รัฐธรรมนูญปี 40 หรือ 50 ต่างก็มีจุดแข็งจุดอ่อนของตนเอง ... หาใช่อันหนึ่งเป็นเทพ อีกอันเป็นมาร แต่อย่างใดเลย
แต่ก็ยังมีคนหน้าด้านบางพวกพยายามสร้างวาทกรรมปล่อยสู่สังคมให้เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 40 เป็นสิ่งดีเลิศ แล้วก็ตั้งโจทย์ให้คนไทย 60 กว่าล้านคนเลือกเอาระหว่าง 50 หรือ 40 โดยไม่เสนอทางเลือกอื่นเลย
มันหยาบเกินไป สำหรับเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของชาติบ้านเมือง !!!
ในฐานะประชาชนไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตยคนหนึ่ง และในฐานะลูกจ้างบริษัทที่ต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่สามารถใช่เล่ห์กลหลบเลี่ยงเหมือนไอ้พวกเศรษฐีขี้เหนียวบางกลุ่ม ขอใช้สิทธิ์ประกาศว่า พวกคุณไม่กี่ร้อยคน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และ ส.ว. ใช้วิธีการมุบมิบร่างกฎหมาย จู่ ๆ ก็ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ เป็นวิธีการที่ไม่วางอยู่บนวิถีประชาธิปไตย
พวกคุณทั้งหมด ลองไปเกิดใหม่ แล้วลองทำวิธีการแบบเดียวกันนี้ในประเทศอารยะดูเถิดว่าสังคมอารยะทั้งหลายยอมรับได้ไหม รับรองไม่มีใครเอาด้วยกับคุณหรอก
สำหรับประเทศอารยะ เขาอาจจะเรียกวิธีการของพวกคุณว่าวิธีการของพวกป่าเถื่อนก็ได้
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเสนอขึ้นไปนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกผม-ประชาชนคนไทยทั้ง 60 กว่าล้านคน
พวกคุณเตรียมจะแก้ไข ปรับ เพิ่ม ลด สิทธิ-เสรีภาพ ที่กฎหมายรับรองให้กับพวกผม-คนไทยเจ้าของประเทศ ซึ่งปรากฏในหมวดที่ 3 – โดยไม่บอกรายละเอียดใด ๆ ให้กับเจ้าของสิทธิ์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
เหมือนกับขอเช็คเปล่ามาเขียน .. พวกผมไม่มีสิทธิ์รู้เลยหรือว่า สิทธิ-เสรีภาพที่เคยมีจะถูกปรับแก้ หรือ ปล้นชิงซึ่งหน้าไปแบบไหน-อย่างไร
จริงอยู่ประเทศไทยของเราวนเวียนอยู่การ ฉีก-ร่าง-ฉีก-ร่าง รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด แต่อย่างน้อยนับแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นต้นธารของกระแสการปฏิรูปการเมืองครั้งแรก กระแสธงเขียวกดดันให้พวกคุณ-นักเลือกตั้งเปิดทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.1 และเราก็ได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ขึ้นมาใช้
กระบวนการทำงานของ สสร. 1 วางอยู่บนฐานของการเปิดกว้าง หลากหลาย รับฟังความเห็น และแลกเปลี่ยนซึ่งกันละกัน น่าเสียดายที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปี 2549 ก่อให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ปี 50 ดังที่ทราบกัน
แต่ สสร.2 ได้ใช้กระบวนการถกเถียง แลกเปลี่ยน เปิดกว้าง วางตนเองบนสังคมตามแนวทางปฏิรูปการเมืองครั้งแรก แม้จะอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านหลังรัฐประหารก็ตาม
ขอโทษ !! กระบวนการทำงานของ สสร.1-2 นั้น แตกต่างจากพวกคุณทำอย่างฟ้ากับเหว ... เขาเคารพประชาชน-แต่พวกคุณไม่ !!
รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่พวกคุณอยากจะนำกลับมาใช้นั้น เขามีเจตนาแก้ปัญหาการเมืองช่วงก่อนหน้า อยากให้รัฐบาลเข้มแข็ง แต่ก็ออกแบบให้มีกลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุล และ เหนี่ยวรั้งการใช้อำนาจ โดยให้ ส.ว.เป็นกลาง-หาเสียงไม่ได้ และให้มีองค์กรอิสระต่าง ๆ มาถ่วงดุล ก็ปรากฏก็มีพวกริยำบ้าอำนาจที่ไหนไม่รู้ทำให้เจตนาดังกล่าวเป็นหมัน – แมวที่ไหนมันไปแทรกแซงพวกคุณตอบได้ไหม ?
รัฐธรรมนูญปี 40 ถือเป็นครั้งแรกที่มีการถกเถียงและได้เพิ่มสิทธิ-เสรีภาพให้ประชาชนเจ้าของประเทศ ในหมวดที่ 3 (สิทธิเสรีภาพของประชาชน) เพื่อให้ประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดสรรอำนาจ ต่อรอง ถ่วงดุลเหนี่ยวรั้งอำนาจ ที่พวกเรามอบให้พวกคุณไปใช้แทน
แต่ก็ไม่เป็นจริงตามนั้น !!
เพราะนักเลือกตั้งในสภาไม่ยอมออกกฎหมายลูกมารองรับ สิทธิ-เสรีภาพของประชาชนจึงไปติดอยู่กับคำว่า “ทั้งนี้ขึ้นกับกฎหมายที่กำหนด”
ตลอดการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 40 สิทธิ-เสรีภาพ ที่พวกผมควรจะได้รับตามรัฐธรรมนูญ ถูกพวกนักเลือกตั้งบ้าอำนาจ ยื้อเวลาทำไขสือไม่ออกกฎหมายลูกมารองรับ ... พวกคุณคิดว่าควรจะลงโทษไอ้พวกนักเลือกตั้งเหล่านี้อย่างไรดี
มาถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้สิทธิ และ เสรีภาพแก่ประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งบัญญัติไว้ในหมวดที่ 3 มากขึ้นกว่าปี 2540 เพราะคนร่างหวังจะให้เกิด การเมืองภาคพลเมืองที่เข้มแข็งขึ้นมา
ประเทศประชาธิปไตยที่เป็นอารยะนั้น การเมืองเขาเดินหน้าไปได้ดี เพราะนอกจากมีกติกาการเข้าสู่อำนาจ การจัดสรร จัดแบ่ง ตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ที่ดีแล้ว
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้คือ สังคมเปิด กติกาที่ร่างทั้งหมดวางอยู่บนการเคารพสิทธิ-เสรีภาพของประชาชนเจ้าของประเทศ มีสื่อที่เข้มแข็ง และภาคพลเมืองที่เข้มแข็ง
หรือพวกคุณจะเถียง ... ก็เถียงมาสิ !
หลายคนในพวกคุณอาจจะบอกว่า ประชาธิปไตยที่แท้ ต้องอยู่ในสังคมปิด ประชาชนไม่รู้ ไม่สนใจข่าว ใครจ้างก็ทำ ใครหลอกก็เชื่อ ไม่ต้องตรวจสอบ ใครได้รับเลือกตั้งมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้...ใครที่คิดอย่างนี้ช่วยเปิดเผยตัวออกหน้ามาหน่อยซิ ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ
พวกคุณคิดจะแก้ไขปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับรอง สิทธิ-เสรีภาพของพวกผม
แต่พวกคุณมุบมิบทำ มีรายละเอียดตรงไหน แก้อะไร ก็ไม่บอกกันก่อน ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำชี้แจงใด ๆ นอกจากวาทกรรมที่หยาบมาก ๆ แค่ว่า ปี 50 ไม่ดี ปี 40 ดีกว่า !!!
คุณดูถูกคนไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่พวกคุณเอาไปละเลงเล่นกันอยู่ในสภาฯ
คุณไม่แยแสประชาชนเจ้าของประเทศเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะวิธีการที่พวกคุณกำลังทำกันอยู่ โธ่เอ๊ย ! ผู้ทรงเกียรติ..เรียกกันไปเองเถิด
คุณไม่ให้เกียรติประชาชน แถมดันมายกก้นกันเองสนุกปาก – ไม่กระดากกันบ้างเลยรึ ?
เจ้าของประเทศ โดยเฉพาะคนไทยที่เสียภาษีทุกคน มีสิทธิ์เต็มเปี่ยม ที่จะรับรู้เรื่องราว รายละเอียด ต้องการคำอธิบาย คำชี้แจง และต้องการรู้ว่า พวกคุณจะทำอะไรกับ สิทธิ-เสรีภาพของเราที่บัญญัติอยู่ในหมวดที่ 3 บ้าง
หรือเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 50 ให้อำนาจประชาชนมากกว่าปี 2540 คงไม่ต้องมาจาระไนเรียงมาตรา ก็เลยคิดจะตัดทิ้งมันเสียเล่น ๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง บ้านผมเรียกว่าเป็นการปล้นชัด ๆ !!
แต่ก็ยังมีคนหน้าด้านบางพวกพยายามสร้างวาทกรรมปล่อยสู่สังคมให้เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 40 เป็นสิ่งดีเลิศ แล้วก็ตั้งโจทย์ให้คนไทย 60 กว่าล้านคนเลือกเอาระหว่าง 50 หรือ 40 โดยไม่เสนอทางเลือกอื่นเลย
มันหยาบเกินไป สำหรับเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของชาติบ้านเมือง !!!
ในฐานะประชาชนไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตยคนหนึ่ง และในฐานะลูกจ้างบริษัทที่ต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่สามารถใช่เล่ห์กลหลบเลี่ยงเหมือนไอ้พวกเศรษฐีขี้เหนียวบางกลุ่ม ขอใช้สิทธิ์ประกาศว่า พวกคุณไม่กี่ร้อยคน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และ ส.ว. ใช้วิธีการมุบมิบร่างกฎหมาย จู่ ๆ ก็ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ เป็นวิธีการที่ไม่วางอยู่บนวิถีประชาธิปไตย
พวกคุณทั้งหมด ลองไปเกิดใหม่ แล้วลองทำวิธีการแบบเดียวกันนี้ในประเทศอารยะดูเถิดว่าสังคมอารยะทั้งหลายยอมรับได้ไหม รับรองไม่มีใครเอาด้วยกับคุณหรอก
สำหรับประเทศอารยะ เขาอาจจะเรียกวิธีการของพวกคุณว่าวิธีการของพวกป่าเถื่อนก็ได้
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเสนอขึ้นไปนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกผม-ประชาชนคนไทยทั้ง 60 กว่าล้านคน
พวกคุณเตรียมจะแก้ไข ปรับ เพิ่ม ลด สิทธิ-เสรีภาพ ที่กฎหมายรับรองให้กับพวกผม-คนไทยเจ้าของประเทศ ซึ่งปรากฏในหมวดที่ 3 – โดยไม่บอกรายละเอียดใด ๆ ให้กับเจ้าของสิทธิ์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
เหมือนกับขอเช็คเปล่ามาเขียน .. พวกผมไม่มีสิทธิ์รู้เลยหรือว่า สิทธิ-เสรีภาพที่เคยมีจะถูกปรับแก้ หรือ ปล้นชิงซึ่งหน้าไปแบบไหน-อย่างไร
จริงอยู่ประเทศไทยของเราวนเวียนอยู่การ ฉีก-ร่าง-ฉีก-ร่าง รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด แต่อย่างน้อยนับแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นต้นธารของกระแสการปฏิรูปการเมืองครั้งแรก กระแสธงเขียวกดดันให้พวกคุณ-นักเลือกตั้งเปิดทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร.1 และเราก็ได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ขึ้นมาใช้
กระบวนการทำงานของ สสร. 1 วางอยู่บนฐานของการเปิดกว้าง หลากหลาย รับฟังความเห็น และแลกเปลี่ยนซึ่งกันละกัน น่าเสียดายที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปี 2549 ก่อให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ปี 50 ดังที่ทราบกัน
แต่ สสร.2 ได้ใช้กระบวนการถกเถียง แลกเปลี่ยน เปิดกว้าง วางตนเองบนสังคมตามแนวทางปฏิรูปการเมืองครั้งแรก แม้จะอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านหลังรัฐประหารก็ตาม
ขอโทษ !! กระบวนการทำงานของ สสร.1-2 นั้น แตกต่างจากพวกคุณทำอย่างฟ้ากับเหว ... เขาเคารพประชาชน-แต่พวกคุณไม่ !!
รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่พวกคุณอยากจะนำกลับมาใช้นั้น เขามีเจตนาแก้ปัญหาการเมืองช่วงก่อนหน้า อยากให้รัฐบาลเข้มแข็ง แต่ก็ออกแบบให้มีกลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุล และ เหนี่ยวรั้งการใช้อำนาจ โดยให้ ส.ว.เป็นกลาง-หาเสียงไม่ได้ และให้มีองค์กรอิสระต่าง ๆ มาถ่วงดุล ก็ปรากฏก็มีพวกริยำบ้าอำนาจที่ไหนไม่รู้ทำให้เจตนาดังกล่าวเป็นหมัน – แมวที่ไหนมันไปแทรกแซงพวกคุณตอบได้ไหม ?
รัฐธรรมนูญปี 40 ถือเป็นครั้งแรกที่มีการถกเถียงและได้เพิ่มสิทธิ-เสรีภาพให้ประชาชนเจ้าของประเทศ ในหมวดที่ 3 (สิทธิเสรีภาพของประชาชน) เพื่อให้ประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดสรรอำนาจ ต่อรอง ถ่วงดุลเหนี่ยวรั้งอำนาจ ที่พวกเรามอบให้พวกคุณไปใช้แทน
แต่ก็ไม่เป็นจริงตามนั้น !!
เพราะนักเลือกตั้งในสภาไม่ยอมออกกฎหมายลูกมารองรับ สิทธิ-เสรีภาพของประชาชนจึงไปติดอยู่กับคำว่า “ทั้งนี้ขึ้นกับกฎหมายที่กำหนด”
ตลอดการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 40 สิทธิ-เสรีภาพ ที่พวกผมควรจะได้รับตามรัฐธรรมนูญ ถูกพวกนักเลือกตั้งบ้าอำนาจ ยื้อเวลาทำไขสือไม่ออกกฎหมายลูกมารองรับ ... พวกคุณคิดว่าควรจะลงโทษไอ้พวกนักเลือกตั้งเหล่านี้อย่างไรดี
มาถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้สิทธิ และ เสรีภาพแก่ประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งบัญญัติไว้ในหมวดที่ 3 มากขึ้นกว่าปี 2540 เพราะคนร่างหวังจะให้เกิด การเมืองภาคพลเมืองที่เข้มแข็งขึ้นมา
ประเทศประชาธิปไตยที่เป็นอารยะนั้น การเมืองเขาเดินหน้าไปได้ดี เพราะนอกจากมีกติกาการเข้าสู่อำนาจ การจัดสรร จัดแบ่ง ตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ที่ดีแล้ว
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้คือ สังคมเปิด กติกาที่ร่างทั้งหมดวางอยู่บนการเคารพสิทธิ-เสรีภาพของประชาชนเจ้าของประเทศ มีสื่อที่เข้มแข็ง และภาคพลเมืองที่เข้มแข็ง
หรือพวกคุณจะเถียง ... ก็เถียงมาสิ !
หลายคนในพวกคุณอาจจะบอกว่า ประชาธิปไตยที่แท้ ต้องอยู่ในสังคมปิด ประชาชนไม่รู้ ไม่สนใจข่าว ใครจ้างก็ทำ ใครหลอกก็เชื่อ ไม่ต้องตรวจสอบ ใครได้รับเลือกตั้งมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้...ใครที่คิดอย่างนี้ช่วยเปิดเผยตัวออกหน้ามาหน่อยซิ ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ
พวกคุณคิดจะแก้ไขปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับรอง สิทธิ-เสรีภาพของพวกผม
แต่พวกคุณมุบมิบทำ มีรายละเอียดตรงไหน แก้อะไร ก็ไม่บอกกันก่อน ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำชี้แจงใด ๆ นอกจากวาทกรรมที่หยาบมาก ๆ แค่ว่า ปี 50 ไม่ดี ปี 40 ดีกว่า !!!
คุณดูถูกคนไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่พวกคุณเอาไปละเลงเล่นกันอยู่ในสภาฯ
คุณไม่แยแสประชาชนเจ้าของประเทศเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะวิธีการที่พวกคุณกำลังทำกันอยู่ โธ่เอ๊ย ! ผู้ทรงเกียรติ..เรียกกันไปเองเถิด
คุณไม่ให้เกียรติประชาชน แถมดันมายกก้นกันเองสนุกปาก – ไม่กระดากกันบ้างเลยรึ ?
เจ้าของประเทศ โดยเฉพาะคนไทยที่เสียภาษีทุกคน มีสิทธิ์เต็มเปี่ยม ที่จะรับรู้เรื่องราว รายละเอียด ต้องการคำอธิบาย คำชี้แจง และต้องการรู้ว่า พวกคุณจะทำอะไรกับ สิทธิ-เสรีภาพของเราที่บัญญัติอยู่ในหมวดที่ 3 บ้าง
หรือเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 50 ให้อำนาจประชาชนมากกว่าปี 2540 คงไม่ต้องมาจาระไนเรียงมาตรา ก็เลยคิดจะตัดทิ้งมันเสียเล่น ๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง บ้านผมเรียกว่าเป็นการปล้นชัด ๆ !!