xs
xsm
sm
md
lg

ทัพเสื้อแดง 24 ก.พ. : ยังไม่ใช่ของจริง

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ถ้าอยากจะเข้าใจทัพเสื้อแดงแบบอ่านขาดทะลุปรุโปร่งขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านไปดูคอลัมน์ของ 2 ผู้อาวุโส เปลว สีเงิน กับ ท่านขุนน้อย ในไทยโพสต์ฉบับเช้าวันจันทร์ เพราะที่สุดแล้วการกำหนดยกทัพใหญ่คนเสื้อแดงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์เป็นต้นไปนั้นเป็นแค่งานหลอกกินสตางค์นักโทษหนีคุกเท่านั้น

ความเห็นของผู้อาวุโส – การระดมทัพใหญ่เสื้อแดงที่โหมปั่นกระแสไพร่พลว่าจะชิงเมืองคืนนั้นที่สุดเป็นได้แค่การแสดงศักดานุภาพระยะสั้น ๆ เพราะรู้ ๆ กันว่าเสื้อแดงไม่มีพลังพอที่จะปักหลักพักค้างได้ยาวนานเหมือนกับพันธมิตร ดูตามหน้าไพ่แล้วยังไงก็ไม่สามารถชิงเมืองคืนให้กับพระเจ้ามูลเมืองได้อย่างแน่นอน

ท่านขุนน้อย บอกว่า ขีดความสามารถสูงสุดของมวลชนนั้นอย่างมากก็พออาศัยเป็นแค่ตัวสร้างแรงกดดันให้กับสถานการณ์ได้เพียงเท่านั้น..แต่ย่อมไม่ใช่..ตัวชี้ขาด

แรงกดดันต่อสถานการณ์รอบนี้ จึงเป็นแค่การอาศัยการประชุมที่ทั่วโลกจับตามอง หากมีการสร้างสถานการณ์พิเศษแสดงพลังคนเสื้อแดงหลักหมื่นกลางกรุงขึ้นมา ก็อาจจะได้ใบบุญถูกสื่อสารออกไปพร้อม ๆ กับการประชุม บอกกับนานาชาติว่ายังมีคนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนี้อยู่

ถ้าเอาแค่ระดับนี้ มันก็แค่ดิสเครดิตพอมีแรงลมกระหน่ำซัดเล็กน้อยถึงปานกลาง หาใช่ระดับมรสุมแต่อย่างใด !

หากอ้างอิงตามศัพท์ของท่านขุนน้อยที่บอกว่า เกมมวลชนอย่างมากก็แค่ตัวสร้างแรงกดดันให้สถานการณ์ - ไม่ใช่ตัวชี้ขาด แล้วตัวชี้ขาดอยู่ที่ไหน ?

คำตอบก็คืออยู่ที่รัฐสภาฯ !!!

ตัวชี้ขาดของเกมชิงบ้านเมืองกลับให้พระเจ้ามูลเมืองอยู่ที่ในสภาแต่ต้องเป็นเดือนหน้าโน่นที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนการประชุมสภาฯ สัปดาห์นี้ เป็นการประชุมสมัยสามัญทั่วไปครั้งที่ 10-11 ต่อเนื่องกันพุธ-พฤหัสฯ

ตรวจสอบวาระการประชุมแล้ว เห็นมีเพียงช่วงบ่ายของวันพฤหัสฯ เท่านั้นที่น่าจะมีการปะทะคารมดุเดือดกันอีกสักรอบเพราะเป็นวาระเปิดให้กระทู้ถามสด ส่วนวันพุธ และพฤหัสฯ เช้า วาระถูกล็อกเอาไว้จะแหกด่านเอาเรื่องเสื้อแดงหรือเรื่องป่วนรัฐบาลเข้าไปก็ไม่สามารถจะแทรกเข้าไปได้เพราะเป็นกำหนดประชุม “เฉพาะเรื่องที่พิจารณา” เท่านั้น

ความหวังที่จะโค่นรัฐบาลได้จึงไม่ใช่พลังเสื้อแดงป่วนเมืองระยะสัปดาห์นี้ แต่จะเป็นการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเป็นระยะ เป็นระลอก ๆ ไปนับจากสัปดาห์แรก 24-28 กุมภาพันธ์ ต่อจากนั้นจะเริ่มถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงมีนาคมและจะหนักมากที่สุดในช่วงก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจต่างหาก

ความอำมหิตพิสดารต่าง ๆ จะมีให้เห็นในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ที่ผ่านมาก็เริ่มมีการปูทางเอาไว้ เช่น ส.ส.ปึ้ง-สุรพงษ์จากเชียงใหม่ หัวใสมาก (หัวใสในที่นี้หมายถึงฉลาดหาได้หลอกด่าหัวล้านไม่-โปรดเข้าใจด้วย) สมอ้างยอมรับว่าดีหากมีการเจรจาจับมือร่วมรัฐบาลระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย เพราะข่าวนี้หมายถึงการลอยแพพรรคร่วม

ต่อจากนั้นมีการแพลมออกมาแล้วว่าจะใช้หมากกลเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะตามมาตรา 158-159 ล็อกไม่ให้รัฐมนตรีประชาธิปัตย์ลงคะแนนเสียงช่วยพรรค แล้วทุ่มทุนใช้ไดรโว่-ดูดพรรคร่วม-งูเห่า กลับเข้ามา แนวทางนี้เป็นไปได้สูงทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติหากว่า การป่วนเมืองขย่มรัฐของเสื้อแดงนอกสภาทำงานได้ผล และที่สำคัญก็ต้องภาวนาให้การทำงานของรัฐบาลเกิดสะดุดขาหรือมีปัญหาเพิ่มขึ้นกว่าเรื่องหยุมหยิม ปลากระป๋อง-นมบูด ให้ได้

เกมที่ปูเอาไว้ ประสานทั้งนอกและในสภา

ปูทางนอกสภา - โหมโรงเสื้อแดงบนถนน .. รอบนี้จะเป็นแค่การชิมลางประกาศศักดา-สร้างความฮึกเหิม ปูทางสำหรับทัพหลวงที่แท้จริงเดือนมีนาคม

ปูทางในสภา – ปล่อยของออกมาเรื่อย ๆ เพื่อตอกลิ่มพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มจากกฎหมายนิรโทษกรรม ต่อด้วยข่าวสองพรรคใหญ่จับมือร่วมรัฐบาล แต่ที่สุดแล้วเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ เงื่อนเป็นเงื่อนตายอยู่ที่เอกสิทธิ์การยกมือของ ส.ส. ซึ่งจะทำให้ราคาของการทุ่มทุนสร้างอาจจะถึงขั้นต้องจ่ายในราคาเดียวกับหนังของจอร์จ ลูคัส เพราะขั้วอำนาจเก่าอยู่ในสภาพถดถอยถึงที่สุด หากไม่ตัดใจทุ่มทุนเด็ดขาดในระยะ 2-3 เดือนนี้อาจจะถึงขั้นม้วนเสื้อยกตระกูล

ระยะ 24-27 กุมภาพันธ์นี้ เป็นระยะที่ตำรวจ-ทหารต้องทำงานหนัก (อีกแล้ว) แต่เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาหาใช่ปัญหาที่หนักหนาเกินไป (เพราะหนักกว่านี้ก็มีให้เห็นมาแล้ว)

แต่คนที่ต้องแบกปัญหาหนักจริง ๆ กลับเป็น แก๊งหัวขวด และพวกแกนนำฝ่ายซ้ายเก่าผู้อยากจะล้มล้างระบอบ เพราะต้องควบคุมเหล่าเสื้อแดงที่ไม่อันธพาลและอันธพาลเสื้อแดงให้อยู่ในกรอบให้ได้

ถ้ายังคิดยังจะหลอกทำมาหารับประทานต่อในรอบต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะการรับงานต่อในช่วงเดือนมีนาคม แกนนำหัวขวดและซ้ายอกหัก มีปัญหาต้องควบคุมอันธพาลเสื้อแดงให้ดี

เพราะที่สุดแล้วมวลชนที่ขน ๆ กันมาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมมีสมองอยู่พอสมควรรู้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง แกนนำเสื้อแดงย่อมรู้แก่ใจว่าศักยภาพของม็อบสีแดงนั้นอย่างมากแค่ระคาย หรือ สร้างความไม่สะดวก หาใช่มีอำนาจถึงล้มอำนาจรัฐแต่อย่างใด

ศักยภาพสูงสุดของการชุมนุมโดยมวลชน อยู่ที่ คุณภาพของมวลชน ถ้ามีคุณภาพจะมีความเข้าใจ มีความอดทน และมีความเสียสละ .. พลังของการชุมนุมจะเกิดจริง

แต่หากไม่มีปัจจัยเหล่านี้ หลอกฝ่ายเดียวกันมุ่งเป้าหมายโค่นล้ม-ป้ายความชิงชังใส่ลงไป มวลชนที่เคลื่อนไหวไม่อดทน ไม่เข้าใจสถานการณ์ เมื่อรู้ว่าโค่นล้มไม่ได้แน่จุดสุดท้ายก็คงไม่หนีแบบที่ท่านขุนน้อยว่าไว้คือ จลาจล !

การทำมวลชนยุคใหม่ให้มีพลัง แกนนำต้องมุ่งสร้างปัญญาและความเข้าใจสถานการณ์ให้กับมวลชนของตน

แกนนำที่ดีต้องไม่สร้างมวลชนแบบวัว-ควาย หรือหลอกมวลชนไปวัน ๆ - - เพราะถ้ามวลชนเป็นวัวควายศักยภาพโดยรวมจะไม่เกิด แกนนำจะเป็นได้แค่หัวหน้าฝูงวัว-ควายเท่านั้น !!
กำลังโหลดความคิดเห็น