกกลาง ซึ่งสังคมและสื่อส่วนใหญ่จะพุ่งความสนใจไปที่ม็อบสีไม่ว่าสีแดงหรือเหลืองว่าจะเป็นรับอารมณ์ร่วมจากทะเลทรายมาปฏิบัติการในประเทศไทยหรือไม่ ?
ที่ผมสนใจกลับไม่ใช่ ม็อบสีที่หมายถึงพันธมิตรฯ หรือสีแดง นปช.ภายใต้การนำของธิดาและบรรดาแกนนำพ้นคุกเพราะที่สุดแล้วม็อบแดงนปช.มีเข็มมุ่งเป็นเนื้อเดียวกับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ตอนนี้แกนนำทั้ง 7 ก็แต่งตัวรอเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และก็ไม่แน่ว่าโควตาปาร์ตี้ลิสต์สายม็อบจะจำกัดอยู่ที่ 7 ตำแหน่ง ยังมีแกนนำอีกหลายคนที่ยังหลบหนีคดีอยู่หากเอาตรรกะแบบเดียวกับขวัญชัย ไพรพนามาใช้ก็คือเป็น ส.ส.จะมีเกราะคุ้มครองเรื่องคดีความ ดังนั้นโควตาปาร์ตี้ลิสต์สายม็อบอาจจะเกิน 10 หรือเผลอ ๆ ไปถึง 20 เพราะว่ากี้ร์เอย แรมโบ้เอย เพชรวรรตเอย ดี.เจ.อ้อมเอย ฯลฯ ก็สมควรได้รับการตอบแทนให้เป็น ส.ส.เช่นเดียวกัน (จะสองมาตรฐานได้ยังไงแดง)
นับจากนี้ปัญหาของม็อบแดงสายนปช. ก็คงจะขึ้นกับการเลือกตั้งจะมาเร็วหรือช้า ถ้าช้าไปม็อบก็จะเคลื่อนแรงพร้อม ๆ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการเคลื่อนคู่ขนานกัน ม็อบแดงน่าจะแฮปปี้ขึ้นหลังแกนนำได้รับการปล่อยตัวแต่พวกที่ไม่แฮปปี้มาก ๆ คงจะเป็นนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยเนื่องจากโควตาปาร์ตี้ลิสต์รอบนี้จะถูกแบ่งให้แกนนำม็อบ แล้วยังมีโควตาให้กับพวกนายทุนอยากเป็นส.ส. รวมไปถึงกลุ่มที่ทุ่มเททำงานให้พรรคไม่ว่า ปลอดประสพเอย หรือเสด็จพี่ก็ควรจะรวมอยู่ในโควตานี้ด้วย (เพราะแดงจะสองมาตรฐานไม่ได้-แดงยุติธรรมเสมอมา) ปัญหาการจัดโควตาปาร์ตี้ลิสต์ภายในพรรคเพื่อไทยน่าสนใจมากนับจากนี้เป็นต้นไป
กลับมาสู่ประเด็นเดิมก็คือ สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษสำหรับการขยายผลของปฏิวัติดอกมะลิมายังประเทศไทยก็คือในพื้นที่ภาคใต้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ลองถามกลุ่มคนท้องถิ่นที่ทำงานหนักอยู่ในพื้นที่อย่าง DeepSouthWatch หรือคนที่คลุกในพื้นที่จริงว่าอิทธิพลของอียิปต์-ลิเบียมีผลอย่างไรต่อภาคใต้ เพราะก่อนหน้านี้พี่น้องภาคใต้เขามีลุกหลานส่งไปเรียนแถบโน้นกันทั้งนั้นใกล้ชิดข่าวสารจากตะวันออกกลางเป็นพิเศษขนาดที่บางคนนั่งเฝ้าข่าวภาษาอารบิกจากตะวันออกกลางก็มี เรื่องนี้ทำให้สังคมภาคใต้ตื่นตัวมากเพราะมันเป็นการปฏิวัติอิสลามใหม่ที่แสดงให้โลกเห็นถึงพลังของประชาชนต่อผู้ปกครอง พรรคการเมืองไม่ว่าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย รวมไปถึงพรรคขนาดกลางและพรรคใหม่ของบิ๊กบังควรจะสนใจอารมณ์ความรู้สึกนี้เป็นพิเศษ การเลือกตั้งรอบนี้แต่ละพรรคการเมืองควรมีนโยบายปัญหาภาคใต้ออกมาเป็นรูปธรรมได้แล้ว
ถ้าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย (และแม้แต่การเมืองใหม่-มาตุภูมิ) ไม่มีนโยบายเรื่องนี้อย่าได้มาโม้เลยว่าประชาธิปไตยของเราก้าวหน้า เพราะพรรคการเมืองเลี่ยงที่จะพูดปัญหาสำคัญที่ควรจะเป็นวาระแห่งชาติด้วยซ้ำไป
คนกลุ่มที่สองที่น่าสนใจมากสำหรับอารมณ์ร่วมของการปฏิวัติในตะวันออกกลางคือแดงที่ไปไกลกว่า นปช. ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าแดงสยาม สุรชัย-จักรภพ นั้นเคยประฝีปากกับธิดาแดง นปช. มาแล้ว แนวคิดวิธีการของแดงสยามและแดงที่เข้มจัดกว่าแดงสยามอาทิกลุ่ม แดง ยูเอสเอ. ชูชีพ ชีวสุทธิ์ ฯลฯ ก็ล้วนแต่พุ่งไปที่แนวทางปฏิวัติทั้งสิ้น
แบดจ์ต่อต้าน ม. 112 ที่ระบาดอยู่ในเฟซบุ๊กไม่ใช่แนวทางของแดง นปช. แต่เป็นแนวทางเดียวกับแดงสยามที่เติบโตและมีแนวร่วมสนับสนุนมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ยิ่งตอนสุรชัยโดนจับวันเดียวกับปล่อย 7 แกนนำเรายิ่งเห็นอารมณ์ความรู้สึกของแดงเข้มสายที่ไปไกลกว่า นปช.อย่างชัดเจน
ขบวนการประชาชนใน พ.ศ. 2554 ไม่เหมือนยุคพันธมิตรเริ่มเคลื่อน หรือยุคก่อตั้ง นปก.-นปช. ที่จะสัมผัสถึงแนวคิดอารมณ์หรือตัวตนผ่านทางช่อง ASTV หรือทีวีแดงพีเพิ่ลชาแนล หากแต่เราสามารถสัมผัสตัวตนอารมณ์ความรู้สึกของ “ขบวนการ”ที่แปลมาจากคำว่า “Movement” ได้โดยตรงผ่านทางสื่อสังคมใหม่ Social Media ดังนั้นเราจึงสัมผัสทั้งอารมณ์และปริมาณของแดงที่ไปไกลกว่าแดง นปช.ได้โดยตรงโดยไม่ต้องดูจากการปริมาณการชุมนุมตามนัดหมาย
พูดให้ตรงเข้าไปอีกก็คือ ขณะแดง นปช.เริ่มลดความแรงของตนลงมาเพื่อเข้าโหมดเลือกตั้ง แกนนำทั้งหลายก็จะได้สวมสูทเข้าสภากันถ้วนหน้า ยังมีแดงอีกสายหนึ่งที่ไม่พอใจจะหยุดอยู่ที่ระดับนี้ หลายคนเฝ้ามองปรากฏการณ์ที่เกิดในตะวันออกกลางแล้วก็หยิบมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างพรรคพวกร่วมอุดมการณ์ เห็นแดงคนหนึ่งจินตนาการไปไกลว่าพวกตนเป็นเหมือนประชาชนชาวลิเบีย และผู้มีอำนาจในปัจจุบันเปรียบเหมือนกัดดาฟี บางคนลามปามเทียบกัดดาฟีกับผู้ใหญ่ที่เหนือกว่าอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ถ้าสังเกตให้ดีสัญลักษณ์หนึ่งของการไม่ยอมหยุดตามแดงนปช.คือหลายคนยังขะมักเขม้นที่จะเผยแพร่ประเด็น ม.112 อยู่ต่อไปทั้งในเฟซบุ๊กและเว็บไซต์
สังเกตดี ๆ เถอะครับแดงจินตนาการสูงแบบแดงดอกมะลิ(เบีย) มีอยู่จริงในเครือข่ายสื่อสังคมไม่ได้ยกเมฆเอามาเขียนอย่างแน่นอน !
สิ่งที่น่าสนใจของขบวนการทางสังคมยุคใหม่ในท่ามกลางเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ก็คือ ทุกคนสามารถเป็นกระบอกเสียง เป็นตัวแทนของ Movement เป็นทั้งคนเชียร์แขกและไล่แขกไปในตัว ไม่จำเป็นต้องอาศัยจอแดง-จอเหลือง-จอน้ำเงิน-จอฟ้าฯลฯ เหมือนในอดีต ลักษณะของเครือข่ายการสื่อสารยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์กลางหรือ Hub เพียงจุดเดียว ลักษณะเหล่านี้เป็นทั้งข้อบวกและลบของการเคลื่อนไหวขบวนการทางสังคมยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น หากว่าคนจำนวนมากในขบวนการนั้น ๆ เกิดการโต้เถียงกับคนอื่น ๆ ในเครือข่ายหรือแสดงออกในบางอย่างที่คนอื่นไม่ชอบ ก็จะเกิดผลลบต่อขบวนการใหญ่ขึ้นมาเช่นกันโดยไม่ต้องรอให้จอใหญ่หรือเวทีใหญ่ประกาศชน แต่ที่สุดแล้วแนวโน้มของคนยุคใหม่จะเชื่อมเครือข่ายกับคนที่คิดเห็นแบบเดียวกันมากขึ้น ๆ
แนวโน้มการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายคอเดียวกันดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งจนที่สุดแม้ว่าแกนนำแดงสยามหรือพวกที่ไปไกลกว่าแดงสยามจะไม่ได้ออกมานัดหมายชุมนุมแต่ทว่าในความเป็นจริงก็สามารถสื่อสารทำกิจกรรมร่วมกับคนที่มีความคิดเห็นแบบเดียวกันได้อยู่แล้วผ่านทางการสื่อสารยุคใหม่ ดังจะเห็นจากโรคระบาดแคมเปญ ไม่เอา ม.112 อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
มาถึงบรรทัดสรุปถามว่าผมให้น้ำหนักยังไงกับผลกระทบจากปฏิวัติดอกมะลิที่ตะวันออกกลางขอตอบว่าให้น้ำหนักความน่ากังวลไปที่ภาคใต้มากกว่าเรื่องแดงในเมืองหลวง เพราะไม่เชื่อใจนักการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ว่าประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทย จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นนโยบายรูปธรรมของปัญหาภาคใต้ออกมาเลย.
ที่ผมสนใจกลับไม่ใช่ ม็อบสีที่หมายถึงพันธมิตรฯ หรือสีแดง นปช.ภายใต้การนำของธิดาและบรรดาแกนนำพ้นคุกเพราะที่สุดแล้วม็อบแดงนปช.มีเข็มมุ่งเป็นเนื้อเดียวกับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ตอนนี้แกนนำทั้ง 7 ก็แต่งตัวรอเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และก็ไม่แน่ว่าโควตาปาร์ตี้ลิสต์สายม็อบจะจำกัดอยู่ที่ 7 ตำแหน่ง ยังมีแกนนำอีกหลายคนที่ยังหลบหนีคดีอยู่หากเอาตรรกะแบบเดียวกับขวัญชัย ไพรพนามาใช้ก็คือเป็น ส.ส.จะมีเกราะคุ้มครองเรื่องคดีความ ดังนั้นโควตาปาร์ตี้ลิสต์สายม็อบอาจจะเกิน 10 หรือเผลอ ๆ ไปถึง 20 เพราะว่ากี้ร์เอย แรมโบ้เอย เพชรวรรตเอย ดี.เจ.อ้อมเอย ฯลฯ ก็สมควรได้รับการตอบแทนให้เป็น ส.ส.เช่นเดียวกัน (จะสองมาตรฐานได้ยังไงแดง)
นับจากนี้ปัญหาของม็อบแดงสายนปช. ก็คงจะขึ้นกับการเลือกตั้งจะมาเร็วหรือช้า ถ้าช้าไปม็อบก็จะเคลื่อนแรงพร้อม ๆ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการเคลื่อนคู่ขนานกัน ม็อบแดงน่าจะแฮปปี้ขึ้นหลังแกนนำได้รับการปล่อยตัวแต่พวกที่ไม่แฮปปี้มาก ๆ คงจะเป็นนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยเนื่องจากโควตาปาร์ตี้ลิสต์รอบนี้จะถูกแบ่งให้แกนนำม็อบ แล้วยังมีโควตาให้กับพวกนายทุนอยากเป็นส.ส. รวมไปถึงกลุ่มที่ทุ่มเททำงานให้พรรคไม่ว่า ปลอดประสพเอย หรือเสด็จพี่ก็ควรจะรวมอยู่ในโควตานี้ด้วย (เพราะแดงจะสองมาตรฐานไม่ได้-แดงยุติธรรมเสมอมา) ปัญหาการจัดโควตาปาร์ตี้ลิสต์ภายในพรรคเพื่อไทยน่าสนใจมากนับจากนี้เป็นต้นไป
กลับมาสู่ประเด็นเดิมก็คือ สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษสำหรับการขยายผลของปฏิวัติดอกมะลิมายังประเทศไทยก็คือในพื้นที่ภาคใต้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ลองถามกลุ่มคนท้องถิ่นที่ทำงานหนักอยู่ในพื้นที่อย่าง DeepSouthWatch หรือคนที่คลุกในพื้นที่จริงว่าอิทธิพลของอียิปต์-ลิเบียมีผลอย่างไรต่อภาคใต้ เพราะก่อนหน้านี้พี่น้องภาคใต้เขามีลุกหลานส่งไปเรียนแถบโน้นกันทั้งนั้นใกล้ชิดข่าวสารจากตะวันออกกลางเป็นพิเศษขนาดที่บางคนนั่งเฝ้าข่าวภาษาอารบิกจากตะวันออกกลางก็มี เรื่องนี้ทำให้สังคมภาคใต้ตื่นตัวมากเพราะมันเป็นการปฏิวัติอิสลามใหม่ที่แสดงให้โลกเห็นถึงพลังของประชาชนต่อผู้ปกครอง พรรคการเมืองไม่ว่าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย รวมไปถึงพรรคขนาดกลางและพรรคใหม่ของบิ๊กบังควรจะสนใจอารมณ์ความรู้สึกนี้เป็นพิเศษ การเลือกตั้งรอบนี้แต่ละพรรคการเมืองควรมีนโยบายปัญหาภาคใต้ออกมาเป็นรูปธรรมได้แล้ว
ถ้าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย (และแม้แต่การเมืองใหม่-มาตุภูมิ) ไม่มีนโยบายเรื่องนี้อย่าได้มาโม้เลยว่าประชาธิปไตยของเราก้าวหน้า เพราะพรรคการเมืองเลี่ยงที่จะพูดปัญหาสำคัญที่ควรจะเป็นวาระแห่งชาติด้วยซ้ำไป
คนกลุ่มที่สองที่น่าสนใจมากสำหรับอารมณ์ร่วมของการปฏิวัติในตะวันออกกลางคือแดงที่ไปไกลกว่า นปช. ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าแดงสยาม สุรชัย-จักรภพ นั้นเคยประฝีปากกับธิดาแดง นปช. มาแล้ว แนวคิดวิธีการของแดงสยามและแดงที่เข้มจัดกว่าแดงสยามอาทิกลุ่ม แดง ยูเอสเอ. ชูชีพ ชีวสุทธิ์ ฯลฯ ก็ล้วนแต่พุ่งไปที่แนวทางปฏิวัติทั้งสิ้น
แบดจ์ต่อต้าน ม. 112 ที่ระบาดอยู่ในเฟซบุ๊กไม่ใช่แนวทางของแดง นปช. แต่เป็นแนวทางเดียวกับแดงสยามที่เติบโตและมีแนวร่วมสนับสนุนมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ยิ่งตอนสุรชัยโดนจับวันเดียวกับปล่อย 7 แกนนำเรายิ่งเห็นอารมณ์ความรู้สึกของแดงเข้มสายที่ไปไกลกว่า นปช.อย่างชัดเจน
ขบวนการประชาชนใน พ.ศ. 2554 ไม่เหมือนยุคพันธมิตรเริ่มเคลื่อน หรือยุคก่อตั้ง นปก.-นปช. ที่จะสัมผัสถึงแนวคิดอารมณ์หรือตัวตนผ่านทางช่อง ASTV หรือทีวีแดงพีเพิ่ลชาแนล หากแต่เราสามารถสัมผัสตัวตนอารมณ์ความรู้สึกของ “ขบวนการ”ที่แปลมาจากคำว่า “Movement” ได้โดยตรงผ่านทางสื่อสังคมใหม่ Social Media ดังนั้นเราจึงสัมผัสทั้งอารมณ์และปริมาณของแดงที่ไปไกลกว่าแดง นปช.ได้โดยตรงโดยไม่ต้องดูจากการปริมาณการชุมนุมตามนัดหมาย
พูดให้ตรงเข้าไปอีกก็คือ ขณะแดง นปช.เริ่มลดความแรงของตนลงมาเพื่อเข้าโหมดเลือกตั้ง แกนนำทั้งหลายก็จะได้สวมสูทเข้าสภากันถ้วนหน้า ยังมีแดงอีกสายหนึ่งที่ไม่พอใจจะหยุดอยู่ที่ระดับนี้ หลายคนเฝ้ามองปรากฏการณ์ที่เกิดในตะวันออกกลางแล้วก็หยิบมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างพรรคพวกร่วมอุดมการณ์ เห็นแดงคนหนึ่งจินตนาการไปไกลว่าพวกตนเป็นเหมือนประชาชนชาวลิเบีย และผู้มีอำนาจในปัจจุบันเปรียบเหมือนกัดดาฟี บางคนลามปามเทียบกัดดาฟีกับผู้ใหญ่ที่เหนือกว่าอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ถ้าสังเกตให้ดีสัญลักษณ์หนึ่งของการไม่ยอมหยุดตามแดงนปช.คือหลายคนยังขะมักเขม้นที่จะเผยแพร่ประเด็น ม.112 อยู่ต่อไปทั้งในเฟซบุ๊กและเว็บไซต์
สังเกตดี ๆ เถอะครับแดงจินตนาการสูงแบบแดงดอกมะลิ(เบีย) มีอยู่จริงในเครือข่ายสื่อสังคมไม่ได้ยกเมฆเอามาเขียนอย่างแน่นอน !
สิ่งที่น่าสนใจของขบวนการทางสังคมยุคใหม่ในท่ามกลางเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ก็คือ ทุกคนสามารถเป็นกระบอกเสียง เป็นตัวแทนของ Movement เป็นทั้งคนเชียร์แขกและไล่แขกไปในตัว ไม่จำเป็นต้องอาศัยจอแดง-จอเหลือง-จอน้ำเงิน-จอฟ้าฯลฯ เหมือนในอดีต ลักษณะของเครือข่ายการสื่อสารยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์กลางหรือ Hub เพียงจุดเดียว ลักษณะเหล่านี้เป็นทั้งข้อบวกและลบของการเคลื่อนไหวขบวนการทางสังคมยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น หากว่าคนจำนวนมากในขบวนการนั้น ๆ เกิดการโต้เถียงกับคนอื่น ๆ ในเครือข่ายหรือแสดงออกในบางอย่างที่คนอื่นไม่ชอบ ก็จะเกิดผลลบต่อขบวนการใหญ่ขึ้นมาเช่นกันโดยไม่ต้องรอให้จอใหญ่หรือเวทีใหญ่ประกาศชน แต่ที่สุดแล้วแนวโน้มของคนยุคใหม่จะเชื่อมเครือข่ายกับคนที่คิดเห็นแบบเดียวกันมากขึ้น ๆ
แนวโน้มการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายคอเดียวกันดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งจนที่สุดแม้ว่าแกนนำแดงสยามหรือพวกที่ไปไกลกว่าแดงสยามจะไม่ได้ออกมานัดหมายชุมนุมแต่ทว่าในความเป็นจริงก็สามารถสื่อสารทำกิจกรรมร่วมกับคนที่มีความคิดเห็นแบบเดียวกันได้อยู่แล้วผ่านทางการสื่อสารยุคใหม่ ดังจะเห็นจากโรคระบาดแคมเปญ ไม่เอา ม.112 อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
มาถึงบรรทัดสรุปถามว่าผมให้น้ำหนักยังไงกับผลกระทบจากปฏิวัติดอกมะลิที่ตะวันออกกลางขอตอบว่าให้น้ำหนักความน่ากังวลไปที่ภาคใต้มากกว่าเรื่องแดงในเมืองหลวง เพราะไม่เชื่อใจนักการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ว่าประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทย จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นนโยบายรูปธรรมของปัญหาภาคใต้ออกมาเลย.