เขียนแต่เรื่องเลวร้ายมามาก
วันนี้ขอเขียนขอเล่าเรื่องดีๆ กันบ้าง
เรื่องแรกก็คือ เด็กที่หัวติดกัน ซึ่งเคยเป็นข่าวเป็นเด็กผู้หญิงอายุได้ 2 ขวบ ชาวบังคลาเทศ ชื่อ ด.ญ.พฤษณา และ ด.ญ.กฤษณา ได้รับความช่วยเหลือจากคณะแพทย์ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียให้ได้รับการผ่าตัดแยกหัว ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 25 ชั่วโมง คือ 1 วันเต็มๆ กับอีก 1 ชั่วโมง และก็ได้ผลดีครับ ทั้ง 2 คน หัวแยกกันสำเร็จ เมื่อวานนี้เอง (16 พ.ย. 2009)
เรื่องดีเรื่องที่ 2 คือ องค์กรเพื่อความโปร่งใส เขาทำการสำรวจเรื่องประเทศทั่วโลกว่า ประเทศใดคอร์รัปชั่นกันมากน้อยแค่ไหน ผลก็ได้มาสดๆ ร้อนๆ
ประเทศที่การโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยที่สุด นำโด่งมาเลยคือประเทศนิวซีแลนด์ครับ ในฐานะศิษย์เก่าที่ประเทศนี้ ก็แสดงความยินดีกับพวกกีวีเขาเสียหน่อย ได้คะแนน 9.4 จากเต็ม 10 ครับ
ประเทศที่โกงกันสะบัดช่อ ได้บ๊วยคือประเทศโซมาเลีย ได้คะแนนสงสารแค่ 1.1 เท่านั้นเอง ก็มันโกงกันตั้งแต่บ๊วยเค็มยันไม้จิ้มฟันนี่นา
ข่าวไม่มีสำหรับประเทศไทย ซึ่งโกงกันเนียนพอสมควร จนเขามาประเมินไม่ถูกกระมัง
คราวนี้เข้าเรื่องกันเสียที
นิตยสารที่ผมชอบอ่าน และก็อ่านมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นนิตยสารขนาดกระดาษ A4 พับครึ่ง
รีดเดอร์ไดเจสท์ไงล่ะ
ที่ชอบที่สุดคือทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ และอ่านมุขเด็ดขำขันซึ่งตลกมาก
ความเป็นมาของนิตยสารฉบับนี้ก็ยืนยาว ย้อนยุคถึงหลังสงครามโลกครั้งแรกเลยทีเดียว
คนอเมริกันแกชื่อ นายวอลเลซ (Dewitt Wallace) นี่แกชอบอ่านหนังสือ และเห็นว่าในบรรดาหนังสือ, นิตยสารที่อ่านนั้นมีเรื่องดีๆ กระจายกันอยู่ไม่น้อย
ทำไมจึงไม่มีใครรวมดีๆ โดยคัดมาพิมพ์เป็นนิตยสารเล่มเดียวจบแล้วออกขายเป็นรายเดือนดูบ้าง
แกคิดว่ามันน่าจะขายได้ เพราะคนเราคงไม่ซื้อหนังสือดีๆ ทุกเล่มมาอ่านแน่
แกเลยเริ่มต้นนิตยสารรีดเด้อร์ ไดเจสท์ ใน ปีค.ศ.1922 โดยให้มีธงเป็นนิตยสารออกแนวอนุรักษ์นิยม และตามกระแสในเวลานั้น คือต่อต้านการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
ก็ขายได้ดีครับ
และขยายตัวไปขายในอังกฤษ เมื่อเดือนมกราคมปี ค.ศ.1938 ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ปีเดียว ขายแค่ 2 ชิลลิงเท่านั้น
รีดเด้อร์ ไดเจสท์ มาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแฉเป็นครั้งแรกในสื่อสหรัฐฯ ว่า ต้นตอของโรคมะเร็งปอด คือบุหรี่ เพราะเวลานั้นไม่มีใครสนใจว่าอะไรคือสาเหตุ บทความหลายตอนที่ชื่อ Cancer by the Carton ทำให้ขายดี เพราะคนอยากรู้
เข้าสู่ตลาดหุ้น โดยบริษัทแม่คือ The Reader's Digest Association Inc. ในปี 2003 แต่ก็ขาดทุนมาเรื่อยๆ
เดือนมีนาคม ปี 2007 มี Consorturm นำโดย Ripplewood Holdings ระดมนักลงทุนเข้ามาซื้อบริษัทแม่ โดยจ่ายเงินมากมายถึง 2 พัน 8 ร้อยล้านเหรียญครับ
ก่อนหน้านี้ รีดเด้อร์ ไดเจสท์ ได้ชื่อเสียงมาจากการจัดแข่งขันประกวดคำศัพท์ให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วอเมริกา
มาหยุดตอนปี 2007 อ้างว่าเพื่อประเมินโครงการ
ยอดขายของนิตยสารเวลานี้มีอยู่ 8.1 ล้านเล่มต่อฉบับ แต่ทางผู้จัดพิมพ์บอกว่าจะลดยอดให้เหลือ 5.5 ล้าน และปีหนึ่งจะพิมพ์แค่ 10 ฉบับ ไม่พิมพ์ครบเดือนคือ 12 เล่ม แต่จะมีฉบับดิจิตัลให้
มาประกาศล้มละลายเพื่อปรับหนี้ 2.2 พันล้านเหรียญ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไปได้
ในไทยนั้นพิมพ์ครั้งแรกปี ค.ศ.1996
ในการจัดอันดับ Reader's Digest ติด 1 ใน 5 โดยมาเป็นที่ 4 มียอดพิมพ์ที่กล่าวแล้ว และเป็นนิตยสารเก่าแก่ที่สุด นิตยสารดังๆ ที่พิมพ์เกิน 2 ล้าน มีอาทิ National Geographic (ที่ 7 ด้วยยอด 4.7 ล้าน) ไทม์ (ยอด 3.87 ล้าน) T.V.Guide (2.93 ล้าน) Newsweek (2.64 ล้าน) Playboy (2.45 ล้าน) ESPN-The Magazine (2.05 ล้าน) Matha Stewart Living (2.03 ล้าน) เป็นต้น
ในไทยมียอดขายเพียง 7 หมื่นกว่าฉบับเท่านั้น
ขายโฆษณาในไทยถือว่าไม่แพง โดยขาวดำเต็มหน้า 8 หมื่น 5พันบาท 4 สี เต็มหน้าประมาณ 2 แสนบาท ขาวดำเต็มหน้าคู่ประมาณ 1.8 แสนบาท สี่สีเต็มหน้าคู่ แค่ 2.2 แสนบาทเท่านั้น
ครับ..... เรื่องดีๆ และที่ผมสนใจ คิดว่าผู้อ่านก็คงสนใจ มีแค่นี้ครับ
วันนี้ขอเขียนขอเล่าเรื่องดีๆ กันบ้าง
เรื่องแรกก็คือ เด็กที่หัวติดกัน ซึ่งเคยเป็นข่าวเป็นเด็กผู้หญิงอายุได้ 2 ขวบ ชาวบังคลาเทศ ชื่อ ด.ญ.พฤษณา และ ด.ญ.กฤษณา ได้รับความช่วยเหลือจากคณะแพทย์ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียให้ได้รับการผ่าตัดแยกหัว ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 25 ชั่วโมง คือ 1 วันเต็มๆ กับอีก 1 ชั่วโมง และก็ได้ผลดีครับ ทั้ง 2 คน หัวแยกกันสำเร็จ เมื่อวานนี้เอง (16 พ.ย. 2009)
เรื่องดีเรื่องที่ 2 คือ องค์กรเพื่อความโปร่งใส เขาทำการสำรวจเรื่องประเทศทั่วโลกว่า ประเทศใดคอร์รัปชั่นกันมากน้อยแค่ไหน ผลก็ได้มาสดๆ ร้อนๆ
ประเทศที่การโกงกินคอร์รัปชั่นน้อยที่สุด นำโด่งมาเลยคือประเทศนิวซีแลนด์ครับ ในฐานะศิษย์เก่าที่ประเทศนี้ ก็แสดงความยินดีกับพวกกีวีเขาเสียหน่อย ได้คะแนน 9.4 จากเต็ม 10 ครับ
ประเทศที่โกงกันสะบัดช่อ ได้บ๊วยคือประเทศโซมาเลีย ได้คะแนนสงสารแค่ 1.1 เท่านั้นเอง ก็มันโกงกันตั้งแต่บ๊วยเค็มยันไม้จิ้มฟันนี่นา
ข่าวไม่มีสำหรับประเทศไทย ซึ่งโกงกันเนียนพอสมควร จนเขามาประเมินไม่ถูกกระมัง
คราวนี้เข้าเรื่องกันเสียที
นิตยสารที่ผมชอบอ่าน และก็อ่านมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นนิตยสารขนาดกระดาษ A4 พับครึ่ง
รีดเดอร์ไดเจสท์ไงล่ะ
ที่ชอบที่สุดคือทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ และอ่านมุขเด็ดขำขันซึ่งตลกมาก
ความเป็นมาของนิตยสารฉบับนี้ก็ยืนยาว ย้อนยุคถึงหลังสงครามโลกครั้งแรกเลยทีเดียว
คนอเมริกันแกชื่อ นายวอลเลซ (Dewitt Wallace) นี่แกชอบอ่านหนังสือ และเห็นว่าในบรรดาหนังสือ, นิตยสารที่อ่านนั้นมีเรื่องดีๆ กระจายกันอยู่ไม่น้อย
ทำไมจึงไม่มีใครรวมดีๆ โดยคัดมาพิมพ์เป็นนิตยสารเล่มเดียวจบแล้วออกขายเป็นรายเดือนดูบ้าง
แกคิดว่ามันน่าจะขายได้ เพราะคนเราคงไม่ซื้อหนังสือดีๆ ทุกเล่มมาอ่านแน่
แกเลยเริ่มต้นนิตยสารรีดเด้อร์ ไดเจสท์ ใน ปีค.ศ.1922 โดยให้มีธงเป็นนิตยสารออกแนวอนุรักษ์นิยม และตามกระแสในเวลานั้น คือต่อต้านการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
ก็ขายได้ดีครับ
และขยายตัวไปขายในอังกฤษ เมื่อเดือนมกราคมปี ค.ศ.1938 ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ปีเดียว ขายแค่ 2 ชิลลิงเท่านั้น
รีดเด้อร์ ไดเจสท์ มาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแฉเป็นครั้งแรกในสื่อสหรัฐฯ ว่า ต้นตอของโรคมะเร็งปอด คือบุหรี่ เพราะเวลานั้นไม่มีใครสนใจว่าอะไรคือสาเหตุ บทความหลายตอนที่ชื่อ Cancer by the Carton ทำให้ขายดี เพราะคนอยากรู้
เข้าสู่ตลาดหุ้น โดยบริษัทแม่คือ The Reader's Digest Association Inc. ในปี 2003 แต่ก็ขาดทุนมาเรื่อยๆ
เดือนมีนาคม ปี 2007 มี Consorturm นำโดย Ripplewood Holdings ระดมนักลงทุนเข้ามาซื้อบริษัทแม่ โดยจ่ายเงินมากมายถึง 2 พัน 8 ร้อยล้านเหรียญครับ
ก่อนหน้านี้ รีดเด้อร์ ไดเจสท์ ได้ชื่อเสียงมาจากการจัดแข่งขันประกวดคำศัพท์ให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วอเมริกา
มาหยุดตอนปี 2007 อ้างว่าเพื่อประเมินโครงการ
ยอดขายของนิตยสารเวลานี้มีอยู่ 8.1 ล้านเล่มต่อฉบับ แต่ทางผู้จัดพิมพ์บอกว่าจะลดยอดให้เหลือ 5.5 ล้าน และปีหนึ่งจะพิมพ์แค่ 10 ฉบับ ไม่พิมพ์ครบเดือนคือ 12 เล่ม แต่จะมีฉบับดิจิตัลให้
มาประกาศล้มละลายเพื่อปรับหนี้ 2.2 พันล้านเหรียญ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไปได้
ในไทยนั้นพิมพ์ครั้งแรกปี ค.ศ.1996
ในการจัดอันดับ Reader's Digest ติด 1 ใน 5 โดยมาเป็นที่ 4 มียอดพิมพ์ที่กล่าวแล้ว และเป็นนิตยสารเก่าแก่ที่สุด นิตยสารดังๆ ที่พิมพ์เกิน 2 ล้าน มีอาทิ National Geographic (ที่ 7 ด้วยยอด 4.7 ล้าน) ไทม์ (ยอด 3.87 ล้าน) T.V.Guide (2.93 ล้าน) Newsweek (2.64 ล้าน) Playboy (2.45 ล้าน) ESPN-The Magazine (2.05 ล้าน) Matha Stewart Living (2.03 ล้าน) เป็นต้น
ในไทยมียอดขายเพียง 7 หมื่นกว่าฉบับเท่านั้น
ขายโฆษณาในไทยถือว่าไม่แพง โดยขาวดำเต็มหน้า 8 หมื่น 5พันบาท 4 สี เต็มหน้าประมาณ 2 แสนบาท ขาวดำเต็มหน้าคู่ประมาณ 1.8 แสนบาท สี่สีเต็มหน้าคู่ แค่ 2.2 แสนบาทเท่านั้น
ครับ..... เรื่องดีๆ และที่ผมสนใจ คิดว่าผู้อ่านก็คงสนใจ มีแค่นี้ครับ