xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทันม็อบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

พอเริ่มกุมภาพันธ์บรรยากาศเดิม ๆ ก็เริ่มหมุนกลับมาคล้ายกับกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

เวลาผ่านไปไวชะมัดยาด..เมื่อหนึ่งปีก่อนซึ่งเป็นช่วงที่ประชาธิปัตย์เพิ่งเข้ารับหน้าที่ได้แค่หนึ่งเดือนม็อบสีแดงที่มีดีสเตชั่นเป็นแม่ข่ายพยายามโหมไฟกำหนดชุมนุมขับไล่เป้าหมายเพื่อไม่ให้รัฐบาลอยู่นานเกินสามเดือน ย้อนไปดูข่าวเก่าจะพบว่าทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาปลุกคนไม่เว้นวันก่อนที่จะระดมพลใหญ่เดือนมีนาคม

มากุมภาพันธ์ปีนี้สถานการณ์ส่อว่าทักษิณคงต้องลำบากโฟนอินปลุกคนเหมือนเดิมก่อนจะถึงกำหนดนัดหมายใหญ่

แม้บรรยากาศจะคล้าย ๆ กันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์การเมืองหน้าแล้งของปีนี้จะซ้ำรอยปีที่แล้วเสียทีเดียวเพราะมีเหตุปัจจัยไม่เหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดคือภูมิคุ้มกันของสังคมไทยที่เรียนรู้การเมืองบนท้องถนนติดต่อกันมายาวนาน 4 ปีเต็ม

การเมืองระยะนี้ซับซ้อนมากขึ้นหมุนเร็วขึ้นและต้องอ่านกันวันต่อวันความเป็นไปได้ของสถานการณ์กว้างมาก ตั้งแต่เลวร้ายสุดแบบฝีแตกไปจนถึงการพ่ายแพ้แบบหมดรูปของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง(โดยเฉพาะฝ่ายสีแดง)

ดังนั้นการมานั่งคิดล่วงหน้า(ประสาผู้ฝักใฝ่ฝ่ายแดง)ว่าในปลายเดือนจะมีคนออกมาล้านคน ถือขวดน้ำมันคนละลิตร ออกมาสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นครั้งสุดท้ายถ้าไม่ชนะก็ถูกหามหรือเข้าคุกซึ่งจะนำมาสู่ความวุ่นวายที่แรงกว่าเมษาเลือดปีที่แล้วล้วนเป็นการนั่งคิดเอาเอง คิดแบบนี้เหมือนกับไปแทงไฮโลถ้าไม่เฮงจริงโอกาสถูกกินก็มีสูง

ตลอดสี่ปีมานี้คนไทยผ่านสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองใหญ่ ๆ มาแล้วหลายครั้ง ทางหนึ่งมันเป็นบาดแผลอีกทางหนึ่งมันก็สร้างประสบการณ์และการเรียนรู้ อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น อะไรที่เคยตื่นตระหนกก็ชาชิน อะไรที่เคยถูกหลอกก็รู้ว่าแบบนี้มันหลอกอย่าไปเชื่อมันอีก

เอาให้ชัดขึ้นนั่นก็คือคนไทยเรียนรู้และเข้าใจเรื่องการม็อบบนท้องถนนมากขึ้นอย่างชัดเจน

แต่ก่อนนั้นเมื่อมีการชุมนุมทางการเมืองของมวลชนขนาดใหญ่อย่าง 14 ตุลา/ 6 ตุลา/พฤษภาทมิฬ มักจะลงเอยด้วยการเลือดตกยางออกและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่นับจากปี 2548 เป็นต้นมากรอบคิดดังกล่าวก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ตายตัวเป็นชุดความคิดสำเร็จรูปเหมือนก่อน

สติปัญญาความนึกคิด ชุดความรู้+ประสบการณ์ของคนไทยสังคมนี่แหละครับที่จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะชี้วัดว่า การม็อบและการเมืองจะมีโฉมหน้าอย่างไร

ในรอบนี้คนในสังคมจะเป็นปัจจัยชี้วัดว่าม็อบทักษิณจะแพ้หรือชนะ !!!

อันว่าการม็อบนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว องค์ประกอบมากมายว่าด้วยการรวมหัวใจมวลชนให้คิดและทำเพื่อเป้าหมายเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีองค์ประกอบภายนอกอีกมากมายที่ส่งผลต่อพลานุภาพของม็อบนั้น ๆ

ความชอบธรรม / เป้าหมาย+อุดมการณ์ / การจัดการความฮึกเหิมและบริหารอารมณ์ / การจัดการและเสบียงบำรุง / การสื่อสารกับภายนอก / การยอมรับจากสังคม / ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ใช้ ฯลฯ

และการม็อบยังหมายถึงการบริหารจัดการกับมวลชนและสังคมก่อนหน้าการชุมนุมจริง อย่างเช่น การพยายามปลุกคนสร้างกระแส การข่มขู่ให้สังคมหวาดกลัวต่อพลานุภาพที่จะยกมา

การทำให้สังคมเชื่อก่อนว่าม็อบที่ยกมามีพลานุภาพจริงเป็นอีกเงื่อนไขสำคัญของการม็อบ ดังนั้นเหล่าแกนนำและเจ้าของม็อบจึงต้องพยายามประกาศและปลุกคนล่วงหน้าไว้ก่อน

อย่างการขู่ของอริสมันต์ ว่าจะให้ม็อบถือน้ำมันคนละลิตรเข้ามา เป็นการข่มขู่ที่มีแนวโน้มไม่จริง และถ้ามีคนเสื้อแดงบ้าจี้เอามาจริงก็ต้องบริหารจัดการกับเชื้อเพลิงไวไฟเหล่านั้นให้ดีมิฉะนั้นจะคลอกคนเสื้อแดงตายยกฝูงก่อนจะได้ไปเผาอะไร

การโฟนอินของทักษิณที่บอกว่าหากตนได้กลับมา 6 เดือนแรกจะยกหนี้อีก 6 เดือนหลังจะเพิ่มเงินในกระเป๋านี่ก็เข้าข่ายการจัดการม็อบก่อนชุมนุม ก็คือไปปลุกคนให้ฮึกเหิมให้พร้อมจะออกมาร่วมกับตัวเอง บังเอิญที่ทักษิณมีสูตรสำเร็จดั้งเดิมของการซื้อใจคนด้วยเม็ดเงินเขาจึงใช้การติดสินบนเป็นหลัก

ใครจะเชื่อหรือไม่นั้นคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามบุญกรรมของแต่ละคน ชาวเสื้อแดงที่ฟังปุ๊บแล้วเชื่อทันที.. ฝันทันทีว่าภายในเมษายนนี้จะหมดหนี้สินกับเขาสักทีและในช่วงปลายปีคงจะมีเงินมากมายติดกระเป๋าก็คงต้องปล่อยให้ฝันกลางวันต่อไป (เพราะทุกคนมีสิทธิ์จะฝันกลางวัน)

ก็คงเหลือแต่คนไทยที่มีสติสัมปชัญญะที่มีอยู่มากมายในสังคมย่อมมองออกได้ว่านี่เป็นการติดสินบนด้วยลมปากธรรมดา

แน่จริงทักษิณต้องประกาศมาเลยว่าการปลดหนี้ที่ประกาศครอบคลุมหนี้ใดบ้าง และคนกลุ่มใด จะใช้เงินประมาณกี่บาท..ปลดหนี้ที่ว่าคือยกหนี้สินให้ทั้งหมดเลยใช่ไหม และแน่จริงพรรคเพื่อไทยต้องประกาศนโยบายนี้ออกมาแล้ว อย่าสักแค่พ่นหลอกคนไปวัน ๆ

และคำว่า “ถ้าได้กลับมาจะปลดหนี้ให้” นั้นหมายถึงกลับมาแบบไหน แบบไม่มีคดีติดตัว แบบที่ไม่ถูกยึดทรัพย์และได้เป็นนายกฯต่อ ... เงื่อนไขแบบนี้ย่อมยากเอาการอยู่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แน่ ดังนั้นการไปปลุกคนด้วยการให้สัญญาลม ๆ แล้ง ๆ แบบนี้เป็นวิธีการของพ่อค้าที่หากำไรเป็นหลัก ไม่มีอะไรที่ผูกมัดตัวเองเลย ส่วนใครที่ดันไปเชื่อก็ถือว่าเจือกโง่เอง (ฮา ๆ)

เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ถือว่าเริ่มเข้าสู้ระยะสงครามชิงบ้านชิงเมืองทวงทรัพย์สินของขบวนการทักษิณแล้ว ระยะนี้คือช่วงการเตรียมการก่อนยกพลจริง ขณะเดียวกันก็เริ่มโจมตีที่หัวใจของคนทั่วไป การโจมตีที่หัวใจคือการทำให้เชื่อว่าม็อบนี้มีพลานุภาพจะมีสถานการณ์ไม่ปกติจะมีการเผาบ้านเผาเมืองเศรษฐกิจตกเกิดวุ่นวายอีกรอบ

ลองสำรวจตัวเองเถอะครับ ถ้าใครเชื่อตามคำขู่นี้ขอให้รู้ตัวว่าปราการสติสัมปชัญญะป้อมปัญญาของตนถูกโจมตีราบคาบไปแล้ว ดังนั้นขอให้ไตร่ตรองข้อมูลที่ผ่านตาทุกชิ้นให้ถี่ถ้วน อย่าตื่นตูมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ว่าการม็อบเพื่อชิงบ้านชิงเมืองผลจะออกมาอย่างไร ไม่ได้อยู่ที่ทักษิณหรือสามเกลอ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่อนุพงษ์หรือทหาร

ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดจริง ๆ อยู่ที่สังคมไทยทั้งสังคม... ถ้าสังคมเข้มแข็ง เป็นสังคมที่แยกแยะไตร่ตรองเท็จ-จริง-ลวง-พราง ถือเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งม็อบเพื่อผลประโยชน์มากี่ม็อบ ๆ ก็สู้สังคมทั้งสังคมไม่ได้หรอก

สังคมไทยที่เข้มแข็งมีวุฒิภาวะต่างหากครับที่เป็นปัจจัยสำคัญชี้วัดผลแพ้ชนะของสงครามชิงบ้านชิงเมืองรอบนี้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น