xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ คุณแพ้แล้ว

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

อันที่จริงการปะทะกันระหว่างรัฐบาล กับ ทัพเสื้อแดงระยะ 10-13 เม.ย. ต่างก็โหล่ยโท่ยพอกันผลชี้ขาดอยู่ที่ฝ่ายใดโหล่ยโท่ยน้อยกว่า

รัฐบาลนั้นคุมเชิงม็อบเสื้อแดงมาด้วยดีตั้งแต่ 26 มีนาคมเป็นต้นมา ทัพเสื้อแดงน่าจะจบสิ้นหมดก๊อกแรกไปก่อนสงกรานต์แล้วคือตั้งแต่ปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่เสื้อน้ำเงินเนวินกลับเป็นจุดพลิกผันสำคัญกลายเป็นความโหล่ยโท่ยที่เละเทะพอ ๆ กับการไม่เด็ดขาดในการสั่งการป้องกันการประชุมอาเซียน

ไม่มีใครว่าอะไรหรอกหากประเทศไทยใช้มาตรการเข้มงวดป้องกันการประชุมนานาชาติให้เหมือนกับอารยะประเทศ แต่อภิสิทธิ์+สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่เด็ดขาดชัดเจนเองนี่เป็นข้อบกพร่องสำคัญทำให้ศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ภาพลักษณ์ของประเทศชาติพังยับเยิน

เสื้อแดงกลับมาเป็นต่อในเช้าวันที่ 12 แต่ก็ละทิ้งโอกาสและจังหวะอันดีเพราะดันงัดสันดานอันธพาลมาก่อจลาจลป่วนเมืองแบบเต็มสูบ นี่ก็เป็นความโหล่ยโท่ยของแกนนำเสื้อแดงที่ไม่ฉวยโอกาสสำคัญนี้ไว้ ปล่อยให้แกนนำบ้า ๆ บอ ๆ อย่างแรมโบ้ไปอาละวาดทำร้ายคนที่กระทรวงมหาดไทย

ตลอดคืนวันที่ 12 เม.ย. กระแสสังคมพลิกกลับ ประชาชนอึดอัดและกลายเป็นแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้ทำอะไรสักอย่างซึ่งนั่นก็หมายถึงนอกจากมีความชอบธรรมด้านนิตินัยแล้วยังมีแรงสนับสนุนจากสังคมให้จัดการอันธพาลป่วนเมืองให้ได้

คืนวันที่ 12 เม.ย. เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสถานการณ์เพราะรัฐบาลไม่ได้เตรียมการณ์รับสถานการณ์ฉุกเฉินมาก่อน สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้เตรียมการณ์รองรับไว้เลยถ้าเป็นนายทหารคงถูกปลดไปแล้ว ผู้นำทัพที่ดีต้องให้ฝ่ายเสนาธิการเตรียมแผนรองรับไว้ทั้งรุกและรับ ระยะแรกเริ่มจึงเห็นภาพรถหุ้มเกราะถูกคนเสื้อแดงยึดไปนั่งโบกธงเล่น เดี๋ยวเคลื่อนกำลังออกเดี๋ยวก็สั่งกลับ

ไม่เป็นขบวน เพราะไม่มีแผนปฏิบัติการรองรับเตรียมไว้ !

เพิ่งจะมาตั้งหลักได้จริง ๆ ตอนที่ทหารเข้ามาบัญชาการเต็มที่ มีการตั้ง กอฉ. อันเป็นองค์กรปฏิบัติงานและเริ่มมีการวางแผนกำหนดวิธีการปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นตอน นำมาสู่การสลายการปิดล้อมที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง

13 เม.ย. – ฝ่ายรัฐบาลตั้งลำได้ คนที่ช่วยกันออกใบอนุญาต License to attack ก็คืออันธพาลเสื้อแดงทั้งหลายที่ไปทำร้ายคนและแกนนำเสื้อแดงที่กำลังฮึกเหิมไม่กุมยุทธศาสตร์นั่นเอง-อย่าไปโทษใครเลย

13 เม.ย.ตอนเที่ยง - รัฐบาลตั้งหลักได้แต่แกนนำเสื้อแดงยังไปไม่เป็น...ดูถ่ายทอดสดรู้ได้เลยว่ากำลังตระหนก วีระประกาศจะไม่ใช้อาวุธแต่หมอเหวงประกาศให้คนเสื้อแดงพิจารณาตอบโต้กันเอง คือปล่อยให้คนก่อจลาจลกันตามอัธยาศัย

ปริมาณคนที่หน้าทำเนียบไม่ว่าจะลดหรือไม่ลดอย่างไรเสื้อแดงได้พ่ายแพ้ในทางยุทธศาสตร์ไปแล้วเพราะเกมมวลชนแบบนี้ฝ่ายที่ยึดกุมความชอบธรรมเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้ารัฐบาลไม่บ้าจี้ซ้ำรอยเสื้อน้ำเงิน ยึดหลักกฎหมาย หลักความถูกต้อง หลักไม่บ้าเลือดเห็นประชาชนเป็นศัตรูแบบที่ได้ดำเนินการมาตลอดเช้าวันที่ 13 เม.ย. ก็จะได้เปรียบต่อไป

ทัพเสื้อแดงที่ยึดหลักตอบโต้แบบไม่สนใจหัวอกประชาชนปิดอนุสาวรีย์ชัยฯ - ปิดถนนที่สาทรไม่สำเร็จก็ยังไม่เก็บบทเรียนดันไปเอารถแก๊สมาใช้ต่อรองกับเจ้าหน้าที่

มันก็เกิดกรณีปรากฏการณ์แฟลตดินแดงซ้ำรอยปรากฏการณ์สาทรเพราะชาวบ้านเขาไม่สนุกด้วยที่เอารถแก๊สมาจอดหน้าบ้านเขา ใช้ชีวิตชาวบ้านเป็นเครื่องต่อรองก็เลยรวมตัวกันไปกดดันเสื้อแดงอีกทอดหนึ่ง

คุณทักษิณ ! ทัพเสื้อแดงล้อมทำเนียบจบแล้ว

แผนปฏิวัติประชาชนเลียนแบบการปฏิวัติอิสลามของโคไมนีใกล้จบลงแล้ว !!!


สิ่งเดียวที่คุณจะทำได้คือปลุกให้ลิ่วล้อและใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อก่อสงครามจรยุทธ์แบบกองโจร ก่อจลาจลย่อย กระทำวินาศกรรม ซึ่งหมายถึงการซ้ำเติมประเทศชาติที่พังยับเยินไปแล้วไม่ให้โงหัวขึ้นมาอีก

สงสารตัวเอง.. สงสารพี่น้องประชาชนคนไทยร่วมชาติ..เพราะนี่ไม่ใช่การชุมนุมภายใต้กฎหมายเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอีกแล้วแต่เป็นการก่อสงครามกลางเมืองเพื่อล้มล้างอำนาจรัฐ แปรรูปจากทัพใหญ่มาเป็นกองโจร..สงครามนี้อาจจะกินเวลาต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง

ไม่รู้รัฐบาลโหล่ยโท่ยประชาธิปัตย์จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดไปทั่วทุกหัวระแหงยังไงเพราะลำพังกลไกรัฐที่มีใช้งานได้แค่ครึ่งเดียว ตำรวจนั้นเป็นสีแดงมากกว่าสีกากี

เรื่องตำรวจนี่ต้องว่ากันยาวเพราะหากมีจรยุทธ์เกิดขึ้นจริง อันดับแรกของการแก้ปัญหาคือต้องผ่าตัดตำรวจครั้งใหญ่

พร้อม ๆ กันนั้นการเข้าไปจัดการ บรรเทา เหนี่ยวรั้ง และถ่วงดุลกับการเคลื่อนไหวแบบจรยุทธ์มีแต่ต้องใช้พลังของแผ่นดิน ที่หมายถึงประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศจริง ๆ เท่านั้น

แบบเดียวกับ ปรากฏการณ์สาทร

แบบเดียวกับ ปรากฏการณ์แฟลตดินแดง

ปัญหาก็คือพรรคประชาธิปัตย์ทำการเมืองแบบไม่สร้างมวลชนของตัวเอง ต่างกับทักษิณที่เชื่อในทฤษฎีสร้างมวลชนเป็นฐานพรรค .. มวลชนของประชาธิปัตย์จึงเป็นมวลชนแบบหยิบยืมอย่างที่ไปยืมมวลชนเสื้อน้ำเงินของเนวินนั่นแหละ

และส่วนสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันคือแนวรบข้อมูลข่าวสาร การทำความเข้าใจสถานการณ์และข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาสอบตกอย่างไม่ต้องสงสัย

การใช้มาตรการบริหารข่าวสารเชิงรุก ด้วยการกำหนดกรอบนโยบายนั้นเป็นคนละเรื่องกับการไปแทรกแซงสื่อ เอาแค่มีนโยบายว่าโทรทัศน์แห่งชาติต้องเป็นเพื่อนประชาชนในยามเกิดวิกฤตเพราะช่องอื่นมันเน้นการค้า

เมื่อเปิดพื้นที่เต็มที่แล้วพวกคุณก็ตั้งทีมงานประเมินสถานการณ์แถลงทุกวัน มีหรือที่ช่อง 11 จะไม่ถ่ายทอดเพราะเป็นนโยบายที่ต้องการให้ประชาชนรู้ข้อมูลทั้งหมด ใครหน้าไหนไปพูดเรื่องรูปติดฝาผนัง ใครหน้าไหนพูดว่าจะจัดการกับเจ้าขององคมนตรี ก็หยิบมาบอกกล่าวกับประชาชน ฯลฯ

ข้อพิสูจน์การบริหารข่าวสารในยามวิกฤตระหว่าง 8-13 เม.ย. เพียงพอแล้วกับคำว่าโหล่ยโท่ย !

ทักษิณ คุณแพ้แล้วสำหรับสมรภูมิทำเนียบ แต่ระยะยาวไม่แน่หากประชาธิปัตย์ยังโหล่ยโท่ยแบบนี้ !!!
กำลังโหลดความคิดเห็น