เสียงของทักษิณ ชินวัตร ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถานดังมาก ถึงขนาดที่สำนักข่าวต่างประเทศพร้อมใจกันรายงาน
คำกล่าวของทักษิณชัดเจนมาก ตอกย้ำจดหมายที่เขาเขียนถึงสื่อต่างประเทศหลังวันที่ 21 ตุลาคม ที่แสดงความไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และ ระบบศาลของไทย
รอบนี้เขาบรรจงใช้คำว่า “กระบวนการยุติ-ความเป็นธรรม” โดยตอกย้ำคำนี้ถี่ ๆ อย่างจงใจ
คำกล่าวโดยรวมพูดถึงความไม่เป็นธรรม แต่ก็ยังไม่วายมีลูกโอ่โชว์ความสามารถเป็นของแถม อาทิ มีผู้นำหลายประเทศชักชวนแสดงให้ประชาชนเสื้อแดงเห็นว่าเขานั้นยังมีราคาอยู่
ทักษิณในคืนวันนั้นยังคงเป็นทักษิณคนเดิมมีพลังดึงดูดผู้ชมแบบเซียนการตลาดของแท้ เรียกน้ำตาแม่ยกเสื้อแดงจากเหนือ-อีสานไปหลายหยด BBC ถึงเรียกคลิปดังกล่าวว่า Thaksin's emotional address
แต่ประโยคเด็ดซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่แทบทุกสำนักข่าวทั้งในและนอกไม่พลาดที่ต้องรายงานก็คือ การจุดประเด็นเรื่องการกลับประเทศ โดยกล่าวว่า ไม่มีใครนำตนเองกลับประเทศได้ นอกจากพระบารมีที่ทรงเมตตาหรือพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น
บางสำนักถึงกับตีความลงไปเลยว่า ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณขอพระราชทานอภัยโทษ
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ทักษิณ ได้ประกาศสัญญาณการ “สู้เต็มตัว”
ประกาศไม่ยอมรับความผิด กระตุ้นมวลชนคนเสื้อแดงให้สู้ด้วยการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเขาต่อ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเขา (สู้กับกระบวนการยุติ-ความเป็นธรรม) และเพื่อให้เขาได้กลับบ้าน
เวลาประมาณ 15 นาทีของทักษิณเมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน จะคุ้มค่ากับเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาทหรือไม่ ? – คำตอบสุดท้ายอยู่ที่การเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึงเต็มที
ยุทธศาสตร์หลักของพรรคพลังประชาชนเวลานี้ เป้าหมายปลายทางอยู่ที่ป้องปรามการรัฐประหาร ลากสถานการณ์ไปถึงยุบสภาเลือกตั้งใหม่ให้ได้ เพราะปฏิทินการเมืองกำหนดวันชี้ชะตาตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนใกล้เข้ามาทุกขณะ
ระหว่างทาง หากสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ถือเป็นบำเหน็จติดมือ และหากจูงให้สังคมยอมรับแนวทาง สสร. 3 ได้จะยิ่งเป็นผลดี เพราะสามารถลากสถานการณ์ให้ไกลออกออกอีกไปอย่างน้อย 5 เดือน
แต่ที่สุดแล้วเป้าหมายขั้นต่ำเบื้องต้นก็คือ การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนี้ !
การเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงภายใต้การนำของกุนซือสายเหนือทั้งแผงระยะสองสัปดาห์มานี้ อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทั้งสิ้น
1.ตัดกำลัง/สกัดพลังของพันธมิตรประชาชนฯ รบกวนการสื่อสารที่เป็นอาวุธหลัก ประกาศสงครามประชาชนที่แม้จะไม่มีสงครามเต็มรูปแต่ก็เริ่มปะทะประปราย เพราะรู้ว่าใช้มาตรการอื่นไม่เป็นผล ต้องใช้ลูกตอบโต้แรงเพื่อที่จะหยุดหรือทำให้ชะงัก คนเสื้อแดงเหิมเกริมขนาดไปตบหน้าคนใส่เสื้อเหลืองเสียเฉย ๆ ที่ตลาดสันป่าข่อย เชียงใหม่, ใช้วิธีอันธพาลถึงขนาดยกพวกไปยึดมือตบแม่ค้าที่ตลาดวโรรส แสดงท่าทีพร้อมรบแบบตาต่อตาให้สังคมรับรู้-กังวล – และสุดท้ายคือหน่วยรบจรยุทธ์ ใช้กำลังน้อยแต่สร้างความเสียหายสูงไปรบกวนการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
2.เสริมแนวรบด้านการสื่อสาร เพราะที่ผ่านมาเป็นจุดบอดมีการลงทุนขยายเครือข่ายวิทยุชุมชน เสริมความเข้มข้นของรายการจากเดิมปล่อยดี.เจ.บ้านนอกให้พ่นน้ำลายแตกคอแบบน้ำท่วมทุ่ง ก็เปลี่ยนมาใช้เทปเสียงรายการความจริงวันนี้ และ ถ่ายทอดรายการสดจากคลื่น 105 ช่วง นายปลื้ม-ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการ ฯลฯ
3.รายการความจริงวันนี้ เป็นฮับของการเคลื่อนไหวมวลชน การระดมคนแต่ละครั้งมีความหมายต่อเนื่องไปถึงแกนนำหัวคะแนนในพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เป็นช่องทางหาเสียงล่วงหน้าก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยเฉพาะการปล่อยอาวุธหนัก การโฟนอินของทักษิณ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ โจทย์เบื้องต้นคือฟื้นขวัญกำลังใจของมวลชนที่หดหู่ อึดอัดที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้รายทางมาทุกสมรภูมิ
4.เกมทางการเมือง ประกาศสมานฉันท์ยุติความรุนแรง / เสนอแนวทาง สสร.3 / ซื้อเวลาด้วยเกมการเมืองวันต่อวัน เช่น ประกาศหนุนแนวทางของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองชิงความได้เปรียบ ฯลฯ พร้อมกันนั้นก็สร้างความได้เปรียบผ่านช่องทางระบบราชการ โยกย้ายข้าราชการใกล้ชิดเข้าพื้นที่ ปูฐานรองรับการเลือกตั้ง รวมไปถึง โครงการใหญ่เพื่อสะสมทุน
แท้จริงแล้วพรรคพลังประชาชนหาได้มั่นใจเต็มที่ในการเลือกตั้งรอบต่อไปเลย ใครที่บอกว่าเลือกเมื่อไหร่ก็ชนะอีกเมื่อนั้นเป็นพวกที่หลงอยู่กับความสำเร็จในอดีต
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ตลอดกว่า 5 เดือนทำให้ดุลมวลชนฝ่ายที่ไม่เอาพรรคทักษิณนั้นมากขึ้นจนน่ากลัว เอาแค่เปรียบเทียบคะแนนเลือกตั้งซ่อมเพชรบูรณ์ที่ประชาธิปัตย์ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวบ่งบอกอะไรหลายอย่าง หากมองย้อนไปดูคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เมื่อการเลือกตั้งปี 50 ก็ยิ่งเห็นว่าไม่ได้ห่างกันมาก
การเคลื่อนไหวแทบทั้งหมด ที่จะทำให้ตนได้เปรียบในการเลือกตั้งจะต้องทำตอนนี้ ระหว่างที่ยังไม่มี พรฎ.ยุบสภา/ประกาศเลือกตั้งใหม่ เพราะเมื่อถึงตอนนั้น การใช้อำนาจบริหารจะต้องผ่านการอนุมัติของ กกต. / ผู้สมัคร ส.ส. จะไปร่วมเวทีการเคลื่อนไหวเวทีเสื้อแดงออกหน้าไม่ได้ ฯลฯ
เหล่านี้คือยุทธศาสตร์และวิธีการของพรรคพลังประชาชน ภายใต้คนเสียงดังที่สุดคือ ทักษิณ ส่วนสมชายนั้นพูดอะไรออกไปคนในพรรคยังไม่ฟังเลย ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ต้องอ่านอีกแล้ว
จึงขอสื่อไปยังผู้ที่อยู่ตรงกลางและกลุ่มต้องการศานติเสวนา เป้าหมายของท่านคือยุติความรุนแรงนั้นอาจจะทำได้หากเป็นการห้ามเด็กประถมตีกัน แต่สำหรับการเมืองไทยเวลานี้จะเป็นแค่การพยายามซุกขยะไว้ไต้พรม เพราะเงื่อนไขของความรุนแรงนั้นเป็นระดับโครงสร้าง
เพราะเงื่อนไขสำคัญ อาทิ การไม่ยอมรับการจำกัดอำนาจของฝ่ายการเมืองให้อยู่ในกรอบ, การไม่ยอมรับเงื่อนไขธรรมาภิบาล, การไม่ยอมรับมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ให้เท่ากับอารยะประเทศ, การยอมไม่รับว่าจะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง, โครงสร้างการเมืองแบบใช้เงินเพื่อเข้าสู่อำนาจโดยไม่ตั้งอยู่บนฐานประชาชนก็ยังคงอยู่, การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม, การไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพพื้นที่ฐานของประชาชนอย่างแท้จริง, การไม่เข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน, การไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฯลฯ - - ยังคงดำรงอยู่
นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างในระยะเปลี่ยนผ่านของสังคมไทยครั้งใหญ่
เหล่านี้คือเงื่อนไขของความรุนแรง อันอาจนำมาสู่ สงครามประชาชน
ที่ยังคงดำรงอยู่ !!
คำกล่าวของทักษิณชัดเจนมาก ตอกย้ำจดหมายที่เขาเขียนถึงสื่อต่างประเทศหลังวันที่ 21 ตุลาคม ที่แสดงความไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และ ระบบศาลของไทย
รอบนี้เขาบรรจงใช้คำว่า “กระบวนการยุติ-ความเป็นธรรม” โดยตอกย้ำคำนี้ถี่ ๆ อย่างจงใจ
คำกล่าวโดยรวมพูดถึงความไม่เป็นธรรม แต่ก็ยังไม่วายมีลูกโอ่โชว์ความสามารถเป็นของแถม อาทิ มีผู้นำหลายประเทศชักชวนแสดงให้ประชาชนเสื้อแดงเห็นว่าเขานั้นยังมีราคาอยู่
ทักษิณในคืนวันนั้นยังคงเป็นทักษิณคนเดิมมีพลังดึงดูดผู้ชมแบบเซียนการตลาดของแท้ เรียกน้ำตาแม่ยกเสื้อแดงจากเหนือ-อีสานไปหลายหยด BBC ถึงเรียกคลิปดังกล่าวว่า Thaksin's emotional address
แต่ประโยคเด็ดซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่แทบทุกสำนักข่าวทั้งในและนอกไม่พลาดที่ต้องรายงานก็คือ การจุดประเด็นเรื่องการกลับประเทศ โดยกล่าวว่า ไม่มีใครนำตนเองกลับประเทศได้ นอกจากพระบารมีที่ทรงเมตตาหรือพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น
บางสำนักถึงกับตีความลงไปเลยว่า ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณขอพระราชทานอภัยโทษ
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ทักษิณ ได้ประกาศสัญญาณการ “สู้เต็มตัว”
ประกาศไม่ยอมรับความผิด กระตุ้นมวลชนคนเสื้อแดงให้สู้ด้วยการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเขาต่อ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเขา (สู้กับกระบวนการยุติ-ความเป็นธรรม) และเพื่อให้เขาได้กลับบ้าน
เวลาประมาณ 15 นาทีของทักษิณเมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน จะคุ้มค่ากับเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาทหรือไม่ ? – คำตอบสุดท้ายอยู่ที่การเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึงเต็มที
ยุทธศาสตร์หลักของพรรคพลังประชาชนเวลานี้ เป้าหมายปลายทางอยู่ที่ป้องปรามการรัฐประหาร ลากสถานการณ์ไปถึงยุบสภาเลือกตั้งใหม่ให้ได้ เพราะปฏิทินการเมืองกำหนดวันชี้ชะตาตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนใกล้เข้ามาทุกขณะ
ระหว่างทาง หากสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ถือเป็นบำเหน็จติดมือ และหากจูงให้สังคมยอมรับแนวทาง สสร. 3 ได้จะยิ่งเป็นผลดี เพราะสามารถลากสถานการณ์ให้ไกลออกออกอีกไปอย่างน้อย 5 เดือน
แต่ที่สุดแล้วเป้าหมายขั้นต่ำเบื้องต้นก็คือ การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนี้ !
การเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงภายใต้การนำของกุนซือสายเหนือทั้งแผงระยะสองสัปดาห์มานี้ อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทั้งสิ้น
1.ตัดกำลัง/สกัดพลังของพันธมิตรประชาชนฯ รบกวนการสื่อสารที่เป็นอาวุธหลัก ประกาศสงครามประชาชนที่แม้จะไม่มีสงครามเต็มรูปแต่ก็เริ่มปะทะประปราย เพราะรู้ว่าใช้มาตรการอื่นไม่เป็นผล ต้องใช้ลูกตอบโต้แรงเพื่อที่จะหยุดหรือทำให้ชะงัก คนเสื้อแดงเหิมเกริมขนาดไปตบหน้าคนใส่เสื้อเหลืองเสียเฉย ๆ ที่ตลาดสันป่าข่อย เชียงใหม่, ใช้วิธีอันธพาลถึงขนาดยกพวกไปยึดมือตบแม่ค้าที่ตลาดวโรรส แสดงท่าทีพร้อมรบแบบตาต่อตาให้สังคมรับรู้-กังวล – และสุดท้ายคือหน่วยรบจรยุทธ์ ใช้กำลังน้อยแต่สร้างความเสียหายสูงไปรบกวนการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
2.เสริมแนวรบด้านการสื่อสาร เพราะที่ผ่านมาเป็นจุดบอดมีการลงทุนขยายเครือข่ายวิทยุชุมชน เสริมความเข้มข้นของรายการจากเดิมปล่อยดี.เจ.บ้านนอกให้พ่นน้ำลายแตกคอแบบน้ำท่วมทุ่ง ก็เปลี่ยนมาใช้เทปเสียงรายการความจริงวันนี้ และ ถ่ายทอดรายการสดจากคลื่น 105 ช่วง นายปลื้ม-ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการ ฯลฯ
3.รายการความจริงวันนี้ เป็นฮับของการเคลื่อนไหวมวลชน การระดมคนแต่ละครั้งมีความหมายต่อเนื่องไปถึงแกนนำหัวคะแนนในพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เป็นช่องทางหาเสียงล่วงหน้าก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยเฉพาะการปล่อยอาวุธหนัก การโฟนอินของทักษิณ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ โจทย์เบื้องต้นคือฟื้นขวัญกำลังใจของมวลชนที่หดหู่ อึดอัดที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้รายทางมาทุกสมรภูมิ
4.เกมทางการเมือง ประกาศสมานฉันท์ยุติความรุนแรง / เสนอแนวทาง สสร.3 / ซื้อเวลาด้วยเกมการเมืองวันต่อวัน เช่น ประกาศหนุนแนวทางของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองชิงความได้เปรียบ ฯลฯ พร้อมกันนั้นก็สร้างความได้เปรียบผ่านช่องทางระบบราชการ โยกย้ายข้าราชการใกล้ชิดเข้าพื้นที่ ปูฐานรองรับการเลือกตั้ง รวมไปถึง โครงการใหญ่เพื่อสะสมทุน
แท้จริงแล้วพรรคพลังประชาชนหาได้มั่นใจเต็มที่ในการเลือกตั้งรอบต่อไปเลย ใครที่บอกว่าเลือกเมื่อไหร่ก็ชนะอีกเมื่อนั้นเป็นพวกที่หลงอยู่กับความสำเร็จในอดีต
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ตลอดกว่า 5 เดือนทำให้ดุลมวลชนฝ่ายที่ไม่เอาพรรคทักษิณนั้นมากขึ้นจนน่ากลัว เอาแค่เปรียบเทียบคะแนนเลือกตั้งซ่อมเพชรบูรณ์ที่ประชาธิปัตย์ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวบ่งบอกอะไรหลายอย่าง หากมองย้อนไปดูคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เมื่อการเลือกตั้งปี 50 ก็ยิ่งเห็นว่าไม่ได้ห่างกันมาก
การเคลื่อนไหวแทบทั้งหมด ที่จะทำให้ตนได้เปรียบในการเลือกตั้งจะต้องทำตอนนี้ ระหว่างที่ยังไม่มี พรฎ.ยุบสภา/ประกาศเลือกตั้งใหม่ เพราะเมื่อถึงตอนนั้น การใช้อำนาจบริหารจะต้องผ่านการอนุมัติของ กกต. / ผู้สมัคร ส.ส. จะไปร่วมเวทีการเคลื่อนไหวเวทีเสื้อแดงออกหน้าไม่ได้ ฯลฯ
เหล่านี้คือยุทธศาสตร์และวิธีการของพรรคพลังประชาชน ภายใต้คนเสียงดังที่สุดคือ ทักษิณ ส่วนสมชายนั้นพูดอะไรออกไปคนในพรรคยังไม่ฟังเลย ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ต้องอ่านอีกแล้ว
จึงขอสื่อไปยังผู้ที่อยู่ตรงกลางและกลุ่มต้องการศานติเสวนา เป้าหมายของท่านคือยุติความรุนแรงนั้นอาจจะทำได้หากเป็นการห้ามเด็กประถมตีกัน แต่สำหรับการเมืองไทยเวลานี้จะเป็นแค่การพยายามซุกขยะไว้ไต้พรม เพราะเงื่อนไขของความรุนแรงนั้นเป็นระดับโครงสร้าง
เพราะเงื่อนไขสำคัญ อาทิ การไม่ยอมรับการจำกัดอำนาจของฝ่ายการเมืองให้อยู่ในกรอบ, การไม่ยอมรับเงื่อนไขธรรมาภิบาล, การไม่ยอมรับมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ให้เท่ากับอารยะประเทศ, การยอมไม่รับว่าจะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง, โครงสร้างการเมืองแบบใช้เงินเพื่อเข้าสู่อำนาจโดยไม่ตั้งอยู่บนฐานประชาชนก็ยังคงอยู่, การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม, การไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพพื้นที่ฐานของประชาชนอย่างแท้จริง, การไม่เข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน, การไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฯลฯ - - ยังคงดำรงอยู่
นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างในระยะเปลี่ยนผ่านของสังคมไทยครั้งใหญ่
เหล่านี้คือเงื่อนไขของความรุนแรง อันอาจนำมาสู่ สงครามประชาชน
ที่ยังคงดำรงอยู่ !!