อย่าไปวิตกทุกข์ร้อนอะไรมากมายเลยครับในเรื่องที่ ฮุนเซน เชิญ ทักษิณ ไปกลั่นสมองบันดาลเอ้ย..บรรยายให้นักธุรกิจเขมรร่ำรวยขึ้นตามข่าวที่พาดหัวกระหึ่มเมือง
ไปไม่กลัว.. แต่ที่กลัวน่ะ..กลัวจะไม่จริงไปต่างหาก !
กระแสสังคมไทย รวมไปถึงบทวิจารณ์ของสื่อต่างประเทศ พิสูจน์ออกมาแล้วว่าการหลอกใช้ซึ่งกันและกันระหว่าง 3 ผู้ยิ่งใหญ่ บิ๊กจิ๋ว-ทักษิณ-ฮุนเซน ที่ต่างก็มีกระบวนท่าสุดยอดกันทั้งสามฝ่ายแต่เมื่อมาผสมรวมกันไหงแทนที่จะเป็นพยุหะไร้เทียมทานกลับกลายเป็นวิชาแมวสามขาไปได้
ขบวนการแดงทักษิณนั้นได้โหมไฟปูทางจะสร้างบรรยากาศแดงเดือดล่วงหน้านับเดือน ทักษิณเปรียบเสมือนนายทัพใหญ่ที่ถือคบไฟพร้อมจะจ่อเผาฝ่ายตรงกันข้าม แต่พอเข้าด้ายเข้าเข็ม..ไฟที่จะโยนใส่ฝ่ายตรงข้ามกลับมาลวกมือตัวเองซะงั้น
ฮุนเซน หงายไพ่สำคัญทุ่มแทงเล่นเพราะเชื่อในข้อมูลที่ได้รับแจ้งว่าทักษิณกับขบวนการแดงหัวขวดจะทุ่มสรรพกำลังโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้แน่นอน แต่ผลตอบกลับคือการถูกยกเลิก MOU ฉบับสำคัญว่าด้วยพื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อน
เรื่องนี้มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย และไม่ใช่เรื่องของการเกทับทางการเมืองในยุคที่รัฐบาลไทยรักไทยไปทำข้อตกลงกับเขาเมื่อปี 2544 เท่านั้น แต่ต้องย้อนกลับไปถึงการอ้างสิทธิของสองฝ่ายออกไปฝ่ายละ 200 ไมล์ทะเลจากไหล่ทวีปของสองประเทศเมื่อปี 2515-2516 ซึ่งเชื่อมโยงกับที่ไทยไปตกลงเขตแดนกับเวียดนาม (2537-2540) จากเส้นดังกล่าวเขมรจึงใช้มาอ้างอิงในการเจรจาพื้นที่ทางทะเลกับฝ่ายไทยในยุคหลัง
รายละเอียดของการเจรจาเป็นความลับและเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติไม่ควรมีการเผยแพร่อธิบายวงกว้าง เพียงแต่รู้มาว่าคนที่อยู่ในวงเจรจานั้นเขาอึดอัดกันมานาน ยิ่งมีการเร่งรัดจากฝ่ายการเมืองให้เร่งตกลงกันให้ได้ในช่วงท้ายรัฐบาลทักษิณเขาก็ยิ่งอึดอัด
พูดตรงไปตรงมาคือ เราอยู่ในจุดที่เสียเปรียบเขา ยกตัวอย่างหนังจีนให้เข้าใจง่ายขึ้น คู่ต่อสู้สองฝ่ายประมือโดยที่ฝ่ายหนึ่งหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์นั่นแหละครับ ดังนั้นการถือโอกาสล้มโต๊ะเริ่มเจรจาใหม่ถือเป็นเรื่องที่สมควรอยู่ในมิติของผลประโยชน์ชาติล้วน ๆ
สรุปว่าการที่ฮุนเซนหงายไพ่เล่นแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษามีราคาแพงยิ่ง เพราะต้องจ่ายด้วยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับทางทะเลที่หมายมั่นปั้นมือมานาน ถึงขนาดไปตกลงกับบริษัทต่างชาติล่วงหน้าว่าทันทีที่ตกลงกับได้ปุ๊บก็จะยกสัมปทานในพื้นที่ทับซ้อนให้ทันที
ฮุนเซน จ่ายค่าตอบแทนไปแล้ว สมเด็จเตโชสัมภเวสีแม้วยิ่งทะรูดทะราดไปกันใหญ่ เพราะหมากที่จะโหมไฟในแดนดินเร่งกระแสนอก-ในโค่นรัฐบาลกลับมาตายน้ำตื้น..ดันให้คะแนนนิยมอภิสิทธิ์พุ่งพรวด ถึงขนาดแดงด้วยกันยังไม่ยอมอยู่ร่วมด้วยบอกไม่อยากขายชาติให้เขมร
ทักษิณเดินหมากผิด เริ่มจากทวิตขอบคุณฮุนเซน พอรัฐบาลตอบโต้ด้วยการประกาศลดระดับสัมพันธ์ทางการทูต ทักษิณเข้าใจว่าปลาติดเบ็ดทวิตสั่งสอนรัฐบาลอภิสิทธิ์เหมือนกับเข้าข้างฮุนเซน พวกนักเกาะกินที่อยู่ในไทยก็แห่ตามแถลงข่าวด่ารัฐบาลเป็นการใหญ่
แล้วเป็นไงล่ะ สังคมไทยไม่บ้าตามด้วย.. เล่นกับไฟไฟลวกมือเข้าให้
ดังนั้นการที่ฮุนเซนเชิญทักษิณเข้าเขมร ตลอดถึงการโหมประกาศข่าวทักษิณจะไปเขมรรอบนี้จึงเป็นแค่การพยายามพลิกฟื้นสถานะที่ตกเป็นเบี้ยล่างกลับคืนมา
หาใช่การรุกแต่อย่างใดเลย !
หมากเขมรตานี้ส่งผลให้ทักษิณเปรียบเสมือนกับอยู่บนหลังเสือ มีแต่ต้องเดินหน้าทะลุ่มทะลุยต่อไป
จะทำเป็นหน้าตาย ทำลืมไปเฉย ๆ เหมือนเรื่องเหมืองเพชรสุดขอบฟ้า โฆษณาข้ามประเทศพอเขาซักไซร้จะเอารายละเอียดไม่กล้าเปิดต่อ ทำเป็นเงียบหายไปซะเฉย ๆ ทำไม่ได้ เพราะเหมืองเพชรเป็นแค่การหลอกต้มด้วยการประชาสัมพันธ์รักษากระแส แต่สำหรับเรื่องเขมรกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านดึงเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมเข้าไปอยู่ในเกม
วิธีการแก้ทางแรกคือหาทางพลิกสถานการณ์ เปลี่ยนกระแสสังคมให้เห็นว่าตน(และพวก)เป็นฝ่ายรักษาผลประโยชน์ของไทยไม่ใช่เขมร ไม่ได้เป็นฝ่ายชักศึกเข้าบ้าน
และที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีค่ามากให้คนรากหญ้าเสียดายมหาเศรษฐีที่มีวิชั่นก้าวไกลหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็นทอง
ประเด็นหลังไม่เท่าไหร่เพราะเป็นหมากที่แสดงมาโดยตลอด..รอบนี้อาจจะประกาศดึงนักลงทุนอาหรับไปลงเขมรอีกสักหลายหมื่นล้าน(ส่วนเม็ดเงินจริงจะตามมาหรือเปล่าเป็นเรื่องอนาคตวันนี้ขอเป็นข่าวไว้ก่อน)
ปมที่ต้องแก้จริง ๆ คือเรื่องบรรยากาศความสัมพันธ์เขมรไทย...แต่นั่นเองหากจะแก้ปมเรื่องความสัมพันธ์ ด้วยการจับมือฮุนเซนแถลงเรื่องมิตรภาพพี่น้อง ก็เท่ากับว่า ทักษิณกำลังใช้คนไทยและผลประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ทำนองว่าหากไม่ใช่ตนไทยกับเขมรจะต้องเกิดสงครามต่อ
หรืออาจไปบอกฮุนเซนว่าไม่เอาแล้วตำแหน่งนี้ เพื่อเปิดทาง-รักษาหน้าให้ฮุนเซนถอยได้ก้าวใหญ่
แล้วก็ให้ลิ่วล้อในเมืองไทยโหมประโคมว่าทักษิณเป็นผู้เสียสละทำให้ไมตรีสองประเทศกลับมาเหมือนเดิม ฮุนเซนถอยแล้ว ไยอภิสิทธิ์ยังไม่ถอยเล่า
ซึ่งหากจะเดินหมากแบบนี้ ก็ยังต้องมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่บ้างเพราะทั้งคนไทยและสังคมโลกเขาไม่โง่เง่าอย่างพร้อมเพรียงถึงกับไม่รู้เลยว่า คนที่เป็นต้นเหตุความวุ่นวายร้าวฉานในภูมิภาคก็คือทักษิณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ
ไหน ๆ ก็ขึ้นหลังเสือแล้ว หากจะลงก็ต้องยอมโดนกัดบ้าง ยังดีกว่าถูกจับกินหลายเท่านัก
หรืออีกทางหนึ่งที่ไม่ขอแนะนำคือ หักหน้าฮุนเซนประกาศป่วยยกเลิกการไปบรรยายที่พนมเปญ ใช้สูตรเดียวกับเรื่องอื่น ๆ คือทำเป็นลืม ๆ ไปเสีย ไม่ว่าจะเรื่อง ซื้อเกาะมอนเตเนโกร เรื่องเหมืองเพชรอาฟริกา รอให้กระแสเกลียดคนชักศึกเข้าบ้านซาลงแล้วค่อยเคลื่อนไหวต่อ
แนวทางนี้เรียกว่าแนวทางยอมเสียสุนัข ยอมรับด้วยดีว่าหมากที่เดินไปนั้นมันพลาดจริง ๆ
ซึ่งไม่ใช่นิสัยของทักษิณที่กำลังหมายมั่นชิงอำนาจคืนเป็นแน่
จึงขอสนับสนุน-ส่งเสริมให้ ทักษิณ ผู้เป็นยอดยุทธ์ไร้เทียมทานขึ้นหลังเสือต่อไป แล้วก็เล่นหมากเขมรให้ถึงที่สุด
ด้วยหวังอย่างยิ่งว่าพยุหะไตรพิฆาต ทักษิณ-บิ๊กจิ๋ว-ฮุนเซน จะเปล่งประกายเจิดจ้าถึงขั้นไร้เขาไร้เรา...ลืมเลือนสรรพสิ่งรอบข้างสิ้น แม้นกระทั่งประเทศชาติ และ ปวงประชาชน.
ไปไม่กลัว.. แต่ที่กลัวน่ะ..กลัวจะไม่จริงไปต่างหาก !
กระแสสังคมไทย รวมไปถึงบทวิจารณ์ของสื่อต่างประเทศ พิสูจน์ออกมาแล้วว่าการหลอกใช้ซึ่งกันและกันระหว่าง 3 ผู้ยิ่งใหญ่ บิ๊กจิ๋ว-ทักษิณ-ฮุนเซน ที่ต่างก็มีกระบวนท่าสุดยอดกันทั้งสามฝ่ายแต่เมื่อมาผสมรวมกันไหงแทนที่จะเป็นพยุหะไร้เทียมทานกลับกลายเป็นวิชาแมวสามขาไปได้
ขบวนการแดงทักษิณนั้นได้โหมไฟปูทางจะสร้างบรรยากาศแดงเดือดล่วงหน้านับเดือน ทักษิณเปรียบเสมือนนายทัพใหญ่ที่ถือคบไฟพร้อมจะจ่อเผาฝ่ายตรงกันข้าม แต่พอเข้าด้ายเข้าเข็ม..ไฟที่จะโยนใส่ฝ่ายตรงข้ามกลับมาลวกมือตัวเองซะงั้น
ฮุนเซน หงายไพ่สำคัญทุ่มแทงเล่นเพราะเชื่อในข้อมูลที่ได้รับแจ้งว่าทักษิณกับขบวนการแดงหัวขวดจะทุ่มสรรพกำลังโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้แน่นอน แต่ผลตอบกลับคือการถูกยกเลิก MOU ฉบับสำคัญว่าด้วยพื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อน
เรื่องนี้มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย และไม่ใช่เรื่องของการเกทับทางการเมืองในยุคที่รัฐบาลไทยรักไทยไปทำข้อตกลงกับเขาเมื่อปี 2544 เท่านั้น แต่ต้องย้อนกลับไปถึงการอ้างสิทธิของสองฝ่ายออกไปฝ่ายละ 200 ไมล์ทะเลจากไหล่ทวีปของสองประเทศเมื่อปี 2515-2516 ซึ่งเชื่อมโยงกับที่ไทยไปตกลงเขตแดนกับเวียดนาม (2537-2540) จากเส้นดังกล่าวเขมรจึงใช้มาอ้างอิงในการเจรจาพื้นที่ทางทะเลกับฝ่ายไทยในยุคหลัง
รายละเอียดของการเจรจาเป็นความลับและเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติไม่ควรมีการเผยแพร่อธิบายวงกว้าง เพียงแต่รู้มาว่าคนที่อยู่ในวงเจรจานั้นเขาอึดอัดกันมานาน ยิ่งมีการเร่งรัดจากฝ่ายการเมืองให้เร่งตกลงกันให้ได้ในช่วงท้ายรัฐบาลทักษิณเขาก็ยิ่งอึดอัด
พูดตรงไปตรงมาคือ เราอยู่ในจุดที่เสียเปรียบเขา ยกตัวอย่างหนังจีนให้เข้าใจง่ายขึ้น คู่ต่อสู้สองฝ่ายประมือโดยที่ฝ่ายหนึ่งหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์นั่นแหละครับ ดังนั้นการถือโอกาสล้มโต๊ะเริ่มเจรจาใหม่ถือเป็นเรื่องที่สมควรอยู่ในมิติของผลประโยชน์ชาติล้วน ๆ
สรุปว่าการที่ฮุนเซนหงายไพ่เล่นแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษามีราคาแพงยิ่ง เพราะต้องจ่ายด้วยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับทางทะเลที่หมายมั่นปั้นมือมานาน ถึงขนาดไปตกลงกับบริษัทต่างชาติล่วงหน้าว่าทันทีที่ตกลงกับได้ปุ๊บก็จะยกสัมปทานในพื้นที่ทับซ้อนให้ทันที
ฮุนเซน จ่ายค่าตอบแทนไปแล้ว สมเด็จเตโชสัมภเวสีแม้วยิ่งทะรูดทะราดไปกันใหญ่ เพราะหมากที่จะโหมไฟในแดนดินเร่งกระแสนอก-ในโค่นรัฐบาลกลับมาตายน้ำตื้น..ดันให้คะแนนนิยมอภิสิทธิ์พุ่งพรวด ถึงขนาดแดงด้วยกันยังไม่ยอมอยู่ร่วมด้วยบอกไม่อยากขายชาติให้เขมร
ทักษิณเดินหมากผิด เริ่มจากทวิตขอบคุณฮุนเซน พอรัฐบาลตอบโต้ด้วยการประกาศลดระดับสัมพันธ์ทางการทูต ทักษิณเข้าใจว่าปลาติดเบ็ดทวิตสั่งสอนรัฐบาลอภิสิทธิ์เหมือนกับเข้าข้างฮุนเซน พวกนักเกาะกินที่อยู่ในไทยก็แห่ตามแถลงข่าวด่ารัฐบาลเป็นการใหญ่
แล้วเป็นไงล่ะ สังคมไทยไม่บ้าตามด้วย.. เล่นกับไฟไฟลวกมือเข้าให้
ดังนั้นการที่ฮุนเซนเชิญทักษิณเข้าเขมร ตลอดถึงการโหมประกาศข่าวทักษิณจะไปเขมรรอบนี้จึงเป็นแค่การพยายามพลิกฟื้นสถานะที่ตกเป็นเบี้ยล่างกลับคืนมา
หาใช่การรุกแต่อย่างใดเลย !
หมากเขมรตานี้ส่งผลให้ทักษิณเปรียบเสมือนกับอยู่บนหลังเสือ มีแต่ต้องเดินหน้าทะลุ่มทะลุยต่อไป
จะทำเป็นหน้าตาย ทำลืมไปเฉย ๆ เหมือนเรื่องเหมืองเพชรสุดขอบฟ้า โฆษณาข้ามประเทศพอเขาซักไซร้จะเอารายละเอียดไม่กล้าเปิดต่อ ทำเป็นเงียบหายไปซะเฉย ๆ ทำไม่ได้ เพราะเหมืองเพชรเป็นแค่การหลอกต้มด้วยการประชาสัมพันธ์รักษากระแส แต่สำหรับเรื่องเขมรกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านดึงเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมเข้าไปอยู่ในเกม
วิธีการแก้ทางแรกคือหาทางพลิกสถานการณ์ เปลี่ยนกระแสสังคมให้เห็นว่าตน(และพวก)เป็นฝ่ายรักษาผลประโยชน์ของไทยไม่ใช่เขมร ไม่ได้เป็นฝ่ายชักศึกเข้าบ้าน
และที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีค่ามากให้คนรากหญ้าเสียดายมหาเศรษฐีที่มีวิชั่นก้าวไกลหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็นทอง
ประเด็นหลังไม่เท่าไหร่เพราะเป็นหมากที่แสดงมาโดยตลอด..รอบนี้อาจจะประกาศดึงนักลงทุนอาหรับไปลงเขมรอีกสักหลายหมื่นล้าน(ส่วนเม็ดเงินจริงจะตามมาหรือเปล่าเป็นเรื่องอนาคตวันนี้ขอเป็นข่าวไว้ก่อน)
ปมที่ต้องแก้จริง ๆ คือเรื่องบรรยากาศความสัมพันธ์เขมรไทย...แต่นั่นเองหากจะแก้ปมเรื่องความสัมพันธ์ ด้วยการจับมือฮุนเซนแถลงเรื่องมิตรภาพพี่น้อง ก็เท่ากับว่า ทักษิณกำลังใช้คนไทยและผลประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ทำนองว่าหากไม่ใช่ตนไทยกับเขมรจะต้องเกิดสงครามต่อ
หรืออาจไปบอกฮุนเซนว่าไม่เอาแล้วตำแหน่งนี้ เพื่อเปิดทาง-รักษาหน้าให้ฮุนเซนถอยได้ก้าวใหญ่
แล้วก็ให้ลิ่วล้อในเมืองไทยโหมประโคมว่าทักษิณเป็นผู้เสียสละทำให้ไมตรีสองประเทศกลับมาเหมือนเดิม ฮุนเซนถอยแล้ว ไยอภิสิทธิ์ยังไม่ถอยเล่า
ซึ่งหากจะเดินหมากแบบนี้ ก็ยังต้องมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่บ้างเพราะทั้งคนไทยและสังคมโลกเขาไม่โง่เง่าอย่างพร้อมเพรียงถึงกับไม่รู้เลยว่า คนที่เป็นต้นเหตุความวุ่นวายร้าวฉานในภูมิภาคก็คือทักษิณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ
ไหน ๆ ก็ขึ้นหลังเสือแล้ว หากจะลงก็ต้องยอมโดนกัดบ้าง ยังดีกว่าถูกจับกินหลายเท่านัก
หรืออีกทางหนึ่งที่ไม่ขอแนะนำคือ หักหน้าฮุนเซนประกาศป่วยยกเลิกการไปบรรยายที่พนมเปญ ใช้สูตรเดียวกับเรื่องอื่น ๆ คือทำเป็นลืม ๆ ไปเสีย ไม่ว่าจะเรื่อง ซื้อเกาะมอนเตเนโกร เรื่องเหมืองเพชรอาฟริกา รอให้กระแสเกลียดคนชักศึกเข้าบ้านซาลงแล้วค่อยเคลื่อนไหวต่อ
แนวทางนี้เรียกว่าแนวทางยอมเสียสุนัข ยอมรับด้วยดีว่าหมากที่เดินไปนั้นมันพลาดจริง ๆ
ซึ่งไม่ใช่นิสัยของทักษิณที่กำลังหมายมั่นชิงอำนาจคืนเป็นแน่
จึงขอสนับสนุน-ส่งเสริมให้ ทักษิณ ผู้เป็นยอดยุทธ์ไร้เทียมทานขึ้นหลังเสือต่อไป แล้วก็เล่นหมากเขมรให้ถึงที่สุด
ด้วยหวังอย่างยิ่งว่าพยุหะไตรพิฆาต ทักษิณ-บิ๊กจิ๋ว-ฮุนเซน จะเปล่งประกายเจิดจ้าถึงขั้นไร้เขาไร้เรา...ลืมเลือนสรรพสิ่งรอบข้างสิ้น แม้นกระทั่งประเทศชาติ และ ปวงประชาชน.