ใครที่อ่าน นสพ.เอเอสทีวีผู้จัดการฉบับวันนี้ (3 มิ.ย.2552) ก็จะได้เห็นข่าวการเปิดตัวสมาชิกใหม่ 4 คน ของพรรคพันธมิตรที่กำลังเร่งตั้งขึ้น โดยจะมีการไปจดทะเบียนให้ถูกต้องในสัปดาห์หน้า
สมาชิกใหม่ 4 คนนี้คือคุณบรรจง นะแส, คุณวิลิต เตชะไพบูลย์, คุณชญาบุญ ศริญญามาศ และคุณเสาวนีย์ รุ่งช่วง และทั้ง 4 คน เข้าเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย
น่าสนใจมาก คุณบุญจง นะแส นั้นเป็นถึงเลขาธิการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ และทำหน้าที่ให้กับพรรคใหม่ของเรา เป็นตัวสายของสายเอ็นจีโอครับ และคุณบรรจงพูดได้ถูกใจผมมากคือ ท่านบอกว่า นโยบายนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกภาคแบบครอบจักรวาล แต่ดูให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งมีความหลากหลายต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
คนที่ผมให้ความสนใจมากคือคุณวิลิต เตชะไพบูลย์ ท่านนี้หนีความสุขสบายที่จะอยู่กับแวดวงคนมั่งมีตามที่ท่านนะจะทำได้สบายๆ แต่ท่านเลือกไปเป็นเกษตรกรมาตลอด ผมมั่นใจว่าคนที่ทิ้งทุกอย่าง และทำได้ขนาดนี้ ย่อมเข้าใจปัญหาพื้นฐานได้ดีกว่าใคร
ส่วนคุณชญาบุญนั้นอยู่สมุยครับ ไม่นิยมการรุกล้ำพื้นที่ของยักษ์ใหญ่ที่ค้าขายแบบห้างผูกขาดมาจากต่างชาติ คุณชญาบุญเชื่อว่าคนกว่า 80% ต้องการการเมืองใหม่ที่ประชาชนจะมีส่วนร่วม
คนสำคัญที่สุดคือคุณเสาวนีย์ครับ คุณเสาวนีย์เป็นสมาชิกเก่าแก่มายาวนานร่วม 20 ปี เห็นการเมืองมามาก พอเห็นว่าการเมืองมีพรรคใหม่ คุณเสาวนีย์ซึ่งต่อสู้มาตั้งแต่ 14 ตุลาฯ และสู้ทุกครั้งก็ทิ้งอดีต 20 ปี มาร่วมพัฒนากับพรรคใหม่แบบตัดเชือกครับ เพราะเห็นแล้วว่าที่ผ่านมานั้น ไม่มีพรรคการเมืองใดแก้ปัญหาได้
ผมถือว่ากรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 ท่านนี้ เป็นทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ เห็นและผ่านโลกมามาก และจะเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมสร้างพรรคให้มั่นคงในอนาคต
คราวนี้เราก็ได้รักษาการ “หัวหน้าพรรค” โดยมีพี่สมศักดิ์ โกสัยสุข รับหน้าที่แล้ว และฤกษ์ จดทะเบียนก็จะเป็นวันที่ 4 (พฤหัสบดี) นี้แหละ
ภายใน 2 เดือน หลังจากนั้นก็จะจัดระบบในพรรคและก็จะมีกรรมการบริหารเป็นทางการ จะเริ่มต้นเดินรุดหน้าโดยนับหนึ่งในการเมืองกันเลย
พรรคใหม่จะไม่คิดแต่เรื่องทุน แต่จะปรับยุทธศาสตร์ทางการเมืองแบบขนานใหญ่ ทุกคนไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่งทั้งนั้น
มีการเสนอชื่อมาให้ทดลองดู 3 ชื่อ คือเทียนแห่งธรรม, พรรคพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองใหม่
ที่แปลกคือพรรคเทียนแห่งธรรมกับพรรคพันธมิตรฯ นั้นมีคนไปจดทะเบียนก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ชื่อหลังอาจไปซ้อนทับกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนซึ่งเป็นแนวร่วมภาคประชาชนคนอาจสับสน
ที่ประชุมก็เลยเห็นว่าโดยสรุปว่าชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” น่าที่จะเหมาะกว่า ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ New Politics Party (NPSP) และที่ทำการของพรรคก็จะใช้บ้านของคุณสมศักดิ์ไปพลางก่อน โดยกำลังสำรวจดูว่าจะหาที่ไหนดีในเขต กทม.นี่แหละ
พรรคยังทำสัญลักษณ์ของพรรคสวยงาม มี 2 สี คือเขียว เหลือง โดยมีความหมายตามสีคือ เขียวหมายถึงการเมืองสะอาดตามธรรมชาติ ไร้มลพิษมีประเด็นสิ่งแวดล้อมเรื่องทรัพยากร และความเป็นธรรมทางการเมือง-สังคมด้วย
สีเหลืองแน่นอนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และอุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ครับ... เป็นความก้าวหน้า และเป็นวิถีการพัฒนาที่คืบหน้าไปเร็วจริงๆ มีการเตรียมการที่ดี และทุกอย่างก็จะชัดเจนยิ่งขึ้นในสัปดาห์หน้า เมื่อการตั้งพรรคเสร็จสมบูรณ์พร้อมมีกรรมการบริหาร
แน่นอนว่าพรรคการเมืองใหม่ถือประชาชนเป็นหลักชัย เมื่อเป็นหลักชัยก็ต้องฟังน้ำหนักว่าประชาชนเห็นชอบอะไรและถ้าพรรคเห็นว่าปฏิบัติการใดประชาชนว่าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังทางพรรคก็จะถอยห่างทันที
ผมถือว่าวิธีคิดเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเหนือกว่าสัญญาประชาคมมาก เพราะสัญญาประชาคมนั้นแม้ประชาคมเป็นหุ้นส่วนที่เสมอกันกับพรรค แต่ระบบคิดก็อาจต่างกันระหว่างพรรคกับประชาคมได้ และถ้าต้องเลือกโดยตัดสินถึงที่สุดแล้ว พรรคอาจลงมติให้พรรคปฏิบัติตามมติพรรคมากกว่าเลือกที่จะยืนข้างประชาคมได้
แต่กรณีของพรรคการเมืองใหม่ ถ้าประชาชนแค่ผิดหวังว่าพรรคปฏิบัติผิดไปตามที่คาดเท่านั้น พรรคต้องหยุดการกระทำทันที โดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าพรรคอาจเห็นว่าพรรคเป็นฝ่ายถูกต้องก็ตาม
เห็นหรือยังว่าสิทธิเด็ดขาดแบบนี้ ไม่มีพรรคการเมืองในประเทศนี้หรือที่ใดก็ตามกล้าทำหรอก
ที่พรรคการเมืองทำได้ เพราะที่นี่ไม่มีผลประโยชน์
ที่ซึ่งมีผลประโยชน์นั้น เขาไม่ทำกัน !!
สมาชิกใหม่ 4 คนนี้คือคุณบรรจง นะแส, คุณวิลิต เตชะไพบูลย์, คุณชญาบุญ ศริญญามาศ และคุณเสาวนีย์ รุ่งช่วง และทั้ง 4 คน เข้าเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย
น่าสนใจมาก คุณบุญจง นะแส นั้นเป็นถึงเลขาธิการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ และทำหน้าที่ให้กับพรรคใหม่ของเรา เป็นตัวสายของสายเอ็นจีโอครับ และคุณบรรจงพูดได้ถูกใจผมมากคือ ท่านบอกว่า นโยบายนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกภาคแบบครอบจักรวาล แต่ดูให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งมีความหลากหลายต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
คนที่ผมให้ความสนใจมากคือคุณวิลิต เตชะไพบูลย์ ท่านนี้หนีความสุขสบายที่จะอยู่กับแวดวงคนมั่งมีตามที่ท่านนะจะทำได้สบายๆ แต่ท่านเลือกไปเป็นเกษตรกรมาตลอด ผมมั่นใจว่าคนที่ทิ้งทุกอย่าง และทำได้ขนาดนี้ ย่อมเข้าใจปัญหาพื้นฐานได้ดีกว่าใคร
ส่วนคุณชญาบุญนั้นอยู่สมุยครับ ไม่นิยมการรุกล้ำพื้นที่ของยักษ์ใหญ่ที่ค้าขายแบบห้างผูกขาดมาจากต่างชาติ คุณชญาบุญเชื่อว่าคนกว่า 80% ต้องการการเมืองใหม่ที่ประชาชนจะมีส่วนร่วม
คนสำคัญที่สุดคือคุณเสาวนีย์ครับ คุณเสาวนีย์เป็นสมาชิกเก่าแก่มายาวนานร่วม 20 ปี เห็นการเมืองมามาก พอเห็นว่าการเมืองมีพรรคใหม่ คุณเสาวนีย์ซึ่งต่อสู้มาตั้งแต่ 14 ตุลาฯ และสู้ทุกครั้งก็ทิ้งอดีต 20 ปี มาร่วมพัฒนากับพรรคใหม่แบบตัดเชือกครับ เพราะเห็นแล้วว่าที่ผ่านมานั้น ไม่มีพรรคการเมืองใดแก้ปัญหาได้
ผมถือว่ากรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 ท่านนี้ เป็นทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ เห็นและผ่านโลกมามาก และจะเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมสร้างพรรคให้มั่นคงในอนาคต
คราวนี้เราก็ได้รักษาการ “หัวหน้าพรรค” โดยมีพี่สมศักดิ์ โกสัยสุข รับหน้าที่แล้ว และฤกษ์ จดทะเบียนก็จะเป็นวันที่ 4 (พฤหัสบดี) นี้แหละ
ภายใน 2 เดือน หลังจากนั้นก็จะจัดระบบในพรรคและก็จะมีกรรมการบริหารเป็นทางการ จะเริ่มต้นเดินรุดหน้าโดยนับหนึ่งในการเมืองกันเลย
พรรคใหม่จะไม่คิดแต่เรื่องทุน แต่จะปรับยุทธศาสตร์ทางการเมืองแบบขนานใหญ่ ทุกคนไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่งทั้งนั้น
มีการเสนอชื่อมาให้ทดลองดู 3 ชื่อ คือเทียนแห่งธรรม, พรรคพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองใหม่
ที่แปลกคือพรรคเทียนแห่งธรรมกับพรรคพันธมิตรฯ นั้นมีคนไปจดทะเบียนก่อนหน้านี้ไปแล้ว
ชื่อหลังอาจไปซ้อนทับกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนซึ่งเป็นแนวร่วมภาคประชาชนคนอาจสับสน
ที่ประชุมก็เลยเห็นว่าโดยสรุปว่าชื่อ “พรรคการเมืองใหม่” น่าที่จะเหมาะกว่า ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ New Politics Party (NPSP) และที่ทำการของพรรคก็จะใช้บ้านของคุณสมศักดิ์ไปพลางก่อน โดยกำลังสำรวจดูว่าจะหาที่ไหนดีในเขต กทม.นี่แหละ
พรรคยังทำสัญลักษณ์ของพรรคสวยงาม มี 2 สี คือเขียว เหลือง โดยมีความหมายตามสีคือ เขียวหมายถึงการเมืองสะอาดตามธรรมชาติ ไร้มลพิษมีประเด็นสิ่งแวดล้อมเรื่องทรัพยากร และความเป็นธรรมทางการเมือง-สังคมด้วย
สีเหลืองแน่นอนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และอุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ครับ... เป็นความก้าวหน้า และเป็นวิถีการพัฒนาที่คืบหน้าไปเร็วจริงๆ มีการเตรียมการที่ดี และทุกอย่างก็จะชัดเจนยิ่งขึ้นในสัปดาห์หน้า เมื่อการตั้งพรรคเสร็จสมบูรณ์พร้อมมีกรรมการบริหาร
แน่นอนว่าพรรคการเมืองใหม่ถือประชาชนเป็นหลักชัย เมื่อเป็นหลักชัยก็ต้องฟังน้ำหนักว่าประชาชนเห็นชอบอะไรและถ้าพรรคเห็นว่าปฏิบัติการใดประชาชนว่าไม่เป็นไปตามที่คาดหวังทางพรรคก็จะถอยห่างทันที
ผมถือว่าวิธีคิดเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเหนือกว่าสัญญาประชาคมมาก เพราะสัญญาประชาคมนั้นแม้ประชาคมเป็นหุ้นส่วนที่เสมอกันกับพรรค แต่ระบบคิดก็อาจต่างกันระหว่างพรรคกับประชาคมได้ และถ้าต้องเลือกโดยตัดสินถึงที่สุดแล้ว พรรคอาจลงมติให้พรรคปฏิบัติตามมติพรรคมากกว่าเลือกที่จะยืนข้างประชาคมได้
แต่กรณีของพรรคการเมืองใหม่ ถ้าประชาชนแค่ผิดหวังว่าพรรคปฏิบัติผิดไปตามที่คาดเท่านั้น พรรคต้องหยุดการกระทำทันที โดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าพรรคอาจเห็นว่าพรรคเป็นฝ่ายถูกต้องก็ตาม
เห็นหรือยังว่าสิทธิเด็ดขาดแบบนี้ ไม่มีพรรคการเมืองในประเทศนี้หรือที่ใดก็ตามกล้าทำหรอก
ที่พรรคการเมืองทำได้ เพราะที่นี่ไม่มีผลประโยชน์
ที่ซึ่งมีผลประโยชน์นั้น เขาไม่ทำกัน !!
